xs
xsm
sm
md
lg

ผีกองปราบเฮี้ยนไม่เลิก! หลอกตอนตี 3 ชวนผูกคอตาย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เฮี้ยนไม่เลิก!! ผีกองปราบหลอกผู้ต้องหาคดีกรรโชก ปล่อยเงินกู้สาวใหญ่เรียกดอกเบี้ยสุดโหด แถมอ้างตัวเป็นนายดาบกองปราบ เจ้าตัวบอกว่าถูกผีหลอกตอนตี 3 เห็นชายวัยกลางคนใส่เสื้อแดงสะกิดให้ตื่นชวนไปอยู่ด้วย แถมเข้าสิงและให้นับซี่ลูกกรงเลือกผูกคอตาย

วันนี้ (26 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 05.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ด.ต.บุญเยี่ยม ลอยแก้ว สิบเวรหน้าห้องขัง กองปราบปราม กำลังเข้าเวร ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างสุดเสียงจากนายสมบูรณ์ ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีกรรโชกและให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ว่าถูกผีห้องขังหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ

นายสมบูรณ์เล่าว่า หลังจากที่ตนถูก พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 251/60 หมู่บ้านสัมมากร ซ.รามคำแหง 112 ถ.สุขาภิบาล 3 แขวงและเขตสะพานสูง กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของตัวเอง เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งถูกนำตัวมาฝากขังที่ห้องขังกองปราบปราม ต่อมาเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ ตี 3 ขณะที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่นั้น ได้เห็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อยืดสีแดง มาสะกิดที่ขาจึงสะดุ้งตื่น จากนั้นชายคนดังกล่าวเอ่ยปากชวนให้ไปอยู่ด้วยกันจะได้หมดทุข์หมดโศก และใช้ให้ตนไปอาบน้ำแปรงฟันก่อน ตนจึงทำตามแต่โดยดี เมื่ออาบน้ำเสร็จได้กลับมานอนต่ออีกครั้ง ระหว่างที่กำลังจะหลับปรากฏว่าเห็นร่างชายคนดังกล่าวมาเข้าสิงตน ก่อนใช้ให้ตนไปนับลูกกรงห้องขังและถามว่าชอบซี่ไหนจะได้เลือกผูกคอตายได้ถูก

“ระหว่างที่เห็นวิญญาณ ผมอยู่ในอาการครึ่งหลบครึ่งตื่น ทำตามที่เขาสั่งโดยที่ไม่สามารถบังคับตนเองได้ ระหว่างนั้นชายวัยกลางคนได้นำเสื้อมาฉีกเป็นริ้วและสาธิตวิธีผูกคอตาย ซึ่งเมื่อผมได้สติจึงตะโกนเรียก ด.ต.บุญเยี่ยม ช่วยเหลือนำตัวมาควบคุมตัวบริเวณด้านนอกห้องขัง พร้อมทั้งโทรศัพท์เรียกเพื่อนอีก 2 คนมาเฝ้าเป็นเพื่อนเพราะกลัวมาก ระหว่างที่ถูกคุมขังมีผมอยู่คนเดียวในห้องขัง และไม่เคยได้ยินเรื่องราวผู้ต้องหาผูกคอตายมาก่อน ยอมรับว่าผีห้องขังกองปราบเฮี้ยนมาก” นายสมบูรณ์กล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ต่อมา พ.ต.ท.ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน กองปราบปราม ได้นำตัวนายสมบูรณ์ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับคดีของนายสมบูรณ์นั้น เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ณัชชา หลังสัน อายุ 37 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดย่านมีนบุรี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ว่าได้กู้ยืมเงินนอกระบบจากผู้ต้องหามาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อนำเงินไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการค้าขาย โดยถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน ต้องจ่ายเงินคืนวันละ 2,800 บาท แต่ระยะหลังหมุนเงินไม่ทันทำให้ยอดเงินกู้ติดค้างอยู่เป็นจำนวน 125,000 บาท ทางผู้ต้องหาก็จะมาทวงหนี้โดยข่มขู่ และอ้างตัวเป็น ด.ต.ประสงค์ ศิริพิศ สังกัด กก.1 บก.ป. ทำให้เกิดหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายจึงต้องหยุดค้าขายไปพักหนึ่ง แต่ผู้ต้องหาก็ยังมาตามหา และมักจะขู่ว่าหากไม่หาเงินมาใช้คืนจะยัดยาบ้าแล้วดำเนินคดี จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ บก.ป. เพื่อจะคุยกับ ด.ต.ประสงค์ แบบเปิดใจว่าจะใช้คืนหนี้สินกันอย่างไรเพราะไม่อยากถูกรังควานอีก แต่เมื่อมาพบเจ้าหน้าที่กลับพา ด.ต.ประสงค์ มาหา จึงทราบว่าเป็นคนละคนกัน

จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยเข้าร้องทุกข์ที่ บก.ป.เพื่อขอกำลังตำรวจไปคุ้มครองหลังจากถูกข่มขู่เอาชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ ด.ต.ประสงค์ ก็เป็นผู้ไปช่วยดูแลความปลอดภัยให้ แต่ผู้ต้องหากลับแอบอ้างชื่อของ ด.ต.ประสงค์ ไปข่มขู่ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบสร้างความเสียหายให้กับ บก.ป.เป็นอย่างมาก และนอกจากการดำเนินคดีในข้อหาเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดแล้วยังเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน อีกด้วย

สอบสวนนายสมบูรณ์รับสารภาพว่า ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัดและห้างสรรพสินค้ารายละ 5,000-20,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน หากลูกหนี้รายใดติดค้างไม่ชำระก็จะไปติดตามทวงแต่ไม่เคยใช้วิธีข่มขู่ ส่วนที่ผู้เสียหายเรียกตนว่า ด.ต.ประสงค์ นั้น เป็นเพราะลูกหนี้หลายรายเข้าใจว่าตนเป็นตำรวจ จึงสมอ้างมาใช้ประโยชน์

ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.ดำเนินคดีสำหรับพฤติกรรม นายสมบูรณ์ นั้นได้อ้างตัวเองเป็น ด.ต.ประสงค์ ศิริพิศ สังกัด กก.1 บก.ป. และมักจะขู่ว่าหากไม่หาเงินมาใช้คืนจะจับกุมแล้วยัดยาบ้าดำเนินคดี โดยมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง สร้อยคอทองคำ 3 เส้น พระเครื่อง บัญชีเงินฝากธนาคาร 3 เล่ม สมุดรายชื่อลูกหนี้ 2 เล่ม และสลิปธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องขังกองปราบปรามนั้นมีผู้ต้องหาผูกคอตายในห้องขัง มาแล้ว 3 ราย โดยรายแรกเป็นวัยรุ่นถูกดำเนินคดีพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา แฟนสาวตัวเอง แต่สิบเวรห้องขังช่วยไว้ได้ทัน

รายที่สอง คือ นายฉลาด เสนารัตน์ วัย 40 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องหาข่มขืนหลานสาว วัย 11 ขวบ จนตั้งท้องและคลอดลูก ได้ใช้เสื้อผูกคอตายกับลูกกรงหน้าต่างห้องขัง เมื่อกลางดึกวันที่ 12 กรกฎาคม 2550 ซึ่งนับว่าเป็นรายแรกที่ผูกคอตายสำเร็จ

รายที่สาม นายศักดิ์ชัย อุตตะละ วัย 50 ปี อาจารย์ประจำชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้ต้องหากระทำชำเราลูกศิษย์วัย 13 ปี ของตัวเอง ได้ใช้กางเกงขายาวผูกคอของตนเองเข้ากับลูกกรงเหล็ก แต่เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังช่วยเอาไว้ได้ทัน แต่นายศักดิ์ชัยก็กลับไปผูกคอตายสมใจที่บ้านเกิดขณะอยู่ในระหว่างประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล

นอกจากนี้ยังมีกรณีของนายพิพัฒน์ แนบเนียน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงบัตรเครดิต ก็มีอาการคล้ายถูกผีเข้า เพราะอยู่ดีๆ ก็เกิดอาการชักดิ้นชักงอร้องโหยหวนจนเพื่อนผู้ต้องขังช่วยกันปฐมพยาบาลและเรียกสิบเวรห้องขังมาช่วยได้ทัน ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีผู้ต้องขังเห็นชายคนหนึ่งใส่เสื้อกล้ามสีแดงนั่งอยู่บนลังใส่ของกลาง ซึ่งสงสัยว่าอาจจะเป็นวิญญาณของนายฉลาด เสเนารัตน์ ผู้ต้องหาคดีข่มขืนหลานสาวตัวเอง
นายสมบูรณ์ ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีกรรโชกปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด ถูกผีห้องขังกองปราบหลอก
นั่งเล่าเหตุการณ์ระทึก กลัวสุดขีด ถูกชวนผูกคอตายตอนตี 3
หน้าตายังคงหวาดกลัว ตื่นตระหนก
กำลังโหลดความคิดเห็น