“ชวรัตน์” รุดเยี่ยมเหยื่อซานติก้า ลงตรวจพื้นที่สำรวจความเสียหาย สั่งตรวจสอบโครงสร้างผับได้มาตรฐานหรือไม่ พร้อมยื่นมือช่วยเหลือเหยื่อทุกคน ตร.เตรียมเรียกกรรมการผู้จัดการผับ เข้าให้ปากคำวันที่ 5 ม.ค.นี้ ด้านผู้บาดเจ็บเหยื่อชาวญี่ปุ่นอาการโคม่าหนัก ส่วนบรรยากาศการรับศพเหยื่อ “ซานติก้า” เต็มไปด้วยความโศกเศร้า พ่อหนุ่มวิศวะจุฬาฯ ปี 4 ร่ำไห้เสียลูกชาย
วันนี้ (2 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ภายในสถานบันเทิงซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดย นายชวรัตน์ ได้เดินทางไปที่หอผู้ป่วยไอซียู อาคารสิรินธร เพื่อเยี่ยมผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย โดยมีญาติพี่น้องเป็นตัวแทนออกมารับกระเช้าด้วยความปลาบปลื้มใจ จากนั้น นายชวรัตน์ พร้อมคณะได้เดินทางต่อไปที่ตึกมงกุฎเพชรรัตน์ เพื่อนำกระเช้าไปเยี่ยมเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ณ “ซานติก้าผับ” เพื่อสำรวจความเสียหายและติดตามความคืบหน้าทางคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ
แพทย์จุฬาฯ ชี้เหยื่อญี่ปุ่นโคม่า
ด้าน รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ที่ รพ.จุฬาฯ มีเหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้นอนพักรักษาตัวอยู่ ทั้งสิ้น 10 คน เป็นชาย 4 คน และ หญิง 6 คน ในที่นี่มีที่ยังโคม่าอีก 2 คน และต้องอยู่ในห้องดูแลรักษาผู้ป่วยไฟลวกอีก 2 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิต จำนวน 30 ราย ที่เข้ามารับการผ่าชันสูตร ที่ รพ.จุฬาฯ นั้น ล่าสุดมีญาติรับศพกลับไปแล้วจำนวน 22 ราย ส่วนอีก 8 ราย เป็นหญิงนิรนามไม่ทราบชื่อ ซึ่งเราได้ส่งไปให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ช่วยทำการพิสูจน์เอกลักษณ์ จำนวน 5 ราย
“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญนั้น ทีมแพทย์ รพ.จุฬาฯ มีควาพร้อมรับมืออยู่แล้ว จึงได้ประกาศเป็นสภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ เรียกระดมทีมแพทย์เข้ามารับการพยาบาลผู้ป่วย จนสามารถเคลียร์ผู้ป่วยเข้าห้องพักได้ภายในระยะเวลารวดเร็วเพียง 3 ชั่วโมง ส่วนนายคาอิชิ วาดะ ผู้บาดเจ็บชาวญี่ปุ่น ตนขอยอมรับว่าอาการน่าเป็นห่วงจริงๆ เนื่องจากตอนนี้ทั้งระบบหัวใจ และไตล้มเหลว ต้องปรับความดันร่างกายและเลือดกันทุกต้นชั่วโมง แต่แพทย์ผู้ให้การรักษา ก็ได้อธิบายให้ญาติๆ ของนายคาอิชิ ทำความเข้าใจแล้ว” รศ.นพ.อดิศร กล่าว
มท.1 ลงพื้นที่ตรวจ “ผับนรก”
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบที่สถานบันเทิงซานติก้าผับ ย่านเอกมัย ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อกลางดึกวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย โดยนายชวรัตน์ ได้เดินตรวจสอบบริเวณทางเข้าของร้านพร้อมกับเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้นำแบบแปลนโครงสร้างของสถานบันเทิงดังกล่าวมาตรวจสอบว่ามีโครงสร้างอย่างไร ซึ่งพบว่าโครงสร้างของสถานบันเทิงแห่งนี้เป็นเหล็กทั้งหมด เมื่อเกิดความร้อนจึงทำให้วัสดุอื่นๆติดไฟได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าโครงสร้างดังกล่าวได้มาตรฐานหรือไม่
นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้มีทางเข้าออกจำนวนหลายทาง แต่ทางร้านไม่ได้มีการติดป้ายสัญลักษณ์ให้นักเที่ยวได้รู้ว่าคือทางออก ทำให้ไม่มีใครรู้ ส่วนมาตรการป้องกันหลังจากนี้จะให้ทางเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสถานบันเทิงใน กทม.ว่ามีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องและมีความปลอดภัยหรือไม่ เนื่องจากสถานบันเทิงมีจำนวนมาก จะต้องมีการสุ่มตรวจ อย่างไรก็ตามเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนในทางคดีก่อนว่าเจ้าของร้านมีความผิดหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีความผิดเจ้าของร้านก็จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่อทุกราย
ตร.ออกหมายเรียก กก.ผจก.ให้ปากคำ 5 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมออกหมายเรียก นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ เพื่อมาให้ปากคำในฐานะพยาน โดยกำหนดให้เดินทางเข้าให้ปากคำในวันที่ 5 ม.ค. นี้
“ซินดี้” ควงแฟนหนุ่มร่วมไว้อาลัย
นอกจากนี้ยังมีญาติผู้เสียชีวิตมาไว้อาลัยที่ซานติก้าผับอย่างต่อเนื่อง โดยได้มี นางสิรินยา วินศิริ หรือซินดี้ อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ และนางแบบชื่อดัง พร้อมนายไบรอน บิชอป สามี พร้อมนางสาวโอซา แวง นางแบบชื่อดัง นำกระเช้าดอกไม้มาวางเพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย โดยมีสีหน้าเศร้าโศก และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
นิติเวชสรุป เหลืออีก 21 ศพ ระบุไม่ได้
วันเดียวกันที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ บรรยากาศการรับศพเหยื่อเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยในขณะนี้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 8 ราย ที่ญาติได้มาติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว ยังเหลืออยู่ 20 ราย ที่ยังไม่สามารถนำศพออกไปได้ อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ได้ส่งมอบศพผู้เสียชีวิตเพศหญิงที่ยังไม่สามารถระบุว่าคือใคร จำนวน 5 ศพ มาให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ช่วยดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์เพื่อความสะดวกรวดเร็วของผลการตรวจสอบอีกด้วย
โดย พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า ตอนนี้ทางสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ได้ส่งมอบศพนิรนามมาให้จำนวน 5 ศพ เท่ากับว่าขณะนี้เรา มีศพที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้รวมทั้งสิ้น 21 ศพแล้ว อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตทั้ง 21 รายนี้ ได้ผ่านการเก็บหลักฐานการพิสูจน์ดีเอ็นเอ เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงญาตินำเอกสารและข้อมูลสำคัญมายื่นขอพิสูจน์เอกลักษณ์เปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมดีเอ็นเอ เท่านั้นก็จะสามารถนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลได้
เมียเหยื่อร้องสร้อยคอ 5 บาทหาย
ขณะเดียวกัน ได้เกิดเรื่องยุ่งขึ้นที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เมื่อ นางพนิดา โกศรี อายุ 28 ปี พร้อมลูก ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าเมื่อวานนี้ ( 1 ม.ค.) ขณะที่ตนเดินทางมาติดต่อขอดูศพสามี คือ นายอาทิตย์เทพ ปัทมานุรักษ์ อายุ 35 ปี ก็ได้เห็นทรัพย์สินประกอบด้วยสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท พระเลี่ยมทอง 2 องค์ กระเป๋าสตางค์ และบัตรเครดิต ซึ่งเป็นของสามี อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู แต่ไม่สามารถขอรับทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิอ้างว่าให้ไปติดต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ
“วันนี้จึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อขอรับทรัพย์สินคืน แต่ปรากฏว่า สร้องคอทองคำ กับพระเลี่ยมทองเกิดสูญหายไป โดยหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยตีแผ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ด้วย เพราะหลังจากนี้ไปก็คงจะต้องยุ่งกับเรื่องการจัดงานศพของสามีอีก” นางพนิดา กล่าว
มูลนิธิร่วมฯ โต้จิ๊กของเหยื่อซานติก้า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ นายสหชาติ ประถิ่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู ต้องออกมาแถลงโต้ว่า เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางมูลนิธิฯ แต่อย่างใด ซึ่งระหว่างที่พวกตนนำศพนายอาทิตย์เทพออกจากซานติก้าผับมาถึงสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ นั้น ก็ไม่พบทรัพย์สินตามที่นางพนิดากล่าวอ้าง พวกตนทำงานอย่างเป็นระบบ เวลานำศพลงจากรถก็จะทำทีละศพเพื่อป้องกันการสับสน ส่วนตอนถอดทรัพย์สินออกจากศพผู้ตายก็จะมีเจ้าหน้าที่นิติเวชมายืนเป็นพยาน มีการถ่ายรูป และบันทึกรายละเอียดไว้ในแบบฟอร์มด้วย ซึ่งแบบฟอร์มที่ว่านี้จะมี 2 ชุด สำหรับให้มูลนิธิฯ และสถาบันนิติเวช เป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้
“เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดของนางพนิดาเองมากกว่า คาดว่าเจ้าตัวคงสับสน เพราะเมื่อวานนี้ (1 ม.ค.) ก็มีทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่มีสร้อยคอทองคำ และพระเลี่ยมทองซึ่งลักษณะคล้ายกับของนายอาทิตย์เทพเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันแทนเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูทุกนายด้วยว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดกล้าแตะต้องทรัพย์สินของผู้ประสบภัยอย่างแน่นอน” นายสหชาติ กล่าว
แม่เหยื่อร้องสื่อลูกสาวหายคืนเกิดเหตุ
อีกรายวันเดียวกัน นางเอื้อมพร นาสะอ้าน อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 6 ต.ฆ้องชัยพัฒนา กิ่ง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมาที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมาตามหาลูกสาวชื่อ น.ส.พวงเพชร หรือ “ต้อย” นาสะอ้าน อายุ 24 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานพาร์ตไทม์อยู่ที่ซานติก้าผับ โดยเมื่อวันที่เกิดเหตุตนออกจากห้องพักย่านซอยเอกมัย 30 เพื่อเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนลูกสาวขออยู่ที่ กทม.เพราะต้องเดินทางไปทำงานที่ผับดังกล่าว พอช่วงเช้าวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนทราบข่าวว่าเกิดเพลิงไหม้และมีคนตายในผับจำนวนมาก จึงรีบตรวจสอบรายชื่อผู้บาดเจ็บพบชื่อลูกสาวไปนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.คามิลเลี่ยน แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับไม่พบตัวแต่อย่างใด พยายามตามหามาหลายโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่พบกดโทรศัพท์หาที่เบอร์มือถือลูกสาวหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย รู้สึกร้อนใจอย่างมาก จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยตามหาลูกสาวตนให้ด้วย
พ่อหนุ่มวิศวะจุฬาฯ ร่ำไห้รับศพลูกชาย
ส่วนบรรยากาศที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ นายพลสิทธิ์ วุฒิเลิศอนันต์ อายุ 53 ปี ได้เดินทางมารับศพลูกชายชื่อ นายชาญวิทย์ วุฒิเลิศอนันต์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ยานยนต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตกเป็นเหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ โดย นายพลสิทธิ์ กล่าวว่า เสียดายอนาคตของลูกชายซึ่งกำลังจะเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 ปกติลูกตนเป็นเด็กเรียนเก่ง ชอบเล่นกีฬา เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนพยายามชวนลูกไปเที่ยวต่างจังหวัดแต่เจ้าตัวไม่ยอมไป กลับขออนุญาตตนไปเที่ยวปีใหม่กับเพื่อนๆ แต่ไม่บอกสถานที่ พอตนทราบข่าวไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ จึงทดลองโทรศัพท์ไปที่มือถือลูกชาย ปรากฏว่า โทรศัพท์ไปอยู่ในกระเป๋าของแฟนสาวซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
“พ่อฝ่ายหญิงเป็นคนรับสายบอกผมว่าลูกชายตายแล้ว จึงรีบเดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ ปรากฏว่าพบกระเป๋าและบัตรประชาชนของลูกชายอยู่กับพนักงานสอบสวน เดินทางมาที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ เพื่อติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล โดยจะนำศพลูกไปตั้งสวดที่วัดหัวลำโพง ก่อนนำไปฝังในสุสานข้างๆ หลุมศพภรรยาที่ จ.ชลบุรี ในวันที่ 5 ม.ค.ที่จะถึงนี้” นายพลสิทธิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ เบื้องต้นทางญาติได้มาติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้วจำนวน 14 ราย ยังเหลือที่ญาติยังไม่มารับอีก 16 ราย เป็นศพเพศหญิงที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ 5 ราย และ ส่งต่อไปให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ช่วยดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์ทั้งหมดแล้ว ยอดผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ มี 11 คนแบ่งเป็นชาย 4 คน หญิง 7 คน ในที่นี้มีอาการโคม่า 5 คน เป็นชาย 4 คน และ หญิง 1 คน โดยมีชาวต่างชาติชื่อ นายคาอิชิ วาดะ อายุ 25 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีอาการสาหัสรวมอยู่ด้วย
จีนส่งสมุนไพรชั้นยอดช่วยเหยื่อไฟไหม้ “ซานติก้า”
มีรายงานว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ทำเรื่องมาถึงสถานทูตไทย มอบสมุนไพรชั้นยอดจากจีนส่งมาสนับสนุนตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาอาการพุพอง และบาดแผลของผู้บาดเจ็บที่ถูกไฟลวกด้วย
วันนี้ (2 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ภายในสถานบันเทิงซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดย นายชวรัตน์ ได้เดินทางไปที่หอผู้ป่วยไอซียู อาคารสิรินธร เพื่อเยี่ยมผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย โดยมีญาติพี่น้องเป็นตัวแทนออกมารับกระเช้าด้วยความปลาบปลื้มใจ จากนั้น นายชวรัตน์ พร้อมคณะได้เดินทางต่อไปที่ตึกมงกุฎเพชรรัตน์ เพื่อนำกระเช้าไปเยี่ยมเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ณ “ซานติก้าผับ” เพื่อสำรวจความเสียหายและติดตามความคืบหน้าทางคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ
แพทย์จุฬาฯ ชี้เหยื่อญี่ปุ่นโคม่า
ด้าน รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ที่ รพ.จุฬาฯ มีเหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้นอนพักรักษาตัวอยู่ ทั้งสิ้น 10 คน เป็นชาย 4 คน และ หญิง 6 คน ในที่นี่มีที่ยังโคม่าอีก 2 คน และต้องอยู่ในห้องดูแลรักษาผู้ป่วยไฟลวกอีก 2 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิต จำนวน 30 ราย ที่เข้ามารับการผ่าชันสูตร ที่ รพ.จุฬาฯ นั้น ล่าสุดมีญาติรับศพกลับไปแล้วจำนวน 22 ราย ส่วนอีก 8 ราย เป็นหญิงนิรนามไม่ทราบชื่อ ซึ่งเราได้ส่งไปให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ช่วยทำการพิสูจน์เอกลักษณ์ จำนวน 5 ราย
“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญนั้น ทีมแพทย์ รพ.จุฬาฯ มีควาพร้อมรับมืออยู่แล้ว จึงได้ประกาศเป็นสภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ เรียกระดมทีมแพทย์เข้ามารับการพยาบาลผู้ป่วย จนสามารถเคลียร์ผู้ป่วยเข้าห้องพักได้ภายในระยะเวลารวดเร็วเพียง 3 ชั่วโมง ส่วนนายคาอิชิ วาดะ ผู้บาดเจ็บชาวญี่ปุ่น ตนขอยอมรับว่าอาการน่าเป็นห่วงจริงๆ เนื่องจากตอนนี้ทั้งระบบหัวใจ และไตล้มเหลว ต้องปรับความดันร่างกายและเลือดกันทุกต้นชั่วโมง แต่แพทย์ผู้ให้การรักษา ก็ได้อธิบายให้ญาติๆ ของนายคาอิชิ ทำความเข้าใจแล้ว” รศ.นพ.อดิศร กล่าว
มท.1 ลงพื้นที่ตรวจ “ผับนรก”
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบที่สถานบันเทิงซานติก้าผับ ย่านเอกมัย ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อกลางดึกวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย โดยนายชวรัตน์ ได้เดินตรวจสอบบริเวณทางเข้าของร้านพร้อมกับเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้นำแบบแปลนโครงสร้างของสถานบันเทิงดังกล่าวมาตรวจสอบว่ามีโครงสร้างอย่างไร ซึ่งพบว่าโครงสร้างของสถานบันเทิงแห่งนี้เป็นเหล็กทั้งหมด เมื่อเกิดความร้อนจึงทำให้วัสดุอื่นๆติดไฟได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าโครงสร้างดังกล่าวได้มาตรฐานหรือไม่
นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้มีทางเข้าออกจำนวนหลายทาง แต่ทางร้านไม่ได้มีการติดป้ายสัญลักษณ์ให้นักเที่ยวได้รู้ว่าคือทางออก ทำให้ไม่มีใครรู้ ส่วนมาตรการป้องกันหลังจากนี้จะให้ทางเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสถานบันเทิงใน กทม.ว่ามีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องและมีความปลอดภัยหรือไม่ เนื่องจากสถานบันเทิงมีจำนวนมาก จะต้องมีการสุ่มตรวจ อย่างไรก็ตามเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนในทางคดีก่อนว่าเจ้าของร้านมีความผิดหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีความผิดเจ้าของร้านก็จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่อทุกราย
ตร.ออกหมายเรียก กก.ผจก.ให้ปากคำ 5 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมออกหมายเรียก นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ เพื่อมาให้ปากคำในฐานะพยาน โดยกำหนดให้เดินทางเข้าให้ปากคำในวันที่ 5 ม.ค. นี้
“ซินดี้” ควงแฟนหนุ่มร่วมไว้อาลัย
นอกจากนี้ยังมีญาติผู้เสียชีวิตมาไว้อาลัยที่ซานติก้าผับอย่างต่อเนื่อง โดยได้มี นางสิรินยา วินศิริ หรือซินดี้ อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ และนางแบบชื่อดัง พร้อมนายไบรอน บิชอป สามี พร้อมนางสาวโอซา แวง นางแบบชื่อดัง นำกระเช้าดอกไม้มาวางเพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย โดยมีสีหน้าเศร้าโศก และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
นิติเวชสรุป เหลืออีก 21 ศพ ระบุไม่ได้
วันเดียวกันที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ บรรยากาศการรับศพเหยื่อเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยในขณะนี้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 8 ราย ที่ญาติได้มาติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว ยังเหลืออยู่ 20 ราย ที่ยังไม่สามารถนำศพออกไปได้ อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ได้ส่งมอบศพผู้เสียชีวิตเพศหญิงที่ยังไม่สามารถระบุว่าคือใคร จำนวน 5 ศพ มาให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ช่วยดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์เพื่อความสะดวกรวดเร็วของผลการตรวจสอบอีกด้วย
โดย พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า ตอนนี้ทางสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ได้ส่งมอบศพนิรนามมาให้จำนวน 5 ศพ เท่ากับว่าขณะนี้เรา มีศพที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้รวมทั้งสิ้น 21 ศพแล้ว อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตทั้ง 21 รายนี้ ได้ผ่านการเก็บหลักฐานการพิสูจน์ดีเอ็นเอ เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงญาตินำเอกสารและข้อมูลสำคัญมายื่นขอพิสูจน์เอกลักษณ์เปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมดีเอ็นเอ เท่านั้นก็จะสามารถนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลได้
เมียเหยื่อร้องสร้อยคอ 5 บาทหาย
ขณะเดียวกัน ได้เกิดเรื่องยุ่งขึ้นที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เมื่อ นางพนิดา โกศรี อายุ 28 ปี พร้อมลูก ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าเมื่อวานนี้ ( 1 ม.ค.) ขณะที่ตนเดินทางมาติดต่อขอดูศพสามี คือ นายอาทิตย์เทพ ปัทมานุรักษ์ อายุ 35 ปี ก็ได้เห็นทรัพย์สินประกอบด้วยสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท พระเลี่ยมทอง 2 องค์ กระเป๋าสตางค์ และบัตรเครดิต ซึ่งเป็นของสามี อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู แต่ไม่สามารถขอรับทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิอ้างว่าให้ไปติดต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ
“วันนี้จึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อขอรับทรัพย์สินคืน แต่ปรากฏว่า สร้องคอทองคำ กับพระเลี่ยมทองเกิดสูญหายไป โดยหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยตีแผ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ด้วย เพราะหลังจากนี้ไปก็คงจะต้องยุ่งกับเรื่องการจัดงานศพของสามีอีก” นางพนิดา กล่าว
มูลนิธิร่วมฯ โต้จิ๊กของเหยื่อซานติก้า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ นายสหชาติ ประถิ่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู ต้องออกมาแถลงโต้ว่า เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางมูลนิธิฯ แต่อย่างใด ซึ่งระหว่างที่พวกตนนำศพนายอาทิตย์เทพออกจากซานติก้าผับมาถึงสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ นั้น ก็ไม่พบทรัพย์สินตามที่นางพนิดากล่าวอ้าง พวกตนทำงานอย่างเป็นระบบ เวลานำศพลงจากรถก็จะทำทีละศพเพื่อป้องกันการสับสน ส่วนตอนถอดทรัพย์สินออกจากศพผู้ตายก็จะมีเจ้าหน้าที่นิติเวชมายืนเป็นพยาน มีการถ่ายรูป และบันทึกรายละเอียดไว้ในแบบฟอร์มด้วย ซึ่งแบบฟอร์มที่ว่านี้จะมี 2 ชุด สำหรับให้มูลนิธิฯ และสถาบันนิติเวช เป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้
“เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดของนางพนิดาเองมากกว่า คาดว่าเจ้าตัวคงสับสน เพราะเมื่อวานนี้ (1 ม.ค.) ก็มีทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่มีสร้อยคอทองคำ และพระเลี่ยมทองซึ่งลักษณะคล้ายกับของนายอาทิตย์เทพเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันแทนเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูทุกนายด้วยว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดกล้าแตะต้องทรัพย์สินของผู้ประสบภัยอย่างแน่นอน” นายสหชาติ กล่าว
แม่เหยื่อร้องสื่อลูกสาวหายคืนเกิดเหตุ
อีกรายวันเดียวกัน นางเอื้อมพร นาสะอ้าน อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 6 ต.ฆ้องชัยพัฒนา กิ่ง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมาที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมาตามหาลูกสาวชื่อ น.ส.พวงเพชร หรือ “ต้อย” นาสะอ้าน อายุ 24 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานพาร์ตไทม์อยู่ที่ซานติก้าผับ โดยเมื่อวันที่เกิดเหตุตนออกจากห้องพักย่านซอยเอกมัย 30 เพื่อเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนลูกสาวขออยู่ที่ กทม.เพราะต้องเดินทางไปทำงานที่ผับดังกล่าว พอช่วงเช้าวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนทราบข่าวว่าเกิดเพลิงไหม้และมีคนตายในผับจำนวนมาก จึงรีบตรวจสอบรายชื่อผู้บาดเจ็บพบชื่อลูกสาวไปนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.คามิลเลี่ยน แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับไม่พบตัวแต่อย่างใด พยายามตามหามาหลายโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่พบกดโทรศัพท์หาที่เบอร์มือถือลูกสาวหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย รู้สึกร้อนใจอย่างมาก จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยตามหาลูกสาวตนให้ด้วย
พ่อหนุ่มวิศวะจุฬาฯ ร่ำไห้รับศพลูกชาย
ส่วนบรรยากาศที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ นายพลสิทธิ์ วุฒิเลิศอนันต์ อายุ 53 ปี ได้เดินทางมารับศพลูกชายชื่อ นายชาญวิทย์ วุฒิเลิศอนันต์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ยานยนต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตกเป็นเหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ โดย นายพลสิทธิ์ กล่าวว่า เสียดายอนาคตของลูกชายซึ่งกำลังจะเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 ปกติลูกตนเป็นเด็กเรียนเก่ง ชอบเล่นกีฬา เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนพยายามชวนลูกไปเที่ยวต่างจังหวัดแต่เจ้าตัวไม่ยอมไป กลับขออนุญาตตนไปเที่ยวปีใหม่กับเพื่อนๆ แต่ไม่บอกสถานที่ พอตนทราบข่าวไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ จึงทดลองโทรศัพท์ไปที่มือถือลูกชาย ปรากฏว่า โทรศัพท์ไปอยู่ในกระเป๋าของแฟนสาวซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
“พ่อฝ่ายหญิงเป็นคนรับสายบอกผมว่าลูกชายตายแล้ว จึงรีบเดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ ปรากฏว่าพบกระเป๋าและบัตรประชาชนของลูกชายอยู่กับพนักงานสอบสวน เดินทางมาที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ เพื่อติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล โดยจะนำศพลูกไปตั้งสวดที่วัดหัวลำโพง ก่อนนำไปฝังในสุสานข้างๆ หลุมศพภรรยาที่ จ.ชลบุรี ในวันที่ 5 ม.ค.ที่จะถึงนี้” นายพลสิทธิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ เบื้องต้นทางญาติได้มาติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้วจำนวน 14 ราย ยังเหลือที่ญาติยังไม่มารับอีก 16 ราย เป็นศพเพศหญิงที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ 5 ราย และ ส่งต่อไปให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ช่วยดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์ทั้งหมดแล้ว ยอดผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ มี 11 คนแบ่งเป็นชาย 4 คน หญิง 7 คน ในที่นี้มีอาการโคม่า 5 คน เป็นชาย 4 คน และ หญิง 1 คน โดยมีชาวต่างชาติชื่อ นายคาอิชิ วาดะ อายุ 25 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีอาการสาหัสรวมอยู่ด้วย
จีนส่งสมุนไพรชั้นยอดช่วยเหยื่อไฟไหม้ “ซานติก้า”
มีรายงานว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ทำเรื่องมาถึงสถานทูตไทย มอบสมุนไพรชั้นยอดจากจีนส่งมาสนับสนุนตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาอาการพุพอง และบาดแผลของผู้บาดเจ็บที่ถูกไฟลวกด้วย
