“บุญรอด ตันประเสริฐ” เจ้าของสำนวนคดีกล้ายาง ยันไม่เครียด ไม่รู้สึกกลัว กับการถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงคำพิพากษารั่ว ระบุไม่เคยมีใครฮัลโหลล็อบบี้ ชี้ เป็นผู้พิพากษาจะยึดหลักความถูกต้องในการทำหน้าที่ พร้อมชี้แจงไม่มีปัญหา ด้าน “สราวุธ” เผยประธานศาลฎีกาได้เซ็นตั้งผู้พิพากษาระดับสูงในศาลฎีกา 3 คน เป็นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว
วันนี้ (25 ก.ย.) นายบุญรอด ตันประเสริฐ ประธานแผนกคดีเลือกตั้ง เจ้าของสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น ในงบประมาณ 1,440 ล้านบาท กล่าวถึงกรณีที่นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบว่าคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา ล่วงรู้ถึงบุคคลภายนอกก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำพิพากษาหรือไม่ว่า ตนรู้เรื่องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวจากสื่อมวลชน แต่ไม่รู้สึกเครียดอะไร ไม่มีปัญหาอะไรเลย ส่วนผู้พิพากษาองค์คณะคนอื่นๆ คงไม่มีอะไร เพราะเจ้าของสำนวนยังไม่มีปัญหาอะไร ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีการตั้งประเด็นว่ามีบุคคลภายนอกล่วงรู้คำพิพากษาก่อนอ่านหรือไม่นั้น หากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง จะเรียกผู้พิพากษาองค์คณะฯ ไปสอบถาม ก็พร้อม ไม่มีปัญหาแน่นอน
“ผู้พิพากษาเราทำในสิ่งถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทำสิ่งถูกต้องแล้วจะไม่ถูกใจใครทุกคน ก็ถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวิจารณ์ แต่เราผู้พิพากษาก็ไม่หวั่นไหว เพราะเรายึดหลักความถูกต้อง ไม่ใช่ถูกใจ ซึ่งการพิจารณาคดีเราก็ดูจำเลยทุกคนทั้ง 44 คนไม่ใช่ดูเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง ยืนยันว่าระหว่างพิจารณาคดีไม่มีใครติดต่อหรือโทร.หา หรือกดดันใดๆ ทั้งสิ้น” นายบุญรอด กล่าว
เจ้าของสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา กล่าวต่อไปว่า คำพิพากษาเต็มและคำวินิจฉัยส่วนตัวของผู้พิพากษาองค์คณะ สามารถตรวจดูได้หลังจากที่น่าจะมีการเผยแพร่ (เว็บไซต์ศาลฎีกา) ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าก่อนการตัดสินที่มีผู้คาดคะเนผลคำพิพากษาแล้ว อาจเป็นผลมาจากการพิจารณาไม่ใช่การพิจารณาลับ แต่กระทำโดยเปิดเผย ซึ่งเมื่อมีผู้รับฟังการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง ก็อาจประมวลความเป็นไปได้ในการตัดสิน โดยการตัดสินก็มีทางเลือกว่าถูกหรือผิดเท่านั้น ดังนั้นการคาดคะเนจึงมีโอกาสที่จะทายถูกหรือทายผิด 50 ต่อ 50
นายบุญรอดกล่าวอีกว่า แม้จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกกลัวหรือระแวงในการทำหน้าที่ตัดสินคดี เพราะผู้พิพากษายึดหลักความถูกต้อง และสามารถตอบคำถามทุกอย่างได้ หากผู้พิพากษากลัวกระแสที่วิจารณ์แล้วคงไม่มีหลัก ซึ่งคงอยู่ในสภาพเป๋ไปเป๋มา ซึ่งไม่ใช่ การเป็นผู้พิพากษาทำหน้าที่ตัดสินอยู่ได้มานานเพราะยึดหลักความถูกต้อง
ขณะที่ นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้นายวิรัช ประธานศาลฎีกา ได้พิจารณาและลงนามเห็นชอบแต่งตั้งผู้พิพากษาระดับสูง 3 คน เป็นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนรายชื่อไม่สามารถให้รายละเอียดได้ อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษาที่ได้แต่งตั้งนั้นเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา โดยหลังจากนี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป