ตำรวจบางโพงพางแกะรอยตามรวบโจรหน้ากากกันหวัดปล้นร้านขาย จยย. ปากซอยสาธุประดิษฐ์ 53 จากข้อมูลสอบผู้เสียหายและเฝ้าดูพฤติกรรมชอบใช้ยาเสพติดใช้เงินมือเติบ แถมเอามือถือของผู้เสียหายมาใช้ ที่แท้เป็นลูกจ้างเก่าร่วมกับพี่เขยเข้ามาก่อเหตุ
จากกรณีที่มีกลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คน สวมหน้ากากอนามัย พร้อมอาวุธปืนบุกเข้าไปปล้นทรัพย์สินภายในร้านขายรถจักรยานยนต์ชื่อ “สาธุเจริญยนต์” ปากซอยสาธุประดิษฐ์ 53 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม.เป็นเหตุให้ นายสมชาย ฉันทวัฒนกิจ อายุ 57 ปี ที่ปรึกษา กต.ตร.สน.บางโพงพาง ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน นายนรินทร์ ฉันทวัฒนกิจ อายุ 24 ปี ลูกชาย และ นางเซียมจือ แซ่ฉั่ว อายุ 64 ปี พี่สาวถูกจับมัดและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ โดยคนร้ายสามารถรื้อค้นเงินสดกว่า 5 แสนบาท โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 18.00น. ที่ศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศส.บช.น.) พ.ต.อ.สุมิตร คุณานุคุณ ผกก.ศส.บช.น. พ.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผกก.ศส.บช.น. พ.ต.ท.นรินทร์ สุชาติ รอง ผกก.สส.บก.น.5 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายสามารถ นฤภัย อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 809/162 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา อดีตพนักงานของร้านดังกล่าว พร้อมของกลางเงินสด 35,000 บาท นาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน แหวนหยกขอบทองคำ 1 วง เข็มกลัดไข่มุก 1 ชิ้น เหรียญพระเจ้าอยู่หัวกรอบทอง 1 เหรียญ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง
พ.ต.อ.สุมิตร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย ได้ข้อมูลว่า 1 ใน 3 คนร้าย มีลักษณะคล้ายกับพนักงานที่เคยทำงานในร้านและออกไปแล้ว จึงได้นำประวัติพนักงานทั้งหมดมาตรวจสอบดูจนพบว่า นายสามารถ มีพฤติกรรม ใช้ยาเสพติดและชอบใช้จ่ายเงินเกินตัว จึงได้ส่งสายสืบเฝ้าติดตามดูพฤติกรรม ที่บ้านย่านอ่อนนุชมาตลอด พบว่า นายสามารถ ใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง สีดำ คล้ายกับของผู้เสียหาย จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ พร้อมกับนำโทรศัพท์มือถือให้ผู้เสียหายดู ซึ่งทางผู้เสียหายก็ยืนยันว่า เป็นโทรศัพท์ของตัวเองที่ถูกคนร้ายปล้นไปจริง ทำให้นายสามารถต้องจำนนต่อหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสามารถ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนลงมือได้พูดคุยกับนายเอกสกุล พลอยเศษแสง พี่เขยของตัวเอง อย่างทีเล่นทีจริงว่า ร้านที่ตนเคยทำงานอยู่นั้นชอบเก็บเงินสดจำนวนมากไว้สำรองใช้ นายเอกสกุล ก็เลยเตรียมอาวุธปืนไปปล้นโดยมีนายเริง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่เขยไปด้วย ส่วนตนทำหน้าที่ดูต้นทางที่หน้าร้านเท่านั้น พอปล้นเสร็จพี่เขยก็แบ่งเงินให้ 7 หมื่นบาท และฝากทรัพย์สินส่วนหนึ่งไว้ขาย หลังก่อเหตุได้หนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่ จ.ชุมพร และติดตามดูข่าวจนแน่ใจว่าตำรวจไม่มีทางรู้ว่า คนร้ายเป็นใคร จึงย้อนกลับมาจนกระทั่งถูกจับได้ดังกล่าว
ตร.ลงพื้นที่สอบพยานล่าโจรหน้ากากกันหวัดปล้นร้าน จยย.!
3 โจรปล้นร้านขาย จยย.กวาดทรัพย์กว่า 5 แสน