“อุดม” ชี้ทนายสินบน 2 ล้าน หมดอนาคตทางวิชาชีพต้องถูกใบอนุญาต ฐานทำเสื่อมเสียจริยธรรม ระบุไม่สมควรว่าความช่วยคดีให้ “แม้ว” อีกแล้ว พร้อมให้จับตาตำรวจจะรับลูกดำเนินการต่ออย่างไร ขณะเดียวกัน เตรียมสั่งฟ้องทุจริตกล้ายาง-เอ็กซิมแบงก์ 27 มิ.ย.
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวถึงกรณีที่องค์คณะของศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 เดือนนายพิชิฎ ชื่นบาน และพวกอีก 2 คนว่า นายพิชิฏคงไม่สามาถที่จะปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพทนายความได้อีกต่อไป เพราะการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาลผิดวินัยและจริยธรรมของวิชาชีพทนายความ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของสภาทนายความที่จะพิจารณาเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพและถูกถออดออกการเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา
นายอุดม กล่าวว่า หลังจากนี้ทางศาลจะต้องส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยศาลได้มีการสรุปข้อเท็จจจริงแล้วจึงเป็นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องที่สังคมต้องตรวจสอบและจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนครั้งนี้
ถามว่า นายพิชิฏสมควรเป็นทีมทนายความให้อดีตนายกฯ หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า เป็นเรื่องของทนายความกับลูกความแต่การที่ลูกความจะให้บุคคลที่ขาดคุณสมบัติการเป็นทนายความวิชาชีพที่ดีมาพิจารณาคดีควมคงไม่เหมาะสม และคงไม่กระทบต่อคดีที่นายพิชิฎว่าความให้ พ.ต.ท.ทักษิณในการต่อสู้กับ คตส.เพราะเรื่องของลูกความ และขณะนี้อยู่ในระหว่างศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ศาลจะพิจารณาคดีนี้เกี่ยวกับพฤติกรรมของทนายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเอง
นายอุดม เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ คตส.จะมีการประชุมในเวลา 16.00 น.เพื่อพิจารณาสำนวนฟ้องคดีกล้ายางพารา และเอ็กซิมแบงก์ที่ คตส.แต่งตั้งทีมทนายความขึ้นมาฟ้องเอง ซึ่งจะเป็นการสรุปสุดท้ายก่อนมอบหมายให้ทีมทนายความส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ในวันที่ 27 มิ.ย
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวถึงกรณีที่องค์คณะของศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 เดือนนายพิชิฎ ชื่นบาน และพวกอีก 2 คนว่า นายพิชิฏคงไม่สามาถที่จะปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพทนายความได้อีกต่อไป เพราะการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาลผิดวินัยและจริยธรรมของวิชาชีพทนายความ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของสภาทนายความที่จะพิจารณาเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพและถูกถออดออกการเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา
นายอุดม กล่าวว่า หลังจากนี้ทางศาลจะต้องส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยศาลได้มีการสรุปข้อเท็จจจริงแล้วจึงเป็นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องที่สังคมต้องตรวจสอบและจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนครั้งนี้
ถามว่า นายพิชิฏสมควรเป็นทีมทนายความให้อดีตนายกฯ หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า เป็นเรื่องของทนายความกับลูกความแต่การที่ลูกความจะให้บุคคลที่ขาดคุณสมบัติการเป็นทนายความวิชาชีพที่ดีมาพิจารณาคดีควมคงไม่เหมาะสม และคงไม่กระทบต่อคดีที่นายพิชิฎว่าความให้ พ.ต.ท.ทักษิณในการต่อสู้กับ คตส.เพราะเรื่องของลูกความ และขณะนี้อยู่ในระหว่างศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ศาลจะพิจารณาคดีนี้เกี่ยวกับพฤติกรรมของทนายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเอง
นายอุดม เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ คตส.จะมีการประชุมในเวลา 16.00 น.เพื่อพิจารณาสำนวนฟ้องคดีกล้ายางพารา และเอ็กซิมแบงก์ที่ คตส.แต่งตั้งทีมทนายความขึ้นมาฟ้องเอง ซึ่งจะเป็นการสรุปสุดท้ายก่อนมอบหมายให้ทีมทนายความส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ในวันที่ 27 มิ.ย