ดีเอสไอลงพื้นที่คลองนครเนื่องเขต ตรวจสอบความเดือดร้อนตามที่ชาวบ้านร้องทุกข์ ถูก ส.ป.ก.ฉะเชิงเทรา ยึดคืนที่ดินที่ทำกิน พร้อมเชิญ ส.ป.ก.ฉะเชิงเทรา ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริง ด้าน ส.ป.ก.ฉะเชิงเทรา ยันไม่เคยยึดคืนพื้นที่ของชาวบ้านไปให้พวกพ้อง ท้าพิสูจน์ความจริงได้ ขณะที่ชาวบ้านยังยืนยันถูกยึดคืนที่ ส.ป.ก.ทั้งที่จ่ายค่าเช่าตามกำหนด แต่ถูกโยนคืนเงินค่าเช่าใส่กระบาล
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่ อบต.คลองนครเนื่องเขต จ.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รักษาการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 9 ระดับเชี่ยวชาญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ เดินทางลงพื้นที่คลองนครเนื่องเขต เพื่อพบกับชาวบ้านที่เดือดร้อนกรณีถูก ส.ป.ก.จังหวัดฉะเชิงเทรา ยึดที่ดินทำดิน มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเดินทางมาพบกว่า 30 คน พร้อมกับเชิญ นายเดชา วิลาวรรณ ส.ป.ก.จังหวัดฉะเชิงเทรา มาพบชาวบ้านด้วยเพื่อร่วมชี้แจงกรณียึดที่ดินดังกล่าวซึ่งกรณีนี้ชาวบ้านได้เข้าร้องทุกข์ไว้กับดีเอสไอไว้แล้ว เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า วันนี้ดีเอสไอได้นัดหมายให้ชาวบ้านและทางนายเดชา ส.ป.ก.มาชี้แจงเรื่องการยึดที่ดินของชาวบ้าน รวมทั้งเรื่องกฎระเบียบ โดยพบว่าชาวบ้านที่ถูกยึดที่ดินทำกินนั้นส่วนใหญ่ทำผิดข้อตกลงกับทาง ส.ป.ก.จังหวัด จึงทำให้ถูกยึดที่ดิน และเมื่อยึดแล้วนายเดชา ก็ได้นำที่ดินทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการจังหวัด เพื่อพิจารณาหาผู้ครอบครองคนต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ทางดีเอสไอก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป แต่ในเบื้องต้นทาง ส.ป.ก.ก็เยียวยาชาวบ้านไปบางส่วนแล้ว ส่วนชาวบ้านบางรายที่ถูกยึดที่ดินไปนั้นบางคนไม่ยอมมาจ่ายเงินเช่าทำประโยชน์ จึงทำให้ถูกยึด ส่วนชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายที่เข้าร้องเรียนต่อดีเอสไอ ขณะนี้มีประมาณ 10 ราย รวมเนื้อที่ 170 ไร่
ด้าน นายเดชา กล่าวชี้แจงว่า การที่จะยึดที่ดินของชาวบ้านกลับคืนมานั้นมีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ โดยผู้ที่จะต้องถูกยึดนั้นส่วนใหญ่เมื่อได้ที่ดินไปแล้วไม่ยอมพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงที่ดินตามระเบียบจึงต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามข้อตกลง ซึ่งจริงแล้วกฎระเบียบที่สปก.ตั้งขึ้นนั้นเพื่อเป็นการปรามเท่านั้น ยังสามารถมีการเจรจากันได้ และเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการเข้าใจผิดของชาวบ้าน เพราะทางเราได้ประชาสัมพันธ์มาตลอดให้เกษตรกรปฏิบัติตามเงื่อนไข หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกยึดที่ดิน
นายเดชา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ตนถูกกล่าวหาจากชาวบ้านว่ายึดที่ดินไปแล้วนำไปให้พวกพ้องนั้น ก็ไม่เป็นความจริงเพราะไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ การยึดที่ดินจากชาวบ้านมาแล้วจะต้องนำที่ดินที่ยึดเข้าคณะกรรมการทั้งหมด จากนั้นก็มาพิจารณาจัดสรรที่ดินใหม่ให้กับคนอื่น และจะระบุว่าสามารถครอบครองได้คนละกี่ไร่
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินในพื้นที่คลองนครเนื่องเขต จ.ฉะเชิงเทรา มีราคาสูงขึ้น เดิมแค่ไร่ละ 3 พันบาท แต่ปัจจุบันไร่ละ 1 แสนบาท ทำให้มีความต้องการสูงขึ้นทาง สปก.จึงจำเป็นต้องมีการจัดสรรที่ดินใหม่ และการจัดสรรที่ดินทำกินนี้ก็ถือเป็นอีกโครงการหนึ่งของรัฐบาลเพื่อรองรับเกษตรกรรุ่นใหม่และช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน และช่วยเหลือคนตกงาน
ทั้งนี้ ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า ส.ป.ก.นำที่ดินที่ยึดจากชาวบ้านไปสร้างที่พักตากอากาศนั้น นายเดชา กล่าวว่า ก็ไม่เป็นความจริงตนขอท้าให้ตรวจสอบได้ ไปสอบถามสำนักงานที่ดินจังหวัดได้ว่ามีหรือไม่ หากมีจริงก็ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญากับตนได้
ด้าน นางบรรจง สีทองใบ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า ที่ดินของตนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ โดยทำร่วมกับนางวรรณา แบ่งเป็น 2 แปลง ที่ดินแปลงนี้ได้รับมรดกจากพ่อ เมื่อพ่อตายตนก็มารับสิทธิแทน เมื่อปีต้นปีที่แล้ว ทาง ส.ป.ก.มีจดหมายให้ไปจ่ายเงินค่าเช่าที่ค้างชำระ ประมาณ 4,500 บาท ก็ไปจ่ายก่อนถึงวันครบกำหนดประมาณต้นปี 51 พอไปถึง ส.ป.ก.ตนก็จ่ายเงินจนครบ ก่อนเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ขึ้นไปพบ นายเดชา และ นายเดชา ก็บอกว่าที่ดินของตนถูกยึด ห้ามทำอะไรหากทำก็แจ้งตำรวจจับ ต่อมา นายเดชา ได้พาพระภิกษุ 1 รูป จากวัดหลวงพ่อโสธร ไปยังที่ดินตน และบอกว่าจะพัฒนาที่ดินของตนเพื่อปลูกข้าว เพื่อนำข้าวเข้าโรงเจของวัดดังกล่าว
“นอกจากนี้ นายเดชา ยังบอกด้วยว่าหากตนต้องการที่ดินผืนนี้คืนจะต้องมาร่วมประชุมกับทาง สปก.ให้ครบ 16 ครั้ง แต่ตนไม่สามารถมาได้เพราะมีงานประจำอยู่ ก่อนที่นายเดชา จะคืนเงินให้โดยใส่ซองแล้วโยนใส่หัวตน และบอกให้กลับไป ปัจจุบันที่ดินของตนก็กลายเป็นแปลงนา เมื่อตนสอบถามคนที่ทำนาก็บอกว่าทำให้นายเดชา ส.ป.ก.คนดังกล่าว” นายบรรจง กล่าว