00...ถือเป็นคดีที่ถูกจับตามองมากที่สุด สำหรับโศกนาฎกรรมสลายม็อบ 7 ตุลาเลือด ที่มี"สมชาย วงศ์สวัสดิ์,พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ,พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ,พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว"ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญา และวินัยร้ายแรง ร่วมชะตากรรมฆาตกรสั่งเฆ่นฆ่าประชาชน เป็นตราบาปติดตัวปั้นปลายชีวิตหลังเกษียณ
สำนวนคดีนี้ แทนที่จะเดินต่อไป ตามกระบวนการขั้นตอนการสั่งฟ้องคดีของอัยการ องค์กรที่ได้ชื่อว่า เป็น"ทนายแผ่นดิน" แต่ไม่เป็นไปดั่งที่ควรจะเป็น เมื่อ อสส."นายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์"ยังยึดมาตรฐานการสั่งคดีการเมือง เหมือนกับ อสส.คนเดิม"นายชัยเกษม นิติศิริ"ที่มักจะมีความเห็นต่างในสำนวนที่ ป.ป.ช.สรุปส่งให้สั่งฟ้อง ว่าสำนวนคดียังไม่สมบูรณ์ ในหลายประเด็น พร้อมเสนอตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และ ป.ป.ช.รับผิดชอบร่วมกัน
ประเด็นข้อสงสัยของอัยการ จะไม่มีใครรู้ว่า อัยการท่านสงสัย หรือ ยังมีเรื่องค้างคาใจในเรื่องใด?
แต่หลัง"นายวิชา มหาคุณ"กรรมการ ป.ป.ช.ออกมาตอบข้อข้องใจของสื่อ ต่อสำนวนคดี 7 ตุลาเลือด ทำให้ประชาชนถึงรู้ซึ้งและร้อง อ๋อ...ว่า มันแปลกดีนะ!
ด้วยเหตุที่ว่า การตีกลับสำนวนคดีมายัง ป.ป.ช.ของท่าน อสส.ก็เพราะท่านต้องการให้ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติมอีกเป็น 100 ปาก โดยให้เหตุผลว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่อง ส่วนที่บอกว่าแปลก ก็ตรงพยาน 100 ปาก ที่ต้องการให้สอบเป็นตำรวจทั้งน้าน!!!
การร้องขอความเป็นธรรมของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ถือเป็นเรื่องปกติในกระบวนการยุติธรรม แต่สำหรับคดีนี้ การสอบพยานตำรวจ 100 ปาก ที่เกิดจากการร้องขอความเป็นธรรมของ"พัชรวาท และ สุชาติ"ถือว่าไม่ปกติ เพราะเป็นการสอบพวกเดียวกัน ให้การไปในทางเดียวกัน
อีกทั้ง"วิชา มหาคุณ"พูดชัดว่า "พยานฝ่ายตำรวจตอนสอบพยานเราก็คัด เพราะเวลาส่งไปที่ศาลก็ไม่ใช่ว่าเขาเสนอพยานมา 100 ปาก แล้วต้องสอบให้หมด มันเป็นไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นศาลคงทำงาน 100 วัน มันต้องคัดเลือกว่าใครมีน้ำหนักเกี่ยวข้องอย่างไร ผมเป็นศาลมาผมก็ยึดวิธีการ ที่ให้ความเป็นธรรม โดยถือน้ำหนักคำพยานว่าเกี่ยวข้องหรือไม่"
คดีนี้หลายคนอาจนึกถึงสำนวนคดี"หวยบนดิน และ กล้ายาง"ที่ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องไปก่อนหน้านี้ ว่ากรณีที่อัยการ เสนอให้ ป.ป.ช.สอบเพิ่มเติมตามประเด็นที่ อัยการเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ และหาก ป.ป.ช.ไม่ดำเนินการตามอัยการสั่ง หรือ ดำเนินการแต่ไม่ครบถ้วน จะกลายเป็นเรื่อง อัยการชี้ช่องต่อสู้ให้กับ กลุ่มผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่
เพราะวันนี้ หรือ วันหน้า แน่นอนประชาชนไม่ต้องการเห็นภาพข่าว อัยการสูงสุด หรือ ทีมงานอัยการ ต้องขึ้นบันไดศาลเป็นพยานให้กับฝ่ายจำเลยในการแก้ต่างต่อสู้คดี (แม้จะไปเป็นพยานตามหมายศาลก็ตามที)
ส่วนท้ายสุดสำนวนคดี 7 ตุลา จะสรุปลงตัว เมื่อใด ส่งฟ้องได้วันไหน ฟ้องหมดทุกคน หรือ สั่งไม่ฟ้องทั้งหมด และ อัยการจะย่ำรอยเดิม ยอมเป็นพยานเพิ่มน้ำหนักให้ฝ่ายจำเลย เพราะหากเป็นเช่นนั้นซ้ำอีก คำพูดที่ว่า อัยการเป็น"ทนายแผ่นดิน" หรือ เป็นทนายใคร น่าจะมีคำตอบอยู่ในตัว
00...หลายคนคงเริ่มเบื่อหน่าย กับการต่อสายสั่งการข้ามประเทศทั้งในแบบโฟนอิน และวีดีโอลิงค์ ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตผู้นำพลัดถิ่นผู้หลบหนีอาญาแผ่นดิน กลับมายังกลุ่มผู้สนับสนุน "คนเสื้อแดง" และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่กำลังเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาฯ เป้าหมายเดียวคือล้มกระดานล้างไพ่ใหม่เพื่อให้นายใหญ่กลับประเทศแบบไม่ต้องรับโทษ
ช่วง 2-3 เดือนนี้ "ทักษิณ" โฟนอินถี่ขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะบนเวทีปราศรัย วงเสวนาเล็กๆ หรือแม้กระทั่งร้านก๋วยเตี๋ยวจนกลายเป็นภาพชินตาคล้ายกับว่าอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมคนนี้ อยู่ใกล้ๆ ส่งผลด้านกำลังใจแก่ฝ่ายผู้สนับสนุนให้มีพลังในการเคลื่อนไหวปั่นป่วนสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวโดยตรง ในการล่าตัว "ทักษิณ"กลับมารับโทษจำคุก 2 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ อย่างกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด ทำได้แค่นั่งมองตาปริบๆ
"ทักษิณ" มีดีอะไร ทำไมจับตัวกลับมารับโทษไม่ได้?
คำถามนี้..นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการต่างประเทศ ให้คำตอบว่า อุปสรรคและข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การตามตัว ทักษิณ กลับมารับโทษไม่คืบหน้า เพราะเขาใช้วิธีย้ายที่พักอาศัยไปตามประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนกับรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นเกาะฮ่องกง นิการากัว หรือแม้กระทั่งนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทำให้กระบวนการการขอให้ส่งตัวกลับมาทำได้ยาก เพราะเราทำได้เพียงประสานขอตัวผ่านช่องทางการทูตโดยใช้หลักต่างตอบแทนเท่านั้น
ขณะที่ส่วนหนึ่งจากถ้อยแถลงเปิดใจในวันรับตำแหน่ง อัยการสูงสุด (อสส.)ของ "จุลสิงห์ วสันตสิงห์ "ที่ฉายภาพมิติใหม่ในการทำงานขององค์กรอัยการที่จะมุ่งหน้าตามล่าผู้บ่อนทำลายชาติจากภายนอกประเทศมารับโทษ ก็พอมีหวัง
ดังนั้น คงต้องฝากความหวังไว้กับ “อสส.”ที่มีความรู้ความเข้าใจเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ขับเคลื่อน “ สำนักงานอัยการสูงสุด” กลับมาเป็นองค์กรที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม ทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด เร่งรัดภารกิจยิ่งใหญ่ในการติดตามตัว "นช.ทักษิณ"กลับมารับโทษ แม้จะรู้เป็นเรื่องยากแต่หากมีความตั้งใจ พลิกเกมปิดน่านฟ้าล่าตัวกลับมาเข้าคุกได้ จะเป็นการเรียกแรงศรัทธากลับมาสู่องค์กรอัยการไทยได้ไม่มาก ก็น้อย
สำนวนคดีนี้ แทนที่จะเดินต่อไป ตามกระบวนการขั้นตอนการสั่งฟ้องคดีของอัยการ องค์กรที่ได้ชื่อว่า เป็น"ทนายแผ่นดิน" แต่ไม่เป็นไปดั่งที่ควรจะเป็น เมื่อ อสส."นายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์"ยังยึดมาตรฐานการสั่งคดีการเมือง เหมือนกับ อสส.คนเดิม"นายชัยเกษม นิติศิริ"ที่มักจะมีความเห็นต่างในสำนวนที่ ป.ป.ช.สรุปส่งให้สั่งฟ้อง ว่าสำนวนคดียังไม่สมบูรณ์ ในหลายประเด็น พร้อมเสนอตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และ ป.ป.ช.รับผิดชอบร่วมกัน
ประเด็นข้อสงสัยของอัยการ จะไม่มีใครรู้ว่า อัยการท่านสงสัย หรือ ยังมีเรื่องค้างคาใจในเรื่องใด?
แต่หลัง"นายวิชา มหาคุณ"กรรมการ ป.ป.ช.ออกมาตอบข้อข้องใจของสื่อ ต่อสำนวนคดี 7 ตุลาเลือด ทำให้ประชาชนถึงรู้ซึ้งและร้อง อ๋อ...ว่า มันแปลกดีนะ!
ด้วยเหตุที่ว่า การตีกลับสำนวนคดีมายัง ป.ป.ช.ของท่าน อสส.ก็เพราะท่านต้องการให้ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติมอีกเป็น 100 ปาก โดยให้เหตุผลว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่อง ส่วนที่บอกว่าแปลก ก็ตรงพยาน 100 ปาก ที่ต้องการให้สอบเป็นตำรวจทั้งน้าน!!!
การร้องขอความเป็นธรรมของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ถือเป็นเรื่องปกติในกระบวนการยุติธรรม แต่สำหรับคดีนี้ การสอบพยานตำรวจ 100 ปาก ที่เกิดจากการร้องขอความเป็นธรรมของ"พัชรวาท และ สุชาติ"ถือว่าไม่ปกติ เพราะเป็นการสอบพวกเดียวกัน ให้การไปในทางเดียวกัน
อีกทั้ง"วิชา มหาคุณ"พูดชัดว่า "พยานฝ่ายตำรวจตอนสอบพยานเราก็คัด เพราะเวลาส่งไปที่ศาลก็ไม่ใช่ว่าเขาเสนอพยานมา 100 ปาก แล้วต้องสอบให้หมด มันเป็นไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นศาลคงทำงาน 100 วัน มันต้องคัดเลือกว่าใครมีน้ำหนักเกี่ยวข้องอย่างไร ผมเป็นศาลมาผมก็ยึดวิธีการ ที่ให้ความเป็นธรรม โดยถือน้ำหนักคำพยานว่าเกี่ยวข้องหรือไม่"
คดีนี้หลายคนอาจนึกถึงสำนวนคดี"หวยบนดิน และ กล้ายาง"ที่ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องไปก่อนหน้านี้ ว่ากรณีที่อัยการ เสนอให้ ป.ป.ช.สอบเพิ่มเติมตามประเด็นที่ อัยการเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ และหาก ป.ป.ช.ไม่ดำเนินการตามอัยการสั่ง หรือ ดำเนินการแต่ไม่ครบถ้วน จะกลายเป็นเรื่อง อัยการชี้ช่องต่อสู้ให้กับ กลุ่มผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่
เพราะวันนี้ หรือ วันหน้า แน่นอนประชาชนไม่ต้องการเห็นภาพข่าว อัยการสูงสุด หรือ ทีมงานอัยการ ต้องขึ้นบันไดศาลเป็นพยานให้กับฝ่ายจำเลยในการแก้ต่างต่อสู้คดี (แม้จะไปเป็นพยานตามหมายศาลก็ตามที)
ส่วนท้ายสุดสำนวนคดี 7 ตุลา จะสรุปลงตัว เมื่อใด ส่งฟ้องได้วันไหน ฟ้องหมดทุกคน หรือ สั่งไม่ฟ้องทั้งหมด และ อัยการจะย่ำรอยเดิม ยอมเป็นพยานเพิ่มน้ำหนักให้ฝ่ายจำเลย เพราะหากเป็นเช่นนั้นซ้ำอีก คำพูดที่ว่า อัยการเป็น"ทนายแผ่นดิน" หรือ เป็นทนายใคร น่าจะมีคำตอบอยู่ในตัว
00...หลายคนคงเริ่มเบื่อหน่าย กับการต่อสายสั่งการข้ามประเทศทั้งในแบบโฟนอิน และวีดีโอลิงค์ ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตผู้นำพลัดถิ่นผู้หลบหนีอาญาแผ่นดิน กลับมายังกลุ่มผู้สนับสนุน "คนเสื้อแดง" และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่กำลังเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาฯ เป้าหมายเดียวคือล้มกระดานล้างไพ่ใหม่เพื่อให้นายใหญ่กลับประเทศแบบไม่ต้องรับโทษ
ช่วง 2-3 เดือนนี้ "ทักษิณ" โฟนอินถี่ขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะบนเวทีปราศรัย วงเสวนาเล็กๆ หรือแม้กระทั่งร้านก๋วยเตี๋ยวจนกลายเป็นภาพชินตาคล้ายกับว่าอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมคนนี้ อยู่ใกล้ๆ ส่งผลด้านกำลังใจแก่ฝ่ายผู้สนับสนุนให้มีพลังในการเคลื่อนไหวปั่นป่วนสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวโดยตรง ในการล่าตัว "ทักษิณ"กลับมารับโทษจำคุก 2 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ อย่างกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด ทำได้แค่นั่งมองตาปริบๆ
"ทักษิณ" มีดีอะไร ทำไมจับตัวกลับมารับโทษไม่ได้?
คำถามนี้..นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการต่างประเทศ ให้คำตอบว่า อุปสรรคและข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การตามตัว ทักษิณ กลับมารับโทษไม่คืบหน้า เพราะเขาใช้วิธีย้ายที่พักอาศัยไปตามประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนกับรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นเกาะฮ่องกง นิการากัว หรือแม้กระทั่งนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทำให้กระบวนการการขอให้ส่งตัวกลับมาทำได้ยาก เพราะเราทำได้เพียงประสานขอตัวผ่านช่องทางการทูตโดยใช้หลักต่างตอบแทนเท่านั้น
ขณะที่ส่วนหนึ่งจากถ้อยแถลงเปิดใจในวันรับตำแหน่ง อัยการสูงสุด (อสส.)ของ "จุลสิงห์ วสันตสิงห์ "ที่ฉายภาพมิติใหม่ในการทำงานขององค์กรอัยการที่จะมุ่งหน้าตามล่าผู้บ่อนทำลายชาติจากภายนอกประเทศมารับโทษ ก็พอมีหวัง
ดังนั้น คงต้องฝากความหวังไว้กับ “อสส.”ที่มีความรู้ความเข้าใจเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ขับเคลื่อน “ สำนักงานอัยการสูงสุด” กลับมาเป็นองค์กรที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม ทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด เร่งรัดภารกิจยิ่งใหญ่ในการติดตามตัว "นช.ทักษิณ"กลับมารับโทษ แม้จะรู้เป็นเรื่องยากแต่หากมีความตั้งใจ พลิกเกมปิดน่านฟ้าล่าตัวกลับมาเข้าคุกได้ จะเป็นการเรียกแรงศรัทธากลับมาสู่องค์กรอัยการไทยได้ไม่มาก ก็น้อย