“จุมพล” นำทีมแถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวจีน-ไต้หวัน 103 ราย ซ่องสุมตามบ้านหรูในเชียงใหม่-กทม.โทร.หลอกเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี เสียหาย 2.3 หมื่นล้าน พบพฤติกรรมมีพิรุธ หลังพลเมืองดีแจ้ง ไม่ทำงานเอาแต่ตีกอล์ฟ ชอปปิ้ง ส่งสายสืบตาม ก่อนพบใช้บ้านพักเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์สุ่มโทร.หลอกเหยื่อ
วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองปราบปราม พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน และไต้หวัน เป็นชาย 33 และหญิง 70 คน รวม 103 คน พร้อมของกลางอุปกรณ์การสื่อสารในระบบ VOIP ข้ามประเทศ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 34 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 146 เครื่อง โทรศัพท์บ้าน 55 เครื่อง อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อุปกรณ์การดักฟังเครื่องโทรศัพท์ จำนวนหนึ่งและ เงินสดสกุลหยวนและเงินบาท ประมาณ 3 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกตำรวจท่องเที่ยวกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นตามหมู่บ้านจัดสรรต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 11 หลัง เช่น หมู่บ้านกุลพันธ์วิวโครงการ 9, หมู่บ้านมัณฑนา, หมู่บ้านล้านนาวิว, หมู่บ้านธารดง และหมู่บ้านล้านนาธารา และ บ้านเลขที่ 56/1 ซอยอินทามระ 22 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงและเขตดินแดง กทม.
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ขอให้ตรวจสอบชาวต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากเห็นว่าทั้งหมดไม่ทำงานอะไร เอาแต่ตีกอล์ฟและชอปปิ้ง จึงส่งสายลับเข้าสืบสวนทราบว่าเป็นชาวจีนและไต้หวันทยอย เดินทางเข้ามาในเมืองไทยเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา และกระจายกันเข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ จ.เชียงใหม่ และใน กทม.พร้อมกับใช้บ้านพักเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ สุ่มโทรศัพท์ทางไกลหลอกลวงเหยื่อในประเทศจีนว่า เงินในบัญชีธนาคารของเหยื่อหายไป จากนั้นก็จะให้ผู้ต้องหาอีกรายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลบัญชีเงินฝากของเหยื่อและบอกขั้นตอนการปรับยอดเงินเมื่อเหยื่อหลงเชื่อทำตามขั้นตอนดังกล่าวปรากฏว่าถูกหลอกให้โอนเงินไปในบัญชีธนาคารของเหยื่อ จากนั้นก็จะกดเงินจากตู้เอทีเอ็มออกมาสร้างความเสียหายเป็นจำนวน 23,000 ล้านบาทต่อปี
“จากการตรวจสอบพบโพยบทสนทนาใช้หลอกลวงเหยื่ออีกด้วย โดยผู้ต้องหาแต่ละคนจะได้รับเงินค่าตอบแทนเดือนละ 25,000 บาท และได้เงินพิเศษจากการหลอกหลวงเหยื่ออีก 10 เปอร์เซ็น อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนจับกุมผู้ต้องแก๊งนี้ได้ที่เมืองจีน ทั้งหมดจึงย้ายมา จ.เชียงใหม่ และ กทม.เพราะ สามารถวางระบบการติดต่อสื่อสารทำได้สะดวก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลการจับกุมต่อไป” พล.ต.ต.ปัญญา กล่าว
พล.ต.ต.ปัญญา ยังกล่าวอีกว่า อยากจะฝากให้ประชาชนที่พบเบาะแสและการเข้าออกในพื้นที่ของชาวต่างชาติอย่างผิดปกติ หรือมีการใช้โทรศัพท์เป็นจำนวนมากขอแจ้งตำรวจเพื่อตรวจสอบ และฝากเตือนประชาชนที่มีบัญชีเงินฝากธนาคารหากมีคนโทรศัพท์มาสอบถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวยอดเงินในบัญชีขอให้ติดต่อกับทางธนาคารโดยตรง อย่าหลงเชื่อผู้ที่ใช้วิธีโทรศัพท์เข้ามาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารเพราะหมายเลขโทรศัพท์นั้นผู้ต้องหาสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดูน่าเชื่อถือได้ ซึ่งจากนี้ไปทางตำรวจก็จะต้องประสานข้อมูลกับการสื่อสารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ที่มีความผิดปกติซึ่งจากนี้ไปจะต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพราะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายอย่างมาก และ การที่ผู้ต้องหาใช้ ประเทศอื่นกระทำความผิดเพราะง่ายต่อการที่จะหลอกลวงเหยื่อและคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้ภาษาต่างประเทศ ส่วนจะดำเนินการในพื้นที่ใดหรือในประเทศใดอีกบ้างนั้นขณะนี้ได้ประสานข้อมูลกับตำรวจไต้หวันและตำรวจสากลแล้ว
สำหรับการจับกุมดังกล่าวทราบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มี นายหวัง อี้ จวน อาย 43 ปี ชาวไต้หวัน ซึ่งถูกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 99/99 หมู่บ้านลัดดารมย์ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และนายยู้ กวาง ชิง อายุ 32 ปี ซึ่งถูกจับกุมที่หมู่บ้านลานนาธารา เป็นหัวหน้าแก๊ง ส่วนผู้บงการใหญ่ที่นำชาวจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันเข้ามาทำงานในประเทศไทยน่าเชื่อว่ายังอาศัยอยู่ในประเทศจีน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา เป็นบุคคลต่าวด้าวเข้ามาทำงานในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับบุคคลต่างด้าวเข้ามทำงานในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต