xs
xsm
sm
md
lg

สภาทนายลงดาบลบชื่อ 3 ทนายแม้วหิ้วถุงขนม 2 ล้าน 5 ปี!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
คณะกรรมการมรรยาท สภาทนาย ลงมติเอกฉันท์ “พิชิฏ ชื่นบาน ทนายทักษิณ-เสมียนทนาย-ธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดีหญิงอ้อ ทำผิดข้อบังคับมรรยาท ละเมิดศาลหิ้วถุงขนม 2 ล้านให้ จนท.ศาลฎีกานักการเมือง สั่งโทษหนักสุดลบชื่อจากทะเบียนทนายความ ต้องงดทำหน้าที่ถึง 5 ปี

วันนี้ (9 ก.ย.) นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ กล่าวถึงการพิจารณาข้อกล่าวหานายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตจัดซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก กับพวกซึ่งเป็นเสมียนทนายความ และผู้ประสานงานคดี รวม 3 คน กระทำผิดข้อบังคับมรรยาทความว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการมรรยาทจำนวน 13 คนที่เข้าร่วมประชุมจากจำนวนทั้งหมด 15 คน ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายพิชิฏ ชื่นบาน, น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ และนายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 ข้อ 6 ที่ไม่เคารพยำเกรง อำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา และข้อ 18 ที่ประกอบอาชีพดำเนินธุรกิจหรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีหรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ จากการที่บุคคลทั้งสามได้ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ที่นายธนาผู้ประสานงานคดีได้นำเงินสด 2 ล้านบาท บรรจุในซองสีน้ำตาลเพื่อจะมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง ในวันที่ 10 มิ.ย.51 ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เดินทางไปรายงานตัวต่อศาลคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก

นายสิทธิโชคกล่าวว่า สำหรับการวินิจฉัยโทษกับทนายความทั้งสามนั้น คณะกรรมการมรรยาท ลงมติเสียงข้างมาก 9 ต่อ 3 เสียง โดยตนในฐานะประธานกรรมการมรรยาท ไม่ได้ออกเสียง ให้ลงโทษหนัดสุด ตาม พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 ด้วยการการลบชื่อทนายความทั้งสามออกจากทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ซึ่งทั้งสามไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความได้เป็นเวลา 5 ปี โดยหลังจากนี้คณะกรรมการมรรยาทฯ ต้องทำรายงานการลงมติ พร้อมส่งสำนวนการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด เสนอคณะกรรมการสภาทนายความ จำนวน 25 คนที่มีนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เป็นประธาน และมีตัวแทนเนติบัณฑิตยสภา และ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นกรรมการ รับทราบและพิจารณาตามขั้นตอนปฏิบัติต่อไป ซึ่งในชั้นนี้คณะกรรมการสภาทนายความ จะตรวจทานว่าคำสั่งลงโทษนั้นดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอน และลงโทษเหมาะสมตามพฤติการณ์หรือไม่ โดยคณะกรรมการสภาทนายความอาจจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงโทษหรือไม่ก็ได้ตามอำนาจที่มี แต่ในแนวทางปฏิบัติที่ผ่านมาคณะกรรมการสภาทนายความ มักจะความเห็นตามที่คณะกรรมการมรรยาททนายความ ทั้งนี้ หลังจากคณะกรรมการสภาทนายความ ตรวจทานเป็นเรียบร้อยนายทะเบียนสภาทนายความก็จะแจ้งมติให้ทนายความทั้งสามทราบต่อไป

นายสิทธิโชคกล่าวด้วยว่า การลงมติดังกล่าวได้พิจารณาตามแนวทางที่ศาลฎีกามีคำตัดสินคดีละเมิดอำนาจศาล และได้ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวทั้งสามอย่างเต็มที่ในการนำพยานหลักฐานมาชี้แจง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา เคยมีหนังสือร้องเข้ามาไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสู้คดีต่อศาล แต่เมื่อเปิดโอกาสให้นำพยานหลักฐานพิสูจน์ก็ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ให้การเพิ่มเติมมากไปกว่าที่เคยให้การในชั้นศาล โดยในส่วนของนายธนาก็ไม่ได้มาให้การหรือนำพยานมาชี้แจงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ขณะที่การกระทำที่เกิดขึ้นก็มีความชัดเจนว่าผิดข้อบังคับของทนายความ ซึ่งตลอด 10 กว่าปีที่ตนทำหน้าที่สอบสวนความผิดมรรยาททนายความ ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งกว่าเหตุการณ์ยังเกิดขึ้นในศาลฎีกา ที่เป็นสูงศาลอีก ถือว่าไม่มีความยำเกรงอย่างมาก และทำให้การประกอบอาชีพทนายความต้องเสื่อมเสียเกียรติ

“ผมไม่ห่วงว่าจะเกิดความไม่พอในการลงโทษ เพราะเราทำอย่างตรงไปตรงมา และให้โอกาสผู้ถูกกล่าวชี้แจงอย่างเต็มที่แล้วตามที่ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา โดยเราไม่อคติกับใคร ส่วนถ้าทนายความทั้งสามจะใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อ รมว.ยุติธรรม ในฐานะนายกสภาพิเศษแห่งสภาทนายความแห่งประเทศไทย ตามขั้นตอนปฏิบัติ หรือการใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ก็ทำได้ แต่การอุทธรณ์ หรือฟ้องคดีนั้นจะไม่เป็นเหตุให้ระงับการที่ทั้งสามต้องงดปฏิบัติหน้าที่ฐานะทนายความของทั้งสามตามคำสั่งลงโทษแต่อย่างใด” ประธานกรรมการมรรยาทฯ กล่าวย้ำ และว่า หลังจากนี้ทนายความทั้งสามจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทนายความ รับว่าความคดีใดๆ จนครบเวลา 5 ปีที่ลงโทษ ซึ่งหลังจากครบกำหนดเวลาแล้ว ทั้งสามจะยื่นคำขออนุญาตจดทะเบียนใหม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคระกรรมการสภาทนายความว่าจะอนุญาตหรือไม่ อย่างไรก็ดีระหว่างนี้หากบุคคลทั้งสามจะไปเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของบุคคลใด โดยไม่ได้ทำหน้าที่ว่าความคดี ก็สามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พยายามโทรศัพท์ติดต่อนายพิชิฏ ชื่นบาน อดีตทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อสอบถามเรื่องนี้ ปรากฏว่ายังไม่สามารถติดต่อได้

สำหรับ นายพิชิฏ ชื่นบาน, นายธนา ตันศิริ, น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551 ได้รับการปล่อยตัวสู่อิสระภาพ หลังพวกเขาถูกจองจำ ชดใช้กรรมเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม จากนั้นมา พิชิฏ ชื่นบาน ได้เก็บตัวเงียบ โดยได้ไปปรากฏตัววันที่ 29 ม.ค.52 ที่สภาทนายความ ครั้งเข้าพบคณะกรรมการสอบสวนมรรยาทสภาทนายความ ที่มีการเรียกร้องให้เพิกถอนใบอนุญาตทนายความ ฐานทำผิดร้ายแรง

โดยวันนั้น นายพิชิฏ พูดว่า...“ผมยังมั่นใจว่าสภาทนายความซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพที่มีความอิสระจะให้ความเป็นธรรมกับผมที่มีวิชาชีพเดียวกัน ผมพร้อมจะให้ความร่วมมือ ซึ่งวันนี้มาสภาทนายความก็เหมือนมาบ้านผม ส่วนหลังจากนี้จะทำอะไรนั้น เมื่อผมเป็นนักกฎหมายก็ยังต้องเป็นต่อไป ซึ่งผมยังเป็นที่ปรึกษากฎหมายได้”

จากนั้นมา นายพิชิฏ ชื่นบาน ไปปรากฏตัวที่ตึกชินวัตร 3 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากตำรวจกองปราบปรามเข้าไปตรวจค้นบริษัท เอสซี แอสแสท เพื่อหาต้นตอคลิปเสียง “นายกฯ มาร์ค” โดยวันนั้น “พิชิฏ” เขาบอกสื่อว่า มาในฐานะทนายความ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายตระกูลชินวัตร และหลังจากสื่อเอเอสทีวี ผู้จัดการ ได้นำเสนอเรื่องนี้ ทำให้สภาทนายความดำเนินการลบชื่อบุคคลทั้ง 3 ทันที
น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ
กำลังโหลดความคิดเห็น