ตำรวจพบปมชู้สาว ไล่ฆ่าโหดลูกชายอดีตรองผู้ว่าฯ สตง.มูลเหตุ ไปขอคืนดีกับแฟนเก่าที่่เพิ่งเลิกลาได้ราว 2-3 เดือน แต่แฟนเก่าโทรศัพท์ไปบอกแฟนใหม่ จึงส่งคนไปดู จนกระทั่งพบผู้ตายกลายเป็นศพ ตำรวจเรียก 3 ผู้ต้องสงสัยเค้นสอบปากคำ เป็นตำรวจ 2 นาย พลเรือนอีก 1 ราย
วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.อ.ชาตรี เศวตรัตน์ ผกก.สน.ศาลาแดง กล่าวถึงคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ล่าสังหาร นายนพพล หรือ ท็อป ปั้นตระกูล อายุ 25 ปี บุตรชาย นางอุไร ปั้นตระกูล อดีตรองผู้ตรวจการ สตง.เสียชีวิตภายในรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวีค สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฮ 8530 กทม.ตรงข้ามบ้านเลขที่ 35/13 ซอยโรงเรียนบางเชือกหนัง ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม.เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และการสอบปากคำ ดร.ชวลิต ปั้นตระกูล อายุ 63 ปี บิดาของผู้ตาย คาดว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิตน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ตายพยายามไปขอคืนดีกับแฟนเก่าที่เลิกรากันไปประมาณ 2-3 เดือนแล้ว แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดีด้วย อีกทั้งฝ่ายหญิงก็มีแฟนใหม่แล้ว ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกตัวแฟนใหม่ของฝ่ายหญิงมาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ต่อไป
พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวต่อว่า ยังไม่ขอยืนยันว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด ส่วนการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ด้านนิติวิทยาศาสตร์ พยานแวดล้อมและหลักฐานอื่นๆ ก่อนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายให้ได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 ราย มาทำการสอบปากคำ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 ราย และพลเรือน 1 ราย เนื่องจากมีพยานเห็นเหตุการณ์ว่า พบผู้ต้องสงสัยอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยกล่าวอ้างว่า ขณะเกิดเหตุผ่านไปบริเวณดังกล่าวพอดี ก่อนจะแวะข้างทางเพื่อปัสสาวะ แต่ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามพยานได้ระบุแน่ชัดว่า ผู้ต้องสงสัยที่เชิญตัวมาสอบปากคำเป็นผู้ที่ลงมือใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต
มีรายงานแจ้งอีกว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้ไปหาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นแฟนเก่า ที่หมู่บ้านสิทธิอินทร์ ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดีด้วย เนื่องจากกำลังคบหาอยู่กับแฟนใหม่ซึ่งเป็นลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านดังกล่าว หลังจากที่ผู้ตายไปที่หมู่บ้านดังกล่าว แฟนเก่าผู้ตายได้โทรศัพท์ไปหาแฟนใหม่ ทำให้แฟนใหม่ผู้ตายโทรศัพท์ไปวานให้ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ราย เข้าไปดู จากนั้นเมื่อผู้ต้องสงสัยมาพบผู้ตาย ก็มีการค้นรถยนต์และทุบรถ ก่อนจะเจรจากันถึงเรื่องที่ฝ่ายชายมาขอคืนดีกับแฟนเก่า โดยมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง หลังจากที่พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วผู้ตายได้ขับรถยนต์ออกไป ซึ่งระหว่างนั้นผู้ต้องสงสัยได้ขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีโก้ ตามผู้ตายไปก่อนจะใช้อาวุธปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พบหัวกระสุนขนาด .38 และ 9 มม.ตกอยู่ประมาณ 4 หัว คาดว่า คนร้ายน่าจะใช้อาวุธปืนไม่ต่ำกว่า 2 กระบอกสังหารผู้ตาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรอผลพิสูจน์ลายนิ้วมือแฝง จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมา เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.ต.สมชาย ศรพล พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ศาลาแดง ได้ขออนุมัติออกหมายจับ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ อายุ 27 ปี และ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ อายุ 24 ปี สังกัด กก.3 บก.ตปพ. ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ,ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรจากศาลแล้ว ซึ่งศาลจังหวัดตลิ่งชันอนุมัติหมายจับตามคำขอเลขที่ 1403/2552 และเลขที่ 1404 /2552 ลงวันที่ 26 ส.ค. 52 จากนั้นได้ควบคุมตัวตำรวจทั้ง 2 นายไว้ดำเนินคดีต่อไป โดยที่ทั้ง 2 นายยังคงให้การปฏิเสธแต่ตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ พร้อมทั้งเร่งสอบขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ 1 ในผู้ต้องหานั้น เป็นลูกชายของ พ.ต.ท.อำนวย น้อยประเทศ รอง ผกก.ปป.สน.พหลโยธิน ที่เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วเพิ่งตกเป็นข่าวจากการสูญเสียแม่ชีสนม น้อยประเทศ อายุ 68 ปี ผู้มีศักดิ์เป็นอาซึ่งถูกฆาตกรโหดทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตคากุฏิ วัดรวกบางบำหรุ ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์อย่างไรก็ตามผลการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังคงให้การปฏิเสธ โดยญาติได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 500,000 บาท มาขอประกันตัวออกไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะผู้ต้องหาไม่มีเจตนาจะหลบหนี แต่ในช่วงสาย วันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) จะทำการนัดหมายให้ทั้ง 2 ราย เดินทางมาที่ สน.ศาลาแดงอีกครั้งเพื่อนำตัวไปส่งที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ฆ่าโหด! ลูกดอกเตอร์ คาดปมชู้สาว-พันยาเสพติด
วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.อ.ชาตรี เศวตรัตน์ ผกก.สน.ศาลาแดง กล่าวถึงคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ล่าสังหาร นายนพพล หรือ ท็อป ปั้นตระกูล อายุ 25 ปี บุตรชาย นางอุไร ปั้นตระกูล อดีตรองผู้ตรวจการ สตง.เสียชีวิตภายในรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวีค สีดำ หมายเลขทะเบียน 2ฮ 8530 กทม.ตรงข้ามบ้านเลขที่ 35/13 ซอยโรงเรียนบางเชือกหนัง ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม.เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และการสอบปากคำ ดร.ชวลิต ปั้นตระกูล อายุ 63 ปี บิดาของผู้ตาย คาดว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิตน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ตายพยายามไปขอคืนดีกับแฟนเก่าที่เลิกรากันไปประมาณ 2-3 เดือนแล้ว แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดีด้วย อีกทั้งฝ่ายหญิงก็มีแฟนใหม่แล้ว ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกตัวแฟนใหม่ของฝ่ายหญิงมาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ต่อไป
พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวต่อว่า ยังไม่ขอยืนยันว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด ส่วนการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ด้านนิติวิทยาศาสตร์ พยานแวดล้อมและหลักฐานอื่นๆ ก่อนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายให้ได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 ราย มาทำการสอบปากคำ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 ราย และพลเรือน 1 ราย เนื่องจากมีพยานเห็นเหตุการณ์ว่า พบผู้ต้องสงสัยอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยกล่าวอ้างว่า ขณะเกิดเหตุผ่านไปบริเวณดังกล่าวพอดี ก่อนจะแวะข้างทางเพื่อปัสสาวะ แต่ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามพยานได้ระบุแน่ชัดว่า ผู้ต้องสงสัยที่เชิญตัวมาสอบปากคำเป็นผู้ที่ลงมือใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต
มีรายงานแจ้งอีกว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้ไปหาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นแฟนเก่า ที่หมู่บ้านสิทธิอินทร์ ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดีด้วย เนื่องจากกำลังคบหาอยู่กับแฟนใหม่ซึ่งเป็นลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านดังกล่าว หลังจากที่ผู้ตายไปที่หมู่บ้านดังกล่าว แฟนเก่าผู้ตายได้โทรศัพท์ไปหาแฟนใหม่ ทำให้แฟนใหม่ผู้ตายโทรศัพท์ไปวานให้ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ราย เข้าไปดู จากนั้นเมื่อผู้ต้องสงสัยมาพบผู้ตาย ก็มีการค้นรถยนต์และทุบรถ ก่อนจะเจรจากันถึงเรื่องที่ฝ่ายชายมาขอคืนดีกับแฟนเก่า โดยมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง หลังจากที่พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วผู้ตายได้ขับรถยนต์ออกไป ซึ่งระหว่างนั้นผู้ต้องสงสัยได้ขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีโก้ ตามผู้ตายไปก่อนจะใช้อาวุธปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พบหัวกระสุนขนาด .38 และ 9 มม.ตกอยู่ประมาณ 4 หัว คาดว่า คนร้ายน่าจะใช้อาวุธปืนไม่ต่ำกว่า 2 กระบอกสังหารผู้ตาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรอผลพิสูจน์ลายนิ้วมือแฝง จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมา เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.ต.สมชาย ศรพล พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ศาลาแดง ได้ขออนุมัติออกหมายจับ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ อายุ 27 ปี และ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ อายุ 24 ปี สังกัด กก.3 บก.ตปพ. ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ,ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรจากศาลแล้ว ซึ่งศาลจังหวัดตลิ่งชันอนุมัติหมายจับตามคำขอเลขที่ 1403/2552 และเลขที่ 1404 /2552 ลงวันที่ 26 ส.ค. 52 จากนั้นได้ควบคุมตัวตำรวจทั้ง 2 นายไว้ดำเนินคดีต่อไป โดยที่ทั้ง 2 นายยังคงให้การปฏิเสธแต่ตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ พร้อมทั้งเร่งสอบขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ต.ต.ปิยะพงศ์ น้อยประเทศ 1 ในผู้ต้องหานั้น เป็นลูกชายของ พ.ต.ท.อำนวย น้อยประเทศ รอง ผกก.ปป.สน.พหลโยธิน ที่เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วเพิ่งตกเป็นข่าวจากการสูญเสียแม่ชีสนม น้อยประเทศ อายุ 68 ปี ผู้มีศักดิ์เป็นอาซึ่งถูกฆาตกรโหดทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตคากุฏิ วัดรวกบางบำหรุ ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์อย่างไรก็ตามผลการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังคงให้การปฏิเสธ โดยญาติได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 500,000 บาท มาขอประกันตัวออกไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะผู้ต้องหาไม่มีเจตนาจะหลบหนี แต่ในช่วงสาย วันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) จะทำการนัดหมายให้ทั้ง 2 ราย เดินทางมาที่ สน.ศาลาแดงอีกครั้งเพื่อนำตัวไปส่งที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ฆ่าโหด! ลูกดอกเตอร์ คาดปมชู้สาว-พันยาเสพติด