“วอลเตอร์ ลี” พิธีกรอาหารคนดัง ให้เมียฟ้อง รพ.บำรุงราษฎร์ เรียกค่าเสียหาย 390 ล้านบาท ทำคลอดลูกชายพิการ
วันนี้ (6 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 29 ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลนัดสืบพยานโจทก์ ในคดีแพ่งหมายเลขดำ พ.8964/2550 ที่ นางประภาพร แซ่จึง อายุ 36 ปี ภรรยาของ นายวอลเตอร์ ลี อายุ 44 ปี สัญชาติมาเลเซีย พิธีกรรายการอาหาร “@ 5 dairy” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และ ด.ช.ซาย เค่อ ลี หรือน้องซาย อายุ 3 ปี เป็นโจทก์ที่ 1 และ 2 ยื่นฟ้อง บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน), นายแพทย์เดชะพงษ์ ภู่เจริญ แพทย์สูตินรีเวช และแพทย์หญิงอรชาติ อุดมพาณิชย์ แพทย์รังสีวิทยา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 390,966,293 บาท กรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.49 นางประภาพร ไปคลอดบุตรที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แต่บุตรมีร่างกายผิดปกติ โดยก่อนหน้านี้ศาลนัดไกล่เกลี่ย แต่กลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลไม่มาศาล
นัดนี้ ทนายโจทก์นำนางประภาพร เบิกความว่าตนไปฝากครรภ์ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ กับจำเลยที่ 2 เพราะเคยทำคลอดให้บุตรคนที่สองของตนมาก่อน ต่อมาอายุครรภ์ครบ 18 สัปดาห์ จำเลยที่2ได้ส่งตัวไปตรวจอัลตร้าซาวด์กับจำเลยที่ 3 ใช้เวลาตรวจไม่นาน จำเลยที่ 3 บอกว่าเด็กร่างกายปกติสมบูรณ์ดี โดยนำภาพอัลตร้าซาวด์ไว้ให้ดู จากนั้นเวลาผ่านไปตนรู้สึกอยากให้แพทย์ตรวจครรภ์ด้วยอัลตราซาวนด์อีกจึงแจ้งจำเลย แต่แพทย์บอกไม่จำเป็น จนกระทั่งคลอดออกมาวันที่ 30 ก.ย.2549 ทารกมีอาการแขนขาด ขาขาด เรียกว่าโรคโฟโคมีเลีย เป็นโรคที่เกิดได้น้อยมากหาสาเหตุไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่าหากแพทย์ยอมอัลตร้าซาวด์อย่างละเอียดมาแต่แรกน่าจะมีทางรักษาหรือมีทางเลือก แต่ตนไม่เคยคิดเรื่องการทำแท้งหรือยุติครรภ์ ถ้าจะทำต้องอยู่ในความเห็นของแพทย์ กรณีที่เกิดขึ้นนี้ แพทย์ไม่ตรวจให้ดี ตนนำบุตรไปรักษาที่ ร.พ.หลายแห่ง ระบุตรงกันว่าไม่อาจให้ความเห็นได้ ต้องรอดูให้เด็กโตจะหล่อเบ้าสะโพกให้ต่อมานายวอลเตอร์ ลี นำบุตรไปตรวจที่เยอรมันจนสามารถใช้กล้ามเนื้อประคองตัวเองได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกสะเทือนใจที่เห็นบุตรคนเล็กไม่อาจเคลื่อนไหวตัวช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนบุตรสองคนแรก นอกจากนี้ยังได้ไปร้องต่อคณะกรรมการแพทยสภา คณะกรรมการบอกว่าการกระทำของจำเลยที่ 2, 3 เป็นไปตามวิชาชีพแพทย์
นายวอลเตอร์ ลี เผยว่า ที่ตนมาฟ้องคดีนี้เพราะต้องการกระตุ้นเตือนให้แพทย์ทุกคน ที่มีหน้าที่ดูแลครรภ์ ได้โปรดใช้ความระมัดระวังเพิ่มความละเอียดรอบครอบ ที่ผ่านมาตนพบว่าลูกผิดปกติ ครอบครัวรู้สึกแย่มาก ภรรยาเข้าใจว่าเป็นความผิดของตัวเองมาตลอดต้องร้องไห้นานถึง 4 เดือน ดังนั้นขอให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างให้ร.พ.ตื่นตัวรับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ ในอนาคตตนจะตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กเกิดมาพิการใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคมได้ปกติ และให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองที่มีบุตรพิการ เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว การดำรงชีวิตของผู้พิการกับคนทั่วไปถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนค่าเสียหายค่ารักษาที่เสียไปตนไม่อยากพูดถึง
