แม่ค้าส้มตำเหลืออดทนผัวขี้ยาไม่ไหว บังคับให้ซื้อยาบ้าให้เสพ ใจเด็ดหยิบกระทะทอดไก่สาดน้ำมันร้อนๆ ใส่ตัวผัวขี้ยาดิ้นพราด ก่อนโทร.เรียก ตร.ช่วยเหลือและมอบตัว สารภาพทั้งน้ำตา ทนไม่ได้ เพราะขโมยสร้อยทอง 2 บาท ไปซื้อยาเสพจนหมด และคิดว่า ถ้าผัวพิการจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาบ้าอีก ด้าน ตร.รอสอบปากคำและผลอาการบาดเจ็บของสามี ก่อนแจ้งข้อหาอีกครั้ง
วันนี้ (21 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ร.ต.อ.สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ ได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกน้ำมันพืชร้อนๆ สาดใส่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในบ้านเช่าเลขที่ 84/17 หมู่ 15 ซอยเพชรเกษม 39 แยก 9 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว จากการตรวจสอบหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบคราบน้ำมันพืชไหลนองเต็มพื้น ส่วนภายในบ้าน พบ นายดิเรก จุมพล อายุ 35 ปี ชาว จ.ราชบุรี สภาพสวมเสื้อเชิ้ตลายสีเขียว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ กำลังนอนชักดิ้นชักงอร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ตามเนื้อตัวมีบาดแผลพุผอง เพราะถูกน้ำมันพืชร้อนๆ สาดใส่ทั่วร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำตัวส่ง รพ.บางไผ่ เพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วน
จากการสอบสวน นางจุไรรัตน์ ทิพันธ์ อายุ 42 ปี ภรรยาของ นายดิเรก ซึ่งยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังยืนทอดไก่ เพื่อเตรียมเปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ส่วน นายดิเรก สามีนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาบ้าอยู่ในบ้าน สักพัก นายดิเรก ก็ตื่นขึ้นมาบังคับให้ตนเดินไปซื้อยาบ้ามาให้ แต่ตนไม่ยอมไปเลยเกิดมีปากเสียงกันขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ตนทนไม่ไหวตัดสินใจหยิบกระทะที่กำลังทอดไก่ สาดน้ำมันพืชร้อนๆ ใส่นายดิเรก จนดิ้นพราดก่อนโทรศัพท์เรียกตำรวจมาให้การช่วยเหลือ
“ที่ผ่านมา ตนเลี้ยงดู นายดิเรก เป็นอย่างดีให้เงินใช้รายวัน วันละ 300 บาท ก็ยังเอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพทุกวัน เมื่อ 2 วันก่อน นายดิเรก ก็เพิ่งขโมยสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ของตนไปขาย มาซื้อยาบ้าเสพจนหมด และเพิ่งจะฟื้นคืนสติขึ้นมาในวันนี้ ซึ่งตนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จึงเกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมา ว่า น่าจะทำให้สามีพิการไปเลย จะได้ไม่ต้องออกไปข้องเกี่ยวกับยาบ้าอีก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตนก็จะหาเงินมารักษาสามี และพร้อมที่จะอยู่ดูแลต่อไปหากสามีเกิดพิการขึ้นมาจริงๆ” นางจุไรรัตน์ กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.สุริยา กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องรอผลการสอบปากคำของทั้ง 2 ฝ่าย เสียก่อนว่า เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ตนได้ทำการควบคุมตัว นางจุไรรัตน์ เอาไว้ เพื่อรอแพทย์วินิจฉัยอาการบาดเจ็บของ นายดิเรก หากแพทย์ยืนยันว่า อาการสาหัส ตนก็จะแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส” ก่อนดำเนินคดี นางจุไรรัตน์ ตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (21 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ร.ต.อ.สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ ได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกน้ำมันพืชร้อนๆ สาดใส่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในบ้านเช่าเลขที่ 84/17 หมู่ 15 ซอยเพชรเกษม 39 แยก 9 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว จากการตรวจสอบหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบคราบน้ำมันพืชไหลนองเต็มพื้น ส่วนภายในบ้าน พบ นายดิเรก จุมพล อายุ 35 ปี ชาว จ.ราชบุรี สภาพสวมเสื้อเชิ้ตลายสีเขียว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ กำลังนอนชักดิ้นชักงอร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ตามเนื้อตัวมีบาดแผลพุผอง เพราะถูกน้ำมันพืชร้อนๆ สาดใส่ทั่วร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำตัวส่ง รพ.บางไผ่ เพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วน
จากการสอบสวน นางจุไรรัตน์ ทิพันธ์ อายุ 42 ปี ภรรยาของ นายดิเรก ซึ่งยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังยืนทอดไก่ เพื่อเตรียมเปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ส่วน นายดิเรก สามีนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาบ้าอยู่ในบ้าน สักพัก นายดิเรก ก็ตื่นขึ้นมาบังคับให้ตนเดินไปซื้อยาบ้ามาให้ แต่ตนไม่ยอมไปเลยเกิดมีปากเสียงกันขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ตนทนไม่ไหวตัดสินใจหยิบกระทะที่กำลังทอดไก่ สาดน้ำมันพืชร้อนๆ ใส่นายดิเรก จนดิ้นพราดก่อนโทรศัพท์เรียกตำรวจมาให้การช่วยเหลือ
“ที่ผ่านมา ตนเลี้ยงดู นายดิเรก เป็นอย่างดีให้เงินใช้รายวัน วันละ 300 บาท ก็ยังเอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพทุกวัน เมื่อ 2 วันก่อน นายดิเรก ก็เพิ่งขโมยสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ของตนไปขาย มาซื้อยาบ้าเสพจนหมด และเพิ่งจะฟื้นคืนสติขึ้นมาในวันนี้ ซึ่งตนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จึงเกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมา ว่า น่าจะทำให้สามีพิการไปเลย จะได้ไม่ต้องออกไปข้องเกี่ยวกับยาบ้าอีก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตนก็จะหาเงินมารักษาสามี และพร้อมที่จะอยู่ดูแลต่อไปหากสามีเกิดพิการขึ้นมาจริงๆ” นางจุไรรัตน์ กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.สุริยา กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องรอผลการสอบปากคำของทั้ง 2 ฝ่าย เสียก่อนว่า เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ตนได้ทำการควบคุมตัว นางจุไรรัตน์ เอาไว้ เพื่อรอแพทย์วินิจฉัยอาการบาดเจ็บของ นายดิเรก หากแพทย์ยืนยันว่า อาการสาหัส ตนก็จะแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส” ก่อนดำเนินคดี นางจุไรรัตน์ ตามกฎหมายต่อไป