“เสี่ยขาว” หุ้นส่วนใหญ่ ซานติก้าผับ เข้าพบ รอง ผบ.ตร.ร่ำไห้ ขอโทษญาติเหยื่อ โดยตำรวจจ่อแจ้ง 2 ข้อหา กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ขณะที่ตำรวจเชื่อ สาเหตุเกิดจาก “เอฟเฟกต์” บนเวที ส่วนศพผู้เสียชีวิตอีก 11 ราย ยังไม่ทราบชื่อ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ ร่ำไห้ขอโทษญาติเหยื่อ
วันนี้ (4 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 4 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตวัฒนา เฝ้าดูแลสถานที่เกิดเหตุไม่ให้บุคคลใดเข้าไปในที่เกิดเหตุ เกรงว่า จะทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยมีประชาชนหลายคนเดินทางเข้าไปบริเวณลานจอดรถหน้าสถานบันเทิง พร้อมทั้งนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปไว้ดู นอกจากนี้ ยังมีญาติของผู้เสียชีวิตหลายรายทยอยกันนำอาหาร น้ำดื่ม และดอกไม้ พร้อมจุดธูปเทียน เซ่นไหว้วิญญาณผู้เสียชีวิต ด้วยการแต่งกายชุดขาว และดำเป็นการไว้อาลัย ซึ่งต่างร้ำไห้ถึงผู้ที่จากไปด้วยความเศร้าสลด
ญาติเหยื่อตรวจดีเอ็นเอพบศพลูก
นายประเสริฐ คุ้มผล อายุ 49 ปี พร้อมด้วย นางนงคราญ คุ้มผล อายุ 45 ปี ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ พร้อมทั้งแจ้งความจำนง ว่า รูปถ่ายรูปที่ 4 ที่ประกาศไว้ว่า บุคคลที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ ซานติก้า ผับ ชื่อ น.ส.ภัชรีย์ คุ้มผล หรือ ปลา อายุ 26 ปี นายประเสริฐ เปิดเผยด้วยอาการเศร้าสลด ว่า ลูกสาวตนเองเป็นเซลส์ บริษัท ออยล์ปั๊ม จำกัด เลขที่ 621 ซอยอ่อนนุช 70/1 แยก 2 แขวงและเขตประเวศ ทำเกี่ยวกับปั๊มน้ำ ย่านประเวศ กทม.ก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวได้บอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็พบว่า น้องปลา ยังไม่เดินทางกลับบ้าน
นายประเสริฐ กล่าวว่า ต่อมามีเพื่อนสาวของน้องปลาโทรศัพท์มาหา บอกว่า น้องปลาชวนไปเที่ยวที่ซานติก้าผับ โดยตนไม่ได้ไปด้วย เพราะติดธุระ และบอกให้ตนรีบไปดูที่ซานติก้าผับเพราะเกิดเหตุเพลิงไหม้ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เมื่อตนไปถึงก็พบรถยนต์ โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน สฐ 6407 กทม.ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถ จึงคาดว่า ลูกสาวตนเสียชีวิตแล้ว จึงรีบเดินทางไปตาม รพ.ต่างๆ เพื่อหาศพ และไปที่นิติเวช รพ.ตำรวจ โดยพบกับชายชาวต่างชาติ บอกกับตนว่า ตามหาคนนี้หรือเปล่า พร้อมกับนำรูปถ่ายมาให้ดู โดยตนไม่ได้สื่อสารกัน เพราะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่พยักหน้าไปว่า เป็นลูกของตนเอง ขณะเดียวกัน น.ส.ศิริรัตน์ คุ้มผล ได้เดินทางมาที่ รพ.จุฬาฯ พร้อมกับตรวจดีเอ็นเอ จากศพที่เสียชีวิตพบว่าศพหมายเลข 4 เป็นศพของพี่สาวตนเอง
ด้าน นายพีระพล หลำจำนงค์ อายุ 48 ปี เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่า ศพหญิงไม่ทราบชื่อหมายเลข 25 ที่ รพ.จุฬาฯ มีดีเอ็นเอ ตรงกับตน และทราบว่า เป็นบุตรสาวของตน คือ น.ส.พรพิมล หลำจำนงค์ อายุ 21 ปี โดยเป็นนักศึกษาที่ โรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการ แต่อยู่ระหว่างพักการเรียน ซึ่ง น.ส.พรพิมล ได้เดินทางมาเที่ยวที่ซานติก้าผับ เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ซึ่ง 2 ในนั้น ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอีกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยทางญาติก็เพี่งรับทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ รพ.จุฬาฯ โทรศัพท์มาแจ้งในส่วนของศพที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นใคร ทางญาติจึงเดินทางเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ว่า เป็นบุตรสาวของตน
ญาติทำพิธีเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้าน
ส่วนที่บริเวณหน้า ซานติก้าผับ ตั้งแต่เช้า มีญาติผู้เสียชีวิตหลายรายเดินทางที่หน้าสถานบันเทิงนำรูปหน้าศพของผู้เสียชีวิตเอามาทำพิธีเชิญวิญญาณผู้ตายกลับบ้านตามความเชื่อ นายวีระยุทธ อุบลมณี อายุ 29 ปี นิมนต์พระสงฆ์หนึ่งรูป พร้อมนำหม้อดินมาทำพิธีเรียกวิญญาณของ นางมณีวรรณ อุบลมณี อายุ 29 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหงส์ อ.เมืองปทุมธานี โดย นายวีระยุทธ กล่าวว่า วันเกิดเหตุมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กับภรรยา โดยอยู่บนชั้นที่ 2 ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้ ก็หาทางหนีออกมา ซึ่งตนมาหลายครั้งแล้ว รู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหน แต่เพลิงลุกลามเร็วมาก คนเบียดเสียดแย่งกันออก ภายในมืดขนาดหน้าชนกับยังมองไม่เห็น อีกทั้งมีควันดำเยอะ หายใจไม่ออก ร้อนมาก จนตนบาดเจ็บใบหน้าเป็นแผลผุพอง พอดีมีคนทุบกระจก และพังเหล็กดัดบริเวณชั้นล่าง จึงหนีออกมาได้โดยใช้เวลาเกือบ 15 นาที เกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว แต่ภรรยาหนีออกมาไม่ทัน
แอร์สาวมาเที่ยวกับเพื่อนตาย 3 ยังไม่เจอ 1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมามีครอบครัวและเพื่อนของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นำศพใส่รถตู้จากโรงพยาบาลตำรวจ มาที่ ซานติก้า ผับ ทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.ชาไลก้า ชาเวช พรานแก้ว อายุ 27 ปี ลูกครึ่งไทย-ฟิลิปปินส์ อาชีพแอร์โฮสเตส สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ และ นายวิน ชอ เพียง อายุ 26 ปี ลูกครึ่งไทย-พม่า นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) มาทำพิธีเรียกวิญญาณ
ด้านเพื่อนของผู้เสียชีวิต (ขอสงวนนาม) เปิดเผยว่า ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นแฟนกัน โดยวันเกิดเหตุทั้ง 2 คน รวมตนและเพื่อนมาด้วยกันทั้งหมด 7 คน โดยทั้งคู่รบเร้าให้มาเที่ยวที่นี่ เพราะที่อื่นเต็มหมด หากมาแล้วไม่มีที่นั่งจึงไปที่อื่น แต่ปรากฏว่า เมื่อมาถึงก็มีที่ว่างที่มุมด้านบนพอดี ซึ่งระหว่างเกิดเหตุต่างก็หลบหนีเอาตัวรอด เพราะเหตุการณ์ชุลมุน ซึ่งสามารถหนีรอดมาได้ 3 คน และเพื่อนตายไป 3 คน อีก 1 คนยังหายสาบสูญ ถึงตรงนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งจากนี้ก็จะนำศพของทั้งสองไปไว้ที่วัดกก ย่านพระราม 2 เพื่อประกอบพิธีต่อไป
ตร.เร่งตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ 11 ศพนิรนาม
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.นิธิ บิณฑุวงศ์ ผกก.กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์และการส่งกลับ สนว.ตร.กล่าวว่า วันนี้ไม่มีการประชุม แต่ได้เร่งทำการตรวจพิสูจน์ทั้งดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ ประวัติการทำฟันและอื่นๆ โดยขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจำนวน 63 คน โดยยังมีศพที่ตกค้างและไม่ทราบว่าเป็นของใครทั้งสิ้น 11 ศพ โดยอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ 6 ศพ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 5 ศพ ซึ่งศพที่ตกค้าง เนื่องจากถูกไฟไหม้เกรียมอย่างมาก แม้ญาติจะมาดูในระยะใกล้ห่างกัน แต่ 1 ฟุต ก็ไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ ซึ่งถึงตรงนี้มีญาติของผู้ที่คาดว่าจะเสียชีวิต นำเอกสาร หลักฐานต่างๆ กว่า 20 คน เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งดำเนินการอยู่ และจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด แต่บางคนอาจจะไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากญาติอาจอยู่ต่างจังหวัด และไม่ทราบว่ามาเที่ยวที่นี่ อาจมีการแจ้งความตามพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากหายไป จึงไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจพิสูจน์ศพนิรนามที่เหลือทั้งหมดให้ทราบว่าเป็นใคร จึงจะถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจ
แม่หมดหวังจุดธูปขอลูกเข้าฝันให้พบศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางบุญมี อาจนนลา อายุ 50 ปี พร้อมครอบครัวเดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ พร้อมนำฟิล์มเอกซเรย์ของ นางสาวอนงรักษ์ อาจนนลา อายุ 27 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรสาว มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามตัว พร้อมกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า ว่า บุตรสาวหลังจากเคลียร์งานที่โรงแรมเสร็จ ได้มากับเพื่อนรวม 2 คน มาเที่ยวที่ ซานติก้า ผับ ซึ่งเมื่อมาทราบหลังเกิดเหตุพบว่า เพื่อนของบุตรสาวนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเลิดสิน และเย็บแผลกว่า 16 เข็ม ซึ่งก็ได้มาที่นี่ตั้งแต่วันแรก รวมถึงไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลจุฬาฯ แต่ก็ไม่พบศพ ไปตามหาตามโรงพยาบาลต่างๆ ก็ไม่พบ ซึ่งบางส่วนก็มีการปิดบังไม่ให้เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเรื่อยๆ ขณะนี้ก็หมดหวังแล้วว่าลูกจะรอดชีวิต เพราะหายไปตั้งแต่เกิดเหตุ
“ไปตามหามาทุกที่ ก็ไม่เจอ ถึงตอนนี้ก็ขอเพียงแค่พบศพลูกเท่านั้น ซึ่งแม่และครอบครัวก็ไป ที่เกิดเหตุทุกวัน เมื่อวานก็เอาของไปเซ่นไหว้ และจุดธูปขอให้ลูกมาเข้าฝันว่าอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ก็จะไปที่ที่เกิดเหตุอีก โดยเอาไก่ย่าง ข้าวเหนียว พร้อมจุดธูปเรียกเขา เพราะกลัวเขาจะหิว ปกติเขาเป็นคนน่ารัก ให้เงินเดือนแม่ทุกเดือนๆ ละ 7-8 พันบาท และเป็นกำลังหลักของครอบครัว แม่มีลูก 3 คน ผู้ชายเป็นคนโต เขาเป็นคนกลาง และมีน้องสาวอีกคน อยากให้ตำรวจช่วยทำงานเต็มที่ เพราะเอาดีเอ็นเอมาตรวจตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบผล ส่วนที่เกิดเหตุเมื่อไปดูพบว่าเอาเหล็กดัดตรงทางเข้าออก และเปิดประตูให้ดูกว้างขึ้น ทั้งที่ความจริงไม่ใช่แบบนี้” นางบุญมี กล่าว
“เสี่ยขาว” หุ้นส่วนใหญ่ “ซานติก้า” เข้าพบตำรวจ
ต่อมาเวลา 13.45 น.นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว อายุ 41 ปี เจ้าของ ซานติก้าผับ ได้เดินทางมาด้วยรถตู้โฟล์ค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษจ 6167 กทม.พร้อมด้วย นายคงศักดิ์ พูลเจริญ ทนายความ และลูกน้องอีกนับ 10 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยมี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ ร่วมทำการสอบปากคำด้วยตนเอง
ร่ำไห้เสียใจ-ขอโทษญาติเหยื่อ
นายวิสุข กล่าวทั้งน้ำตานองหน้า พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอโทษ ว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้และต้องขอโทษญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บทุกคน ตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ยังรู้สึกช็อกและเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ถึงตนจะเป็นหุ้นส่วนรายหนึ่ง แต่ก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก โดยในวันเกิดเหตุตนอยู่บริเวณด้านหลังร้าน มีพนักงานเดินมาบอกตนว่าเกิดไฟไหม้ ตนจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปภายในผับ และได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสูดควันไฟเข้าไปจำนวนมาก จากนั้นก็มีผู้นำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ช่วยศพละ 20,000 บาท บาดเจ็บ 10,000 บาท
ขณะที่ นายคงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการของบริษัทกับหุ้นส่วนทั้ง 31 คน จะกลับมารวมหุ้นกันอีกครั้ง และได้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยเบื้องต้นรวบรวมเงินได้เป็นจำนวน 2 ล้านบาท คาดว่า จะสามารถจัดตั้งวอร์รูมได้ภายในวันที่ 5 มกราคมนี้ ส่วนจะเป็นสถานที่ใดนั้นคงต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ทาง บริษัท ไวท์แอนด์บราเทอร์ ได้ให้การช่วยเหลือเหยื่อโดยแยกเป็นผู้เสียชีวิต ศพละ 20,000 บาท พร้อมพวงหรีดแสดงความเสียใจ ประกอบด้วย 1.น.ส.มณีวรรณ อุบลมณี 2.นายปุณรัตน์ แสนเมืองชิน 3.นายมงคล วันบันเทิง 4.นางมนัญญา บุญสาร 5.นายเสกสรร กิ่งแก้ว 6.นางแพง อัยรา 7.นายสุรพล เมฆไทย 8.นายทรงพล ธาโพธิ์ 9.นางรุ่งนภา ไทยประเสริฐ ส่วนผู้บาดเจ็บรายละ 10,000 บาท ประกอบด้วย 1.น.ส.นันทพันธุ์ เลิศสกุลธรรม 2. น.ส.นภัส ภูมีราม รวม 11 ราย นอกจากนี้ ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา และพนักงานสอบสวน ว่า จะสามารถดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพิ่มเติมได้อย่างไรได้บ้าง
ยอมรับ ไม่ได้ต่อสัญญาประกันภัย
นายคงศักดิ์ กล่าวถึงกรณีการทำประกันภัยของซานติก้าผับ ว่า เป็นไปตามที่มีการนำเสนอข่าวก่อนหน้านี้ โดยหมดสัญญาประกันภัยเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา และไม่ได้ต่อสัญญาประกันภัย เนื่องจากใกล้จะหมดสัญญาเช่าในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้รวบรวมเงินจากหุ้นส่วนทั้งหมด 31 คน ได้จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อตั้งเป็นกองทุนมอบให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตต่อไป
จ่อ 2 ข้อหา “เสี่ยขาว” กระทำการประมาท
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว ทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ โดยตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อผู้ประกอบการเป็นบริษัทก็จะพิจารณาดำเนินคดีกับกรรมการผู้จัดการ สำหรับ บริษัท ไวท์แอนด์บราเทอร์ จำกัด คือ นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ ซึ่งจะต้องเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาดำเนินคดีข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในวันเดียวกันนี้ ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ นายวิสุข แต่อย่างใด เป็นเพียงการสอบปากคำเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 100 ปาก ทำให้ทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้แล้ว สำหรับหุ้นส่วนของบริษัทไวท์แอนด์บราเทอร์ นั้น ทราบว่าจะทยอยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนต่อไป
ตร.เชื่อสาเหตุเกิดจากเอฟเฟกต์บนเวที
รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ หลังจากสอบปากคำ นายวิสุข ในเบื้องต้นว่า แนวโน้มน่าจะเกิดจากเอฟเฟกต์บนเวที ซึ่งหากผลสอบพบว่ามีผู้ใดที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในร้าน นักดนตรี รวมทั้งลูกค้าที่มาเที่ยวก็จะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด
พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว ทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ โดยตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อผู้ประกอบการเป็นบริษัทก็จะพิจารณาดำเนินคดีกับกรรมการผู้จัดการ สำหรับบริษัท ไวท์แอนด์บราเทอร์ จำกัด คือ นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ ซึ่งจะต้องเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
“เสี่ยขาว” เปิดใจช่วงวินาทีเพลิงพิโรธ
ภายหลังการเข้าให้ปากคำเสร็จสิ้น นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว ออกมาเปิดเผยว่า เสียใจที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ต้องขอโทษญาติผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย อยากจะช่วยเหลือ และช่วยบรรเทาสิ่งที่เกิดขึ้นกับญาติพี่น้องคนเจ็บ ซึ่งตนก็เจ็บปวดพอๆ กันกับญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ขณะนี้พยายามรวบรวมเงินที่มีอยู่ และของหุ้นส่วน ให้ตัวแทนของซานติก้าเป็นผู้ดูแลมอบให้ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
“ช่วงที่เกิดเหตุ หลังจากผมทราบว่าไฟไหม้ ได้วิ่งเข้าไปภายในร้าน ก็เห็นกลุ่มควันจำนวนมาก จึงนำถังดับเพลิงที่อยู่ด้านข้างเข้าไปฉีดสกัด แต่ไม่สามารถต้านทานได้ เพราะมีกลุ่มควันจำนวนมาก จากนั้นจึงวิ่งออกมาด้านนอก เอาตัวรอด ก่อนจะโทร.แจ้งดับเพลิง ขณะนั้นผมอยู่ด้านหน้าทางเข้า เห็นไฟลุกโหม นักเที่ยวเบียดเสียดกันหนีตายเอาตัวรอด บางคนช่วยกันดึงมือ ผมก็วิ่งเข้าไปช่วยเท่าที่ทำได้ จังหวะนั้นมีคนตะโกนบอกว่า มีคนติดในห้องน้ำ ผมจึงตั้งสติ นึกถึงแปลนของร้าน เพื่อที่จะช่วยผู้ที่ติดอยู่ข้างในออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเดินทางมาถึงพอดี จึงสามารถเข้าไปช่วยออกมาได้ทัน ผมในนามหุ้นส่วน รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง โดยจะช่วยบรรเทาญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างดีที่สุด” นายวิสุข กล่าว
หุ้นส่วนใหญ่ซานติก้าผับ กล่าวต่อว่า ส่วนของเอฟเฟกต์ที่มีการจัดขึ้นในวันเกิดเหตุนั้น ทางร้านเคยจัดกิจกรรมในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว และไม่เคยเกิดความผิดพลาด โดยทีมงานที่ดูแล เป็นทีมงานด้านมาร์เก็ตติ้งเป็นผู้รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ทาง นายวิสุข และทนายความได้ปรึกษากับทางพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับการจัดตั้งวอร์รูม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว โดยจะใช้ห้องที่ใช้สอบปากคำที่สน.ทองหล่อ เป็นห้องพบญาติเหยื่อ ซึ่งจะมีการจ่ายค่าชดเชย และพูดคุยขอโทษกับบรรดาญาติพี่น้องของเหยื่อตั้งแต่เวลา 11.00 น.ในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) เป็นต้นไป ทั้งนี้ หลังการให้ปากคำกับตำรวจเสร็จสิ้น นายวิสุข ได้เดินทางไปยัง ซานติก้าผับ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 18 รูป สวดพุทธมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์