เหยื่อไฟไหม้ซานติก้าผับ เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ยอดตายพุ่ง 62 ราย ขณะที่ตำรวจเร่งพิสูจน์เอกลักษณ์ผู้เสียชีวิตโดยใช้ระบบเดียวกับเหตุสึนามิเผยอีก 13 ศพยังระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร และพบผู้บาดเจ็บอีกรายสมองขาดออกซิเจน อาการโคม่าอยู่ได้ด้วยเครื่องหายใจ
วันนี้(3 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานวิทยาการตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) พล.ต.ท.สมเดช ขาวขำ ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ผบช.สทส.) พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.นิธิ บิณฑุวงศ์ ผกก.กลุ่มงานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับ สนว.ตร. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) พนักงานสอบสวน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเพื่อคลี่คลายคดีและการตรวจพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิต ที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายจราจร สน.ทองหล่อโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ภายหลังจากการประชุม พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้มาตรวจสอบและรับผิดชอบในส่วนของการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ พิสูจน์หลักฐาน และการส่งศพให้ทางญาติ ซึ่งถึงขณะนี้มีศพที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้ใด จำนวน 13 ศพ อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 5 ศพ และโรงพยาบาลตำรวจ 8 ศพ ซึ่งได้มีการประสานกับทางโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งแล้ว โดยศพที่เหลืออยู่ถูกไฟเผาไหม้ค่อนข้างมาก ทำให้ยากต่อการพิสูจน์ กลุ่มงานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์จะใช้ระบบเดียวกับสึนามิ ซึ่งเป็นระบบสากล เรียกว่า อินเตอร์โพล ซึ่งจะใช้แบบฟอร์มในการตรวจสอบ ซึ่งทั้ง 13 ศพ ไม่สามารถพิสูจน์ทางลายนิ้วมือได้ และได้มีการเอ็กซ์เรย์ศพทั้งหมดแล้ว เพื่อตรวจหารอยหักของกระดูกหรือซี่โครงต่างๆ ในกรณีที่เคยเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ นอกจากนี้อยากให้ญาตินำประวัติต่างๆที่เรียกว่าเวชระเบียนที่เคยรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆของผู้คาดว่าจะเสียชีวิตมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อนำให้โรงพยาบาลจุฬาฯและโรงพยาบาลตำรวจเก็บข้อมูลต่อไป
พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลของศพทั้งหมดจะเก็บเป็นข้อมูลและกรอกลงแบบฟอร์มสีชมพู ที่เรียกว่า พิงฟอร์ม ซึ่งจะเก็บรายละเอียดจากการเอ็กซ์เรย์ ดีเอ็นเอ รวมถึงการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆที่ติดมากับผู้เสียชีวิต ส่วนข้อมูลของญาติหรือครอบครัวที่ต้องการจะตรวจสอบ ให้มาพบพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งให้นำของใช้ของผู้เสียชีวิต เช่น แปรงสีฟัน หรือเส้นผม เส้นขน รวมทั้งประวัติการทำฟัน หรืออื่นๆมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและทำการเก็บข้อมูลใส่แบบฟอร์มสีเหลือง ที่เรียกว่า เยลโล่ฟอร์ม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเก็บข้อมูล และนำมาประมวลผลกันว่า ตรงกันหรือใกล้เคียงกันหรือไม่
"โดยในส่วนนี้หากหาไม่ได้ก็ต้องพิสูจน์ทางดีเอ็นเอ ซึ่งจากพ่อ แม่ หรือผู้สืบเชื้อสายจะค่อนข้างมีความแม่นยำ แต่หากตรวจจากพี่น้องความแม่นยำก็ลดน้อยลง ซึ่งเมื่อนำแบบฟอร์มทั้ง 2 แบบมาแล้ว จะนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลว่าเป็นเช่นไร หากใกล้เคียงกัน ก็จะมีการประชุมกันของพนักงานสอบสวน แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ว่าใช่หรือไม่ หากที่ประชุมสรุปว่าใช่ก็จะมีมติให้ปล่อยศพได้ โดยพล.ต.ต.โชคชัย ได้ประสานกทม. เพื่อให้ทำเรื่องขอออกใบมรณะบัตรที่ สน.ทองหล่อ ได้เป็นกรณีพิเศษโดยอยากฝากประชาสัมพันธ์ว่า ขอให้ประชาชนที่มาตามหาญาติที่คาดว่าอาจจะเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้และไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ นำหลักฐานต่างๆที่บอกมาให้กับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้เลย เพราะทางกลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์ ของ สนว.ตร. ได้มาทำงานร่วมกันและมาตั้งแต่เวลา 03.00 น.คืนเกิดเหตุ โดยขณะนี้ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 221 คน และอยู่ในห้องไอซียู 20 คน “ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่ามีผู้มาแจ้งความว่าทรัพย์สินสูญหายขณะมีการเข้าช่วยเหลือจากเหตุเพลิงไหม้ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ก็ต้องเห็นใจเพราะขณะนั้นเป็นช่วงชุลมุน แต่ในส่วนคดีก็ต้องให้ทาง สน.ดูแล เพราะตนมาทำหน้าที่ในเรื่องการตรวจพิสูจน์ศพและอำนวยความสะดวกเท่านั้น
พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าวว่า ส่วนเรื่องสาเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด เนื่องจากต้องให้ พฐ.ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกหลายรอบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์จะทำการพิสูจน์ในเรื่องนี้ และผบช.สนว.ตร.ก็มาดูแลควบคุมเอง ซึ่งในส่วนของการตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอนั้น จะใช้เวลา 2 วัน หรือประมาณ 48 ชั่วโมง ซึ่งข้อมูลที่ใช้เป็นระบบสากลที่ 33 ประเทศที่มาช่วยเหลือสึนามิก็ทำแบบนี้ และจะมีการประชุมเรื่องการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ทุกวันที่ สน.ทองหล่อ ในเวลา 10.00น. และ 14.00 น.
ด้าน พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวว่า ในส่วนของการออกหมายเรียกเจ้าของสถานที่นั้น ทางฝ่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกคณะกรรมการทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำการออกหมายเรียก 3 ครั้ง หากไม่มารายงานตัวก็ต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ไปที่บ้านของเจ้าของซานติก้า ผับ แล้ว แต่ยังไม่พบตัว ส่วนยอดผู้เสียชีวิตทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มแต่ยังไม่ได้รับรายงานเป็นตัวเลขที่แน่ชัด เนื่องจากทางญาติผู้เสียชีวิตที่ไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆไม่ได้แจ้งมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้บริหารซานติก้าผับที่เข้าข่ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกมาพบ ซึ่งมีรายชื่ออยู่นปกหลังซีดีที่ซานติก้าผับได้ทำแจกในคืนอำลา ประกอบด้วย
1.นายต่อศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ Exculsive Director
2.นายรุ่งยศ จันทภาษา Exculsive Director
3.นายอิสิยะ ทรงสุวรรณ Exculsive Director
4.นายณฐพล วงศ์มณีวรรณ Exculsive Director
5.นายธวัชชัย ศรีทุมมา ผอ.ฝ่ายสำนักงานและปฏิบัติการ
6.นายสมพงษ์ วงษ์จันทร์เพ็ญ รองผอ.ฝ่ายสำนักงานและบัญชี
7.นายฉัตรพิรุณ โตศะสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและบันเทิง
8.นายพงษ์เทพ จินดา ผู้จัดการฝ่ายบันเทิง
9.นายพุฒิพงษ์ ไวยลักรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
10.นางสาวนวลฉวี นิตย์งาม Account and Audit
11.นางสาวนฤชล เศวตกิตติกุล Account and Audit
12.นางสาวสายสุนีย์ อินพาเพียร ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
13.นางสาวสุนันทา เชงสันติสุข ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ต่อมาเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ รพ.กรุงเทพ หลังทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ซานติก้าผับ เพิ่มอีก 2 ราย โดยคุณแจ่มจันทร์ เหมือนสนิท ผู้ตรวจการศูนย์การแพทย์ รพ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมามีผู้ที่มารับการรักษาเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รายแรกคือ นายยุทธนา สินไพบูลย์ผล เสียชีวิตเวลา ขณะที่มารับการรักษามีอาการถูกไฟลวกที่บริเวณ แขน ขาและใบหน้า กว่า70 เปอร์เซ็นต์ แพทย์ได้ช่วยเหลือโดยการผ่าตัดและให้ยาอย่างเต็มที่ แต่ผู้ป่วยทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ศพอยู่ระหว่างการนำส่งไปที่นิติเวช รพ.รามาธิบดี รายที่ 2 คือ น.ส.วิภาวรรณ ถนอมปัญญารักษ์ อายุ 30 ปี มีอาการถูกไฟคลอกตามร่างกาย กว่า 90% แพทย์ได้ช่วยเหลือโดยการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง พยายามยื้อชีวิตทุกวิถีทางแต่ผู้ป่วยก็เสียชีวิตลงเวลา 22.45 น. ศพได้ส่งไปที่นิติเวช รพ.รามาธิบดีแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรุงเทพอีก ประมาณ10 ราย ซึ่งทุกรายล้วนแต่อาการสาหัส อย่างไรก็ตามแพทย์จะให้การรักษาอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ผู้ป่วยทุกคนรอดชีวิต ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเป็นรายที่ 3
ขณะเดียวกันที่บริเวณ ชั้น 4 ห้องไอซียู รพ.กรุงเทพ นายศักดิ์สิทธิ์ เทียนทอง อาชีพข้าราชการครู อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ลูกสาวของตนเป็นเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการแสดง โดยก่อนเกิดเหตุลูกสาวบอกว่าจะไปเที่ยวฉลองปีใหม่กับเพื่อน หลังจากนั้นตนก็ทราบข่าวอีกทีวันที่ 1 ที่ผ่านมาเพื่อนของลูกโทรศัพท์มาบอก ขณะนี้ลูกสาวของตนยังอยู่ในห้องปลอดเชื้อ ถูกไฟไหม้ที่บริเวณขาทั้ง 2 ข้างลำตัวไม่เป็นอะไร แต่แพทย์บอกว่า กล้ามเนื้อขาตาย สมองขาดออกซิเจน น้ำเข้าปอด ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัวอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ
“แพทย์ได้แนะนำให้ตัดขาของลูกสาวทั้ง 2 ข้างทิ้ง เพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้เพียงพอ ผมจึงทำตามที่แพทย์แนะนำซึ่งตอนนี้ได้ตัดขาลูกไปแล้ว 1 ข้าง แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นรอผมก็ได้แต่รอเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้น” นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว
ด้าน นางอารมณ์ โพธิ์ปั้น อายุ 43 ปี มารดาของ นายถิระคุณ โพธิ์ปั้น อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้ครั้งด้วย เปิดเผยว่า ตอนนี้ลูกชายอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งลูกเล่าให้ฟังว่า เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน เพราะตอนที่ไปเที่ยวในซานติก้าผับนั้น ไปนั่งอยู่ที่โต๊ะโซนกลางกับเพื่อนๆ รวม 4 คน พอเห็นไฟลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก็รีบชวนกันวิ่งหนี เป็นลมหมดสติไป 1 รอบ มาฟื้นอีกครั้งก็ตอนไฟลามมาถึงขาแล้ว จึงลุกขึ้นวิ่งหนีได้ต่อ แต่สุดท้ายลูกชาย กับเพื่อนอีก 2 คนก็รอดมาได้ มีอยู่ 1 คน ที่ต้องเสียชีวิตอยู่ในกองเพลิง
ส่วนบรรยากาศที่บริเวณซานติก้าผับ เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที และตลอดทั้งวันก็มีบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตนำดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้และเชิญวิญญาณ โดยนางอรพินธ์ นกยูง มารดาของ น.ส.รุ่งนภา ไทยประเสริฐ ได้เชิญพระมาทำพิธีสวดเรียกวิญญาณ และนำตุ๊กตาที่บุตรสาวชอบมาทำพิธีเรียกวิญญาณด้วย เพื่อนำศพบุตรสาวกลับไปบำเพ็ญกุสลที่วัดลาดพร้าว
ต่อมาญาติพี่น้องของ น.ส.จีระพันธิ์ มาพรม อายุ 27 ปี ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุโดยนำศพของ นส.จีระพันธิ์ ที่เพิ่งรับออกมาจาก รพ.ตำรวจ ใส่รถกู้ภัยวิทยุสมัครเล่น จ.อุบลราชธานี มาทำพิธีจุดธูปเรียกวิญญาณ เพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.อุบลราชธานี โดยน.ส.ปัญชลิกา แซ่ลิ้ม อายุ 27 ปี เพื่อนของผู้ตาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนและเพื่อนอีก 3 คนรวมผู้ตายได้เดินทางมาทเยวที่ซานติก้าผับ ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนและผู้ตายอยู่ใกล้กับหน้าเวที เห็นเอฟเฟกต์หน้าเวทีระเบิดขึ้น ก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ จากนั้นเพียง 1-2 นาทีก็เกิดไฟลุกลามและมีควันไฟจำนวนมากจนและเพื่อนอีก 2 คนสามารถวิ่งหนีออกมาได้ทันแต่พลัดหลงกับผู้ตาย จนกระทั่งมาทราบข่าวภายหลังว่าเสียชีวิตแล้ว
ขณะเดียวกันก็มีชาวต่างชาติรายหนึ่งเดินทางมาที่ซานติก้าผับ โดยคาดว่าอาจจะเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย เนื่องจากมีบาดแผลตามร่างกายเล็กน้อย โดยชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้ยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตก่อนจะเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่บริเวณซานติก้าผับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ทองหล่อสับเปลี่ยนกำลังหมุนเวียนกันมาเฝ้าตลอด 24 ชม. ชม.ละ 2 คน นอกจากนี้เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเวลาประมาณ 01.00 น. มีญาติผู้ตายมาที่ซานติก้าผับ จากนั้นก็เกิดล้มลงและมีอาหารชักดิ้นชักงอ คล้ายกับถูกผีเข้า พร้อมกับตะโกนว่า “ช่วยด้วย” ประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปฐมพยาบาลจนปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองจึงได้นำป้ายมาติดที่บริเวณทางเข้าซานติก้าผับ ใจความว่า “ห้ามทุบ ทำลาย รื้อถอน อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ ได้นำศพ นายเทียว ซือ เซียง (Mr.TEO SZE SIONG) อายุ 38 ปี สัญชาติสิงคโปร์ โดยรับศพจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ มายังซานติก้า ผับ โดยนิมนต์พระสงฆ์ มาทำพิธีสวดเชิญวิญญาณกลับ สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรประจำสนามบินสิงคโปร์ หลังจากทำพิธีเชิญวิญญาณเสร็จสิ้นแล้วจะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศสิงคโปร์
ต่อมา นางนิโคล เทริโอ และ น.ส.มิเชล วอลค็อก นักร้องสาวชื่อดัง ได้เดินทางมายังซานติก้าผับ เพื่อร่วมไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิต พร้อมกับกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มาร่วมไว้อาลัยเพราะก่อนหน้านี้เคยมาร้องเพลงและมาเที่ยวที่ผับแห่งนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเพื่อนหรือญาติตนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้แต่อย่างใด