“สุเทพ” นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณารับคดีปั่นหุ้น-ฆ่าตัดตอน-หลอกโอนเงิน-เข้าเป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 6/2552 ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้พิจารณาและมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ จำนวนทั้งสิ้น 5 คดี คือ
เรื่องที่ 1 คดีปั่นหุ้น ซึ่งสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งรายชื่อบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์ ปั่นหุ้นให้ดีเอสไอตรวจสอบ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 243 และมาตรา 308 ทั้งนี้ดีเอสไอตรวจสอบพบกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันซื้อขายหลักทรัพย์ในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะการสร้างราคาหลักทรัพย์ให้บุคคลอื่นเข้าใจว่ามีราคาสูง มีการยักยอกทรัพย์ของนิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการกำกับหลักทรัพย์ฯ และหลบเลี่ยงภาษีอากร ระหว่าง พ.ศ.2548 ถึง พ.ศ.2551 มีวงเงินกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์โดยรวม และกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ จึงมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ
เรื่องที่ 2 คดีฉ้อโกงประชาชนโดยการหลอกลวงให้โอนเงินผ่านเครื่องเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) มีข้อเท็จจริงโดยสรุปกล่าวคือ ตามที่มีข่าวปรากฏต่อสื่อมวลชนถึงกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉ้อโกงประชาชนด้วยการโทรศัพท์ติดต่ออ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และหลอกลวงประชาชนให้โอนเงินผ่านเครื่องเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) เพื่อชำระภาษี ซึ่งดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวไปอยู่ในกลุ่มผู้กระทำผิด เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.2552 จนสามารถสืบหาพยานหลักฐานพอที่จะดำเนินคดีกับคนร้ายได้ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนในวงกว้าง จึงมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ
เรื่องที่ 3 คดีความผิดทางอาญา ที่เป็นความผิดตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เรื่องที่ 4 คดีฆาตกรรมนายประวิทย์ สัตวุธ ที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ มีข้อเท็จจริงโดยสรุปกล่าวคือ ญาติของนายประวิทย์ สัตวุธ ผู้เสียชีวิต ได้ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของประวิทย์ สัตวุธ ซึ่งแขวนคอตายที่บริเวณสระกุดน้ำกิน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2547 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการประกาศสงครามปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยแจ้งว่าผู้ตายมีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ เกรงว่าจะถูกฆาตกรรมอำพราง
จากการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่า ก่อนเสียชีวิต นายประวิทย์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ภายหลังได้ปล่อยตัวไป และมีการเรียกตัวให้มารับสิ่งของ ที่สภ.เมืองกาฬสินธุ์ก่อนจะหายตัวไป ต่อมามีผู้พบศพดังกล่าว จึงมีเหตุสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจเป็นคดีความผิดทางอาญาและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกี่ยวข้อง จึงมีผลต่อความเชื่อมั่นในการดำเนินคดีอาญาโดยเจ้าพนักงานตำรวจ มีความซับซ้อน ประกอบกับเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน จึงมีมติรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ
เรื่องที่ 5 คดีเลี่ยงภาษี ที่กรมสรรพากรได้ร้องทุกข์กล่าวโทษพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีอาญากับกิจการร่วมค้า บริษัทพรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด มหาชน บริษัท เพทเอ็นจิเนียส์อิงค์ และบริษัท ล็อควูด แอนดรูส์ นิวแนมอิงค์ (กิจการร่วมค้า พีอี-เพท/แลน) กรณีหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร ระหว่าง พ.ศ. 254 - พ.ศ.2545 มูลค่าความเสียหาย กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีมีการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ แต่เกิดการกระทำผิดก่อน พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 บังคับใช้ และค้างดำเนินการ คณะกรรมการคดีพิเศษจึงมีมติให้เป็นคดีพิเศษ