สุรินทร์- สลด! “น้องอำนาจ” เด็กชายวัย 12 ขวบสุรินทร์ เป็นโรคกระดูกพรุนมาแต่กำเนิด พิการแขนขาลีบ ร่างกายผิดปกติไม่เติบโตตามวัย ส่วนแม่พิการถูกรถชนขาหัก แบกภาระเลี้ยงลูกด้วยความทุกข์ยากเพียงลำพัง ส่วนสามีตีจากไปมีแฟนใหม่ มีเพียงพ่อแม่อดีตสามีฐานะยากจนช่วยแบ่งเบาเท่าที่ทำได้ พร้อมให้ที่พักอาศัยอยู่ด้วย เพราะสงสารหลานและลูกสะใภ้ วอนขอความเมตตาผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 15 หมู่ 19 บ.โนนแดง ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ หลังได้รับแจ้งมาว่า พบหญิงพิการแบกรับภาระเลี้ยงลูกชายพิการอายุ 12 ขวบ ด้วยความทุกข์ยากลำบากเพียงลำพัง
เมื่อถึงบ้านเลขที่ดังกล่าว พบ นางทองพูน งามเลิศ อายุ 34 ปี นั่งดูแล ด.ช.อำนาจ งามเลิศ ลูกชายอายุ 12 ขวบ ที่พิการแขนขาลีบร่างกายผิดปกติ อยู่บนแคร่ภายในบ้าน พร้อมกับ นายทองใบ งามเลิศ อายุ 54 ปี และ นางสวรรค์ งามเลิศ อายุ 52 ปี พ่อแม่สามี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ที่คอยช่วยเหลือดูแล และให้ลูกสะใภ้และหลานชายพักอาศัยอยู่ด้วย
จากการสอบถามทราบว่า “น้องอำนาจ” พิการแขนขาลีบทั้ง 2 ข้าง และมีสภาพร่างกายผิดปกติไม่เติบโตตามวัย เพราะป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนมาแต่กำเนิด ไม่สามารถยืนได้และนั่งได้ไม่นาน เหมือนเด็กในวัยเดียวกันทั่วไป “น้องอำนาจ” จึงต้องนอนเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากขาและแขนทั้ง 2 ข้างลีบ ไม่มีกระดูกยึด เป็นที่น่าสงสารและเวทนาของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ชีวิตแม่ลูกคู่นี้ต้องอยู่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก อาศัยเบี้ยยังชีพผู้พิการจากทางราชการเดือนละ 500 บาท เป็นค่าใช้จ่ายซื้อนม อาหาร มาเลี้ยงดูลูกให้อยู่รอดไปวันๆ ประกอบกับ นางทองพูน ผู้เป็นแม่ ไม่สามารถเดินได้สะดวก เพราะประสบอุบัติเหตุถูกรถชนขาขวาหัก เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ มิหนำซ้ำสามีก็หนีไปมีภรรยาใหม่ มีเพียง นายทองใบ งามเลิศ และ นางสวรรค์ งามเลิศ พ่อแม่สามี ที่คอยหยิบยื่นความช่วยเหลือให้บ้างเท่าที่ทำได้ เพราะมีฐานะยกจนเช่นกันและให้อาศัยอยู่ที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน นายทองใบ งามเลิศ เสาหลักของบ้านนี้ เกิดอาการปวดและบวมที่ข้อเท้าเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก จากที่เคยไปรับจ้างขับรถยนต์เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ก็ต้องอยู่กับบ้านทำงานไม่ได้อีกคน แถมมีย่าทวด อายุ 99 ปี ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องดูแลอีก 1 คน
นางทองพูน งามเลิศ เล่าว่า “น้องอำนาจ” ลูกชายเกิดเมื่อปี 2540 เพียงเดือนเดียว ก็ป่วยไม่สบาย ต้องพาไปโรงพยาบาลหาหมอตลอดเวลา อาการก็ไม่ดีขึ้น หมอบอกว่าเป็นโรคกระดูกพรุน รักษาไม่หาย เคยคิดจะพาลูกไปรักษาที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่มีเงิน จนอายุ 12 ขวบ ก็มีสภาพอย่างที่เห็น
ต่อมาชีวิตต้องทุกข์ยากลำบากมากขึ้นอีก เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ตนและสามีถูกรถชนได้รับบาดเจ็บ ส่วนตนขาขวาหักจนถึงขณะนี้เดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก ที่สำคัญ ไม่สามารถทำงานได้ สามีก็มาจากไปมีภรรยาใหม่ อดทนเลี้ยงลูกเพียงลำพังมาโดยตลอด โดยเฉพาะภาระค่าใช้จ่าย ค่านม ค่าอาหารของลูกบางวันแทบไม่มีกิน แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่พ่อแม่สามีไม่เคยรังเกียจ มีจิตใจเมตตาสงสารทั้งตนและหลานที่พิการให้อาศัยอยู่ที่บ้านและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้บ้างเท่าที่มี
“ตอนนี้พ่อสามีก็ไม่สบายอีกคนไม่สามารถทำงานได้ ทำให้อนาคตข้างหน้าไม่รู้จะทำอย่างไร เคยคิดน้อยใจในชะตากรรมของตัวเอง แต่ต้องทำใจ เพราะอย่างไรเขาก็คือลูกของเรา ต้องเลี้ยงดูแลเขาให้ดีที่สุด” นางทองพูน กล่าว
ด้าน นายทองใบ งามเลิศ พ่อสามี กล่าวว่า รู้สึกสงสารทั้งหลานและลูกสะใภ้ ไม่รู้เวรกรรมจริงอะไร ลูกพิการ แม่ก็มาพิการ ทำอะไรไม่ได้ อยู่กันอย่างยากลำบาก ตนก็มาป่วยออดๆ แอดๆไม่สามารถทำงานได้เป็นปีแล้ว ต้องทนอยู่อย่างที่เห็น ไม่รู้จะทำอย่างไร อีกทั้งยังมีแม่ตนอายุ 99 ปี อีก 1 คน ที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้
ทุกวันนี้ได้แต่บอกลูกหลานว่า เรามีเท่าไรก็กินเท่านั้น จะอดๆ อยากๆ อย่างไร เรามีแค่นี้เราก็อยู่แค่นี้ บางครั้งเห็นหลานไม่สบายต้องช่วยกันพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล อ.ท่าตูม เงินค่าเดินทางก็ต้องไปหยิบยืมเขามา โชคดีที่ไปพบหมอแต่ละครั้ง หมอท่านก็ช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกให้อย่างดี
“อนาคตต่อไปไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร ขอวิงวอนผู้มีจิตเมตตาได้เข้ามาช่วยเหลือ ลูกสะใภ้และหลานของผมด้วย” นายทองใบ กล่าว
อนึ่ง สำหรับผู้ใจบุญมีจิตเมตตา ต้องการช่วยเหลือ นางทองพูน งามเลิศ และ ด.ช.อำนาจ งามเลิศ สองแม่ลูกพิการคู่ทุกข์ยากดังกล่าว สามารถบริจาคได้ บัญชี นางสวรรค์ งามเลิศ เลขบัญชีที่ 797-0-04335-6 ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย สุรินทร์พลาซ่า จ.สุรินทร์