ญาติ 2 ตำรวจมือยิงลูกชายดอกเตอร์หอบหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ต้องผิดหวังตำรวจ สน.ศาลาแดง เห็นเป็นคดีอุกฉกรรจ์ต้องเสนอนายระดับสูงพิจารณา แนะทางออกคงต้องขอต่อศาล ขณะที่ “ส.ต.ต.” 2 ผู้ต้องหาปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แค่ไปตรวจค้นเหตุที่ผู้ตายมาป้วนเปี้ยนบ้านแฟนเก่ามีพิรุธเท่านั้น ยอมรับยืนฉี่ใกล้จุดเกิดเหตุจริงแต่คนละเวลากับเหตุการณ์ตาย
จากกรณีที่มีกลุ่มคนร้ายขับรถไล่ตามกระหน่ำยิง นายนพพล หรือ “ท็อป” ปั้นตระกูล อายุ 25 ปี บุตรชาย ดร.ชวลิต ปั้นตระกูล อายุ 63 ปี อาจารย์โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง และนางอุไร ปั้นตระกูล อดีตรองผู้ตรวจการ สตง. มารดาผู้ตาย จนเสียชีวิตภายในรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฮ 8530 กทม.อย่างอุกอาจ ตรงข้ามบ้านเลขที่ 35/13 ซอยโรงเรียนบางเชือกหนัง ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา จนมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งเป็นตำรวจชั้นประทวนสังกัด กก.3 บก.ตปพ.ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ชาตรี เศวตรัตน์ ผกก.สน.ศาลาแดง เปิดเผยว่า ในวันนี้มีญาติของ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ และ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เข้ามาติดต่อขอประกันตัวทั้ง 2 รายออกไป โดยมีทั้งการขอยื่นหลักทรัพย์และใช้ตำแหน่งข้าราชการต่อ พ.ต.ต.สมชาย ศรพล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แต่คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจ จึงต้องนำเสนอให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่าโรงพักเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ตนก็ไม่สามารถจะอนุญาตให้ประกันออกไปได้ อาจจะต้องให้ญาติๆ นำหลักฐานการขอประกันตัวไปยื่นต่อศาลในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.)
พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานมากพอสมควร โดยหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ได้ไปเชิญตัวทั้ง 2 ราย มาจากบ้านพักเพื่อสอบสวนในทันที ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เมื่อพาตัวไปตรวจคราบเขม่าดินปืนที่ติดอยู่ตามร่างกายก็พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นสำคัญจนนำมาซึ่งการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดตลิ่งชัน มาจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ ที่ สน.ศาลาแดง
“สำหรับผู้หญิงซึ่งเป็นอดีตแฟนผู้ตาย และชายหนุ่มที่เป็นแฟนคนปัจจุบันนั้น ขณะนี้กำลังรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อยู่เช่นกัน หากผลออกมาสอดคล้องว่าทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางพนักงานสอบสวนก็จะเร่งรัดรวบรวมหลักฐานไปขออำนาจศาลออกหมายจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที” พ.ต.อ.ชาตรี กล่าว
ผู้สื่อรายงานว่า จากการสอบถาม ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ และ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ซึ่งถูกควบคุมตัวในห้องขัง สน.ศาลาแดง เล่าว่า ที่เดินทางมาให้การต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากตนทั้ง 2 คน ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของ นายนพพล โดยเหตุการณ์ในวันนั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมมาตนทั้ง 2 คน ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนคนปัจจุบันของฝ่ายหญิง บอกว่ามีวัยรุ่น 4-5 คนไปป้วนเปี้ยนหน้าบ้าน เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงไหว้วานให้ตน 2 คนขับรถไปตรวจสอบ
ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนขับรถไปถึงถึงพบนายนพพลขับรถมาจอดด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าบ้านเพื่อนคนดังกล่าวด้วยท่าทางมีพิรุธ ตนจึงรีบหักพวงมาลัยปาดไปที่หน้ารถ ก่อนที่ตนกับ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ จะลงจากรถเพื่อขออนุญาตตรวจค้นตัวและรถ ซึ่งนายนพพลก็ไม่ได้พูดอะไร และช่วงที่กำลังตรวจค้นอยู่นั้น พ่อของฝ่ายหญิงซึ่งอยู่ในบ้านก็ได้ลงมาดูเหตุการณ์ด้วยตลอด ซึ่งผลการตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ตนจึงแนะนำให้นายนพพลกลับบ้านไปนอน ซึ่งนายนพพลก็รีบขึ้นรถสตาร์ทเร่งเครื่องขับออกไป
“จากนั้ผมก็สังเกตเห็นรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ป้ายแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับวนเข้ามาในหมู่บ้าน 1 รอบ ก่อนขับออกไปอย่างมีพิรุธ จนกระทั่งผม 2 คน ขับรถออกจากหน้าบ้านดังกล่าวเพื่อเดินทางกลับ แล้วก็ไปพบรถคันหนึ่งซึ่งคล้ายกับรถของนายนพพลจอดอยู่ริมถนน ห่างจากหน้าหมู่บ้านประมาณ 700 เมตร ซึ่งตน 2 คนก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะถือว่านายนพพลขับรถออกมาแล้ว จนกระทั่งมีโทรศัพท์เข้ามาอีกครั้งบอกว่านายนพพลย้อนกลับไปที่หน้าบ้านอีก ผม 2 คนจึงต้องกลับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านอีกเที่ยวหนึ่งแต่คราวนี้กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ” ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ กล่าว
ด้าน ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า พอถึงรุ่งเช้าตนทั้ง 2 คนก็ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ว่าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับการตายของนายนพพล จึงต้องรีบเดินทางมาให้ปากคำเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งตนทั้ง 2 คนก็ยังสงสัยว่าทำไมถึงถูกออกหมายจับ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายนพพล ส่วนเรื่องที่มีคนเห็นพวกตนจอดรถยืนฉี่ข้างทางใกล้ที่เกิดเหตุนั้นยอมรับว่าเป็นความจริง แต่จอดรถฉี่กันตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค.52 แล้ว ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้เคียงกันแต่เหตุเกิดคนละเวลา
จับแล้ว 2 ตำรวจ ไล่ฆ่าลูกชายอดีตรองผู้ว่าฯ สตง.!ปมตามราวีแฟนเก่า
ฆ่าโหด! ลูกดอกเตอร์ คาดปมชู้สาว-พันยาเสพติด
จากกรณีที่มีกลุ่มคนร้ายขับรถไล่ตามกระหน่ำยิง นายนพพล หรือ “ท็อป” ปั้นตระกูล อายุ 25 ปี บุตรชาย ดร.ชวลิต ปั้นตระกูล อายุ 63 ปี อาจารย์โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง และนางอุไร ปั้นตระกูล อดีตรองผู้ตรวจการ สตง. มารดาผู้ตาย จนเสียชีวิตภายในรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฮ 8530 กทม.อย่างอุกอาจ ตรงข้ามบ้านเลขที่ 35/13 ซอยโรงเรียนบางเชือกหนัง ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา จนมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งเป็นตำรวจชั้นประทวนสังกัด กก.3 บก.ตปพ.ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ชาตรี เศวตรัตน์ ผกก.สน.ศาลาแดง เปิดเผยว่า ในวันนี้มีญาติของ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ และ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เข้ามาติดต่อขอประกันตัวทั้ง 2 รายออกไป โดยมีทั้งการขอยื่นหลักทรัพย์และใช้ตำแหน่งข้าราชการต่อ พ.ต.ต.สมชาย ศรพล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แต่คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจ จึงต้องนำเสนอให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่าโรงพักเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ตนก็ไม่สามารถจะอนุญาตให้ประกันออกไปได้ อาจจะต้องให้ญาติๆ นำหลักฐานการขอประกันตัวไปยื่นต่อศาลในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.)
พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานมากพอสมควร โดยหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ได้ไปเชิญตัวทั้ง 2 ราย มาจากบ้านพักเพื่อสอบสวนในทันที ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เมื่อพาตัวไปตรวจคราบเขม่าดินปืนที่ติดอยู่ตามร่างกายก็พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นสำคัญจนนำมาซึ่งการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดตลิ่งชัน มาจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ ที่ สน.ศาลาแดง
“สำหรับผู้หญิงซึ่งเป็นอดีตแฟนผู้ตาย และชายหนุ่มที่เป็นแฟนคนปัจจุบันนั้น ขณะนี้กำลังรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อยู่เช่นกัน หากผลออกมาสอดคล้องว่าทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางพนักงานสอบสวนก็จะเร่งรัดรวบรวมหลักฐานไปขออำนาจศาลออกหมายจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที” พ.ต.อ.ชาตรี กล่าว
ผู้สื่อรายงานว่า จากการสอบถาม ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ และ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ซึ่งถูกควบคุมตัวในห้องขัง สน.ศาลาแดง เล่าว่า ที่เดินทางมาให้การต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากตนทั้ง 2 คน ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของ นายนพพล โดยเหตุการณ์ในวันนั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมมาตนทั้ง 2 คน ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนคนปัจจุบันของฝ่ายหญิง บอกว่ามีวัยรุ่น 4-5 คนไปป้วนเปี้ยนหน้าบ้าน เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงไหว้วานให้ตน 2 คนขับรถไปตรวจสอบ
ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนขับรถไปถึงถึงพบนายนพพลขับรถมาจอดด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าบ้านเพื่อนคนดังกล่าวด้วยท่าทางมีพิรุธ ตนจึงรีบหักพวงมาลัยปาดไปที่หน้ารถ ก่อนที่ตนกับ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ จะลงจากรถเพื่อขออนุญาตตรวจค้นตัวและรถ ซึ่งนายนพพลก็ไม่ได้พูดอะไร และช่วงที่กำลังตรวจค้นอยู่นั้น พ่อของฝ่ายหญิงซึ่งอยู่ในบ้านก็ได้ลงมาดูเหตุการณ์ด้วยตลอด ซึ่งผลการตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ตนจึงแนะนำให้นายนพพลกลับบ้านไปนอน ซึ่งนายนพพลก็รีบขึ้นรถสตาร์ทเร่งเครื่องขับออกไป
“จากนั้ผมก็สังเกตเห็นรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ป้ายแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับวนเข้ามาในหมู่บ้าน 1 รอบ ก่อนขับออกไปอย่างมีพิรุธ จนกระทั่งผม 2 คน ขับรถออกจากหน้าบ้านดังกล่าวเพื่อเดินทางกลับ แล้วก็ไปพบรถคันหนึ่งซึ่งคล้ายกับรถของนายนพพลจอดอยู่ริมถนน ห่างจากหน้าหมู่บ้านประมาณ 700 เมตร ซึ่งตน 2 คนก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะถือว่านายนพพลขับรถออกมาแล้ว จนกระทั่งมีโทรศัพท์เข้ามาอีกครั้งบอกว่านายนพพลย้อนกลับไปที่หน้าบ้านอีก ผม 2 คนจึงต้องกลับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านอีกเที่ยวหนึ่งแต่คราวนี้กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ” ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ กล่าว
ด้าน ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า พอถึงรุ่งเช้าตนทั้ง 2 คนก็ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ว่าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับการตายของนายนพพล จึงต้องรีบเดินทางมาให้ปากคำเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งตนทั้ง 2 คนก็ยังสงสัยว่าทำไมถึงถูกออกหมายจับ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายนพพล ส่วนเรื่องที่มีคนเห็นพวกตนจอดรถยืนฉี่ข้างทางใกล้ที่เกิดเหตุนั้นยอมรับว่าเป็นความจริง แต่จอดรถฉี่กันตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค.52 แล้ว ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้เคียงกันแต่เหตุเกิดคนละเวลา
จับแล้ว 2 ตำรวจ ไล่ฆ่าลูกชายอดีตรองผู้ว่าฯ สตง.!ปมตามราวีแฟนเก่า
ฆ่าโหด! ลูกดอกเตอร์ คาดปมชู้สาว-พันยาเสพติด