ศูนย์ข่าวภูเก็ต-เกิดเหตุกระแสไฟฟ้าช็อตมีผู้เสียชีวิต 3 ราย คาบ้านพักกลางเมืองูเก็ต เป็นพ่อ-ลูกชาย-ลูกสะใภ้ เจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่ไม่ทัน แม่กลับจากขายของที่ตลาดแทบล้มทั้งยืน
วันนี้ (18 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบผู้เสียชีวิต 3 รายซ้อน ที่บ้านเลขที่ 66/52 ม.3 ซ.โหนทรายทอง บ้านเลขที่ 6/4 ถ.ศรีสุทัศน์ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงรายงานให้ ร.ต.อ.เกริกฤทธิ์ ฤทธิ์เนื่อง ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต ทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวตั้งอยู่เกือบสุดซอย พบว่า บริเวณด้านหน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุมีชาวบ้านจำนวนมาก กำลังยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหลังบ้าน เจ้าหน้าที่พบร่างของนายจิตติ ชูวงค์ อายุ 67 ปี ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว นอนตาค้างหายใจรวยรินอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต กำลังปั๊มหัวใจ เพื่อยื้อชีวิต ซึ่งใช้เวลาช่วยเหลือเหลือนานกว่า 10 นาที แต่ไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้ จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ห่างออกไปเล็กน้อยบริเวณพื้นใกล้ประตูหลังบ้าน เจ้าหน้าที่พบศพ นายเอกลักษณ์ ชูวงค์ อายุ 26 ปี อาชีพช่างรับซ่อมแอร์ และรับเดินสายไฟนอนหงายหน้าตาค้าง สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม คาดเข็มขัดสีเขียว โดยมีขดลวดต่อกับสายไฟสีฟ้าห้อยลงมาจากฝาบ้านเกือบถึงพื้นอยู่ใกล้กับตัวนายเอกลักษณ์
ห่างออกไปเล็กน้อย เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.สุนารี แก้วใจปา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.6 ต.ฝากหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ พนักงานเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต สภาพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพได้ตรวจสอบปลั๊กไฟโดยรอบ เพื่อปิดกระแสไฟฟ้า ให้ทีมแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ทำการชันสูตรศพ จากการตรวจสอบสภาพศพทั้ง 3 ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ภายในบ้านไม่พบการถูกรื้อค้นทรัพย์สินเช่นเดียวกัน จึงมอบศพให้มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถาม นางสายแก้ว ชูวงศ์ ทราบว่า นายจิตติเป็นสามีของตนเอง ส่วนนายเอกลักษณ์เป็นลูกชาย และ น.ส.สุนารี เป็นแฟนนายเอกลักษณ์ แต่ไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน โดย น.ส.สุนารี เพิ่งเคยมาที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก ส่วนใหญ่นายเอกลักษณ์กับแฟนสาวจะนัดพบกันนอกบ้าน
ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 12.00 น.วันเดียวกัน ตนและนายจิตติได้ออกไปขายของที่ตลาดสดใกล้บ้าน ส่วนนายเอกลักษณ์นอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว แต่เมื่อตนกลับมาถึงบ้านช่วงกลางดึกพบว่า ประตูหน้าบ้านล็อคลูกบิดประตูจากด้านใน จึงตะโกนเรียกนายเอกลักษณ์ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ นายจิตติจึงวิ่งอ้อมไปด้านหลังบ้านเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ภายในบ้าน แต่แล้วนายจิตติได้ตะโกนเสียงดังว่าไฟฟ้าช็อต จากนั้นตนก็รีบวิ่งไปปิดคัตเอาท์ไฟที่หน้าบ้าน พร้อมกับตะโกนให้เพื่อนบ้านมาช่วย โดยเพื่อนบ้านได้ช่วยกันพังประตูหน้าบ้านเข้าไป
แต่เมื่อไปถึงบริเวณหลังบ้านพบร่างนายจิตติกำลังนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นครัว ส่วนนายเอกลักษณ์ และ น.ส.สุนารี นอนแน่นิ่งเสียชีวิตอยู่ที่พื้นปูนหลังบ้านแล้ว จึงรีบโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพมาช่วยปั้มหัวใจนายจิตติ แต่ไม่ทัน นายจิตติ เสียชีวิตตามนายเอกลักษณ์ และ น.ส.สุนารี ไปในที่สุด.
วันนี้ (18 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบผู้เสียชีวิต 3 รายซ้อน ที่บ้านเลขที่ 66/52 ม.3 ซ.โหนทรายทอง บ้านเลขที่ 6/4 ถ.ศรีสุทัศน์ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงรายงานให้ ร.ต.อ.เกริกฤทธิ์ ฤทธิ์เนื่อง ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต ทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวตั้งอยู่เกือบสุดซอย พบว่า บริเวณด้านหน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุมีชาวบ้านจำนวนมาก กำลังยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหลังบ้าน เจ้าหน้าที่พบร่างของนายจิตติ ชูวงค์ อายุ 67 ปี ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว นอนตาค้างหายใจรวยรินอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต กำลังปั๊มหัวใจ เพื่อยื้อชีวิต ซึ่งใช้เวลาช่วยเหลือเหลือนานกว่า 10 นาที แต่ไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้ จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ห่างออกไปเล็กน้อยบริเวณพื้นใกล้ประตูหลังบ้าน เจ้าหน้าที่พบศพ นายเอกลักษณ์ ชูวงค์ อายุ 26 ปี อาชีพช่างรับซ่อมแอร์ และรับเดินสายไฟนอนหงายหน้าตาค้าง สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม คาดเข็มขัดสีเขียว โดยมีขดลวดต่อกับสายไฟสีฟ้าห้อยลงมาจากฝาบ้านเกือบถึงพื้นอยู่ใกล้กับตัวนายเอกลักษณ์
ห่างออกไปเล็กน้อย เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.สุนารี แก้วใจปา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.6 ต.ฝากหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ พนักงานเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต สภาพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพได้ตรวจสอบปลั๊กไฟโดยรอบ เพื่อปิดกระแสไฟฟ้า ให้ทีมแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ทำการชันสูตรศพ จากการตรวจสอบสภาพศพทั้ง 3 ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ภายในบ้านไม่พบการถูกรื้อค้นทรัพย์สินเช่นเดียวกัน จึงมอบศพให้มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถาม นางสายแก้ว ชูวงศ์ ทราบว่า นายจิตติเป็นสามีของตนเอง ส่วนนายเอกลักษณ์เป็นลูกชาย และ น.ส.สุนารี เป็นแฟนนายเอกลักษณ์ แต่ไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน โดย น.ส.สุนารี เพิ่งเคยมาที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก ส่วนใหญ่นายเอกลักษณ์กับแฟนสาวจะนัดพบกันนอกบ้าน
ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 12.00 น.วันเดียวกัน ตนและนายจิตติได้ออกไปขายของที่ตลาดสดใกล้บ้าน ส่วนนายเอกลักษณ์นอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว แต่เมื่อตนกลับมาถึงบ้านช่วงกลางดึกพบว่า ประตูหน้าบ้านล็อคลูกบิดประตูจากด้านใน จึงตะโกนเรียกนายเอกลักษณ์ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ นายจิตติจึงวิ่งอ้อมไปด้านหลังบ้านเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ภายในบ้าน แต่แล้วนายจิตติได้ตะโกนเสียงดังว่าไฟฟ้าช็อต จากนั้นตนก็รีบวิ่งไปปิดคัตเอาท์ไฟที่หน้าบ้าน พร้อมกับตะโกนให้เพื่อนบ้านมาช่วย โดยเพื่อนบ้านได้ช่วยกันพังประตูหน้าบ้านเข้าไป
แต่เมื่อไปถึงบริเวณหลังบ้านพบร่างนายจิตติกำลังนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นครัว ส่วนนายเอกลักษณ์ และ น.ส.สุนารี นอนแน่นิ่งเสียชีวิตอยู่ที่พื้นปูนหลังบ้านแล้ว จึงรีบโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพมาช่วยปั้มหัวใจนายจิตติ แต่ไม่ทัน นายจิตติ เสียชีวิตตามนายเอกลักษณ์ และ น.ส.สุนารี ไปในที่สุด.
