ตำรวจ บก.ปศท.สามารถติดตามจับกุมหัวหน้าแก๊งปลอมบัตรเครดิต ที่ฉกข้อมูลของเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยได้แล้ว เป็นชาวมาเลเซีย หนีไปกบดานที่เชียงใหม่ เผยขั้นตอนได้ข้อมูลผู้เสียหายปั๊บส่งเอสเอ็มเอสให้เครือข่ายทำการปลอมบัตรไปรูดซื้อสินค้าได้ทันที แม้อยู่ต่างประเทศ หรือต่างทวีปกันก็ตาม ส่วนค่าเสียหาย ยังไม่สามารถประเมินได้
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก.ปศท.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจจน์ ผบก.ปศท. พ.ต.อ.กิตติ สระเภาทอง รอง ผบก.ปศท. แถลงการจับกุมนายก๊ก มุน เชียง อายุ 39 ปี ชาวมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 25823/2551 ลงวันที่ 1 ก.ย.2551 ในข้อหาร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์พกพา(โน๊คบุ๊ค) 1 เครื่อง ชุดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ 1 ตัว ซีดีรอม 9 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อุปกรณ์ทัมป์ไดรฟ์ 1 ตัว MP3 จำนวน 1 เครื่อง สมุดบันทึกหมายเลขบัตรเครดิต 1 เล่ม สลิปการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม 15 ฉบับ
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ย.51 ทางตำรวจบก.ปศท.ได้จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 6 คน ที่ร่วมกันปลอมแปลงและใช้บัตรเครดิตปลอมของเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย โดยในวันดังกล่าว นายก๊ก มุน เชียง หนึ่งในผู้ต้องหาที่มีหน้าที่จัดหาข้อมูลให้ผู้ร่วมขบวนการไปทำบัตรปลอม ไหวตัวทัน หลบหนีไปได้ ทางตำรวจจึงทำการสืบสวนติดตาม จนกระทั่งวานนี้ (19 มี.ค.) เวลา 18.00 น. ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายก๊ก มุน เชียง ได้ที่ห้องอาหารโรงแรมบีพี ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงคุมตัวมาสอบปากคำ
พล.ต.ต.ปัญญากล่าวต่อว่า สำหรับนายก๊ก มุน เชียง เป็นหัวหน้าแก๊งชาวมาเลเซีย มีเครือข่ายโยงใยหลายประเทศ มีบทบาทเป็นตัวกลางในการซื้อขายข้อมูลบัตรเครดิต และบัตรเอทีเอ็ม โดยจะมีทีมที่คอยรับข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็ม จากนั้น จะให้นายก๊ก มุน เซียง ขายต่อให้กลับกลุ่มคนร้ายที่จะนำไปทำบัตรปลอม โดยส่วนใหญ่ จะติดต่อกับกลุ่มคนร้ายในประเทศมาเลเซีย และประเทศแถบยุโรป จากนั้น จะนำมาผลิตบัตรเครดิตปลอมขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง
“คดีปลอมบัตรเครดิตของท่านทูตทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย นายก๊ก มุน เชียง เป็นคนหาข้อมูล และส่งให้นายพนธกร หรือเอก ดีประเสริฐ กับ ด.ต.ปราโมทย์ เปียทอง สังกัดบช.ส. (สันติบาล) ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นำไปทำบัตรปลอม ทั้งนี้ตำรวจเชื่อว่า นายก๊ก มุน เชียง น่าจะมีส่วนรู้เห็น กับแก๊งชาวมาเลเซียที่เข้ามาลักลอบปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็มในภาคใต้ของไทย ที่ถูกจับกุม และมีบางส่วนหลบหนีไปได้ โดยพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายแก๊งนี้ มีการทำกันมานานนับสิบปี โดยมีมูลค่าความเสียหาย ที่ไม่สามารถประเมินได้ ทั้งนี้ การตรวจสอบหลักฐายที่ยึดได้จากที่พักของผู้ต้องหานั้น ยังพบว่า นายก๊ก มุน เชียง ได้ตั้งบริษัท อาร์เจ มอแกน จำกัด ทำธุรกิจแชร์น้ำมัน ฉ้อโกงประชาชนโดยหลอกลวงว่าผู้ที่นำเงินมาลงทุน 2 หมื่นบาท จะได้ผลตอบแทน 40-90 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ทาง บก.ปศท.จะสืบสวนต่อไปว่ามีผู้เสียหายในส่วนนี้อีกจำนวนเท่าไหร่” พล.ต.ต.ปัญญากล่าว
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า แก๊งปลอมบัตรเครดิตแก๊งนี้ มีการซื้อขายข้อมูลที่มีการพัฒนา โดยใช้วิธีส่งข้อมูลกันทางโทรศัพท์มือถือ หรือเอเอ็มเอส ข้ามประเทศ โดยจะนำข้อมูลของผู้เสียหายที่ขโมยมาได้แล้ว สามารถส่งไปให้เครือยข่ายทำบัตรเครดิตปลอมอีกประเทศได้ทันที
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 1-5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท
จับแก๊งปลอมบัตรเครดิตทูตนิวซีแลนด์ ตระเวนรูดเติมน้ำมัน
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก.ปศท.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจจน์ ผบก.ปศท. พ.ต.อ.กิตติ สระเภาทอง รอง ผบก.ปศท. แถลงการจับกุมนายก๊ก มุน เชียง อายุ 39 ปี ชาวมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 25823/2551 ลงวันที่ 1 ก.ย.2551 ในข้อหาร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์พกพา(โน๊คบุ๊ค) 1 เครื่อง ชุดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ 1 ตัว ซีดีรอม 9 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อุปกรณ์ทัมป์ไดรฟ์ 1 ตัว MP3 จำนวน 1 เครื่อง สมุดบันทึกหมายเลขบัตรเครดิต 1 เล่ม สลิปการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม 15 ฉบับ
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ย.51 ทางตำรวจบก.ปศท.ได้จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 6 คน ที่ร่วมกันปลอมแปลงและใช้บัตรเครดิตปลอมของเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย โดยในวันดังกล่าว นายก๊ก มุน เชียง หนึ่งในผู้ต้องหาที่มีหน้าที่จัดหาข้อมูลให้ผู้ร่วมขบวนการไปทำบัตรปลอม ไหวตัวทัน หลบหนีไปได้ ทางตำรวจจึงทำการสืบสวนติดตาม จนกระทั่งวานนี้ (19 มี.ค.) เวลา 18.00 น. ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายก๊ก มุน เชียง ได้ที่ห้องอาหารโรงแรมบีพี ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงคุมตัวมาสอบปากคำ
พล.ต.ต.ปัญญากล่าวต่อว่า สำหรับนายก๊ก มุน เชียง เป็นหัวหน้าแก๊งชาวมาเลเซีย มีเครือข่ายโยงใยหลายประเทศ มีบทบาทเป็นตัวกลางในการซื้อขายข้อมูลบัตรเครดิต และบัตรเอทีเอ็ม โดยจะมีทีมที่คอยรับข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็ม จากนั้น จะให้นายก๊ก มุน เซียง ขายต่อให้กลับกลุ่มคนร้ายที่จะนำไปทำบัตรปลอม โดยส่วนใหญ่ จะติดต่อกับกลุ่มคนร้ายในประเทศมาเลเซีย และประเทศแถบยุโรป จากนั้น จะนำมาผลิตบัตรเครดิตปลอมขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง
“คดีปลอมบัตรเครดิตของท่านทูตทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย นายก๊ก มุน เชียง เป็นคนหาข้อมูล และส่งให้นายพนธกร หรือเอก ดีประเสริฐ กับ ด.ต.ปราโมทย์ เปียทอง สังกัดบช.ส. (สันติบาล) ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นำไปทำบัตรปลอม ทั้งนี้ตำรวจเชื่อว่า นายก๊ก มุน เชียง น่าจะมีส่วนรู้เห็น กับแก๊งชาวมาเลเซียที่เข้ามาลักลอบปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็มในภาคใต้ของไทย ที่ถูกจับกุม และมีบางส่วนหลบหนีไปได้ โดยพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายแก๊งนี้ มีการทำกันมานานนับสิบปี โดยมีมูลค่าความเสียหาย ที่ไม่สามารถประเมินได้ ทั้งนี้ การตรวจสอบหลักฐายที่ยึดได้จากที่พักของผู้ต้องหานั้น ยังพบว่า นายก๊ก มุน เชียง ได้ตั้งบริษัท อาร์เจ มอแกน จำกัด ทำธุรกิจแชร์น้ำมัน ฉ้อโกงประชาชนโดยหลอกลวงว่าผู้ที่นำเงินมาลงทุน 2 หมื่นบาท จะได้ผลตอบแทน 40-90 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ทาง บก.ปศท.จะสืบสวนต่อไปว่ามีผู้เสียหายในส่วนนี้อีกจำนวนเท่าไหร่” พล.ต.ต.ปัญญากล่าว
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า แก๊งปลอมบัตรเครดิตแก๊งนี้ มีการซื้อขายข้อมูลที่มีการพัฒนา โดยใช้วิธีส่งข้อมูลกันทางโทรศัพท์มือถือ หรือเอเอ็มเอส ข้ามประเทศ โดยจะนำข้อมูลของผู้เสียหายที่ขโมยมาได้แล้ว สามารถส่งไปให้เครือยข่ายทำบัตรเครดิตปลอมอีกประเทศได้ทันที
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 1-5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท
จับแก๊งปลอมบัตรเครดิตทูตนิวซีแลนด์ ตระเวนรูดเติมน้ำมัน