xs
xsm
sm
md
lg

บุรีรัมย์ฮือไล่นายทุนอิทธิพลหลอกฮุบที่ดิน 577 ไร่ – ไร้ที่ทำกินวอนนายกฯ มาร์คช่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวบ้านน้อยพัฒนา-บ้านขามใหญ่ ต.เมืองไผ่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน รวมตัวประท้วงขับไล่นายทุนอิทธิพล หลอกลวงฉ้อโกงฮุบที่ดินทำกันชาวบ้านกว่า 500 ไร่
บุรีรัมย์ - ชาวบ้านน้อยพัฒนา-บ้านขามใหญ่ ต.เมืองไผ่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน รวมตัวประท้วงขับไล่นายทุนอิทธิพล ส่งนายหน้ามาหลอกซื้อที่ดินชาวบ้าน 28 ครัวเรือน 577 ไร่ เป็นเงินกว่า 6 ล้าน แต่เบี้ยวจ่ายแค่ 2.2 ล้าน ร้องมา 4 นายอำเภอและกระทรวงมหาดไทย เรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆ เผยล่าสุดเรียกร้องนายกฯอภิสิทธิ์ ช่วยเชือดนายทุนจอมอิทธิพลและขรก.ที่ร่วมทุจริตฉ้อโกงฮุบที่ดินทำกินชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ชาวบ้านน้อยพัฒนา และบ้านขามใหญ่ ต.เมืองไผ่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน นำโดย นายพรหมลิขิต อักษรณรงค์ สมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ดูแลเขตพื้นที่ภาคอีสานได้รวมตัวกันประท้วงขับไล่กลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล ที่มาฉ้อโกงหลอกซื้อที่ดินของชาวบ้านจำนวน 28 ครัวเรือน รวมพื้นที่กว่า 577 ไร่

ทั้งนี้ ได้หลอกให้ชาวบ้านเซ็นสัญญาซื้อขายไร่ละ 10,000 – 30,000 บาท แต่จ่ายเงินมัดจำไว้บางส่วน แล้วนำโฉนดที่ดินไปขายต่อให้กับนายทุนรายอื่น ซึ่งชาวบ้านเกือบทั้งหมดได้ตกลงซื้อขายที่ดินเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือเก็บไว้ทำกิน แต่นายทุนกลับฮุบที่ทั้งหมดและไม่ยอมจ่ายเงินที่เหลือให้

อีกทั้งยังได้ล้อมรั้วปิดถนนรุกล้ำพื้นที่แหล่งน้ำสาธารณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคร่วมกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย และ ที่ดินของชาวบ้านส่วนที่ไม่ได้ตกลงซื้อขายไปด้วย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ของตัวเองได้ ซึ่งชาวบ้านที่มาประท้วงจึงได้พากันรื้อถอนรั้วที่นายทุนนำมาล้อมที่ดินดังกล่าวด้วย

จากนั้นชาวบ้านได้พากันไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.หนองกี่ และ ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทางอำเภอ เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือดำเนินการเอาผิดกับนายทุนที่ฉ้อโกงชาวบ้านดังกล่าวด้วย ขณะที่ทางอำเภอรับปากว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่มาร้องเรียนอย่างเร่งด่วน

นายพรหมลิขิต อักษรณรงค์ แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 2536 ได้มีนายหน้ามาหลอกซื้อขายที่ดินจากชาวบ้าน ในราคาไร่ละ 10,000-30,000 บาท แต่วางเงินมัดจำไว้ส่วนหนึ่งของราคาขายที่ดินทั้ง 577 ไร่ ที่รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,190,000 แต่จ่ายเงินเพียง 2,249,500 บาท ค้าง 3,940,500 บาท โดยมีการหว่านล้อมชาวบ้านให้เซ็นชื่อมอบอำนาจที่ดินให้ก่อน จึงจะจ่ายเงินให้ครบตามจำนวน ด้วยความซื่อและความไม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้าน ประกอบกับไม่รู้หนังสือด้วย จึงได้ยอมเซ็นชื่อบางรายพิมพ์ลายนิ้วมือ และบอกว่าเงินส่วนที่เหลือจะมาจ่ายภายใน 60 วันสุดท้ายไม่มาจ่ายตามสัญญา อ้างว่ากำลังหาเงินแต่ก็ไม่จ่ายจนถึงทุกวันนี้

ทำให้ชาวบ้านทั้ง 28 ครัวเรือน ต้องตกเป็นเหยื่อของนายทุน เสียทั้งที่ดินและสูญเงินไปกว่า 3 ล้านบาท บางครอบครัวหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีที่ดินทำกินเลย

นายพรหมลิขิต กล่าวต่อว่า ต่อมาชาวบ้านได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ และนายอำเภอหนองกี่ รับปากจะดำเนินการให้กับชาวบ้าน จน ผู้กำกับการ (ผกก.) และ นายอำเภอ ย้ายไปแล้ว 4 คน เรื่องก็เงียบหายไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งได้ยื่นหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้ช่วยดำเนินการแต่เรื่องก็ยังเงียบหายอีก

จนล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2552 ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลและข้าราชการที่ร่วมกันทุจริตฉ้อโกงที่ดินที่นาทำกินชาวบ้านโดยด่วน เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านได้อาศัยที่ดินดังกล่าวทำมาหากิน และสระน้ำที่ชาวบ้านขุดลอกร่วมกันใช้มาเป็นเวลานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ซึ่งทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องกลับมาให้ทางจังหวัดบุรีรัมย์ ดำเนินการตรวจสอบแล้ว

นายพรหมลิขิต กล่าวอีกว่า ล่าสุดเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมานายทุนและผู้มีอิทธิพลได้เข้ามายึดที่ดินที่นาทำกินของชาวบ้าน โดยนำรั้วลวดหนามมาล้อมบริเวณที่ดิน ทั้งหมด 577 ไร่ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยที่ดินดังกล่าวทำมาหากินตลอด ไม่สามารถเข้าไปและเดินสัญจรผ่านไปมาได้ รวมทั้งสระน้ำที่ชาวบ้านขุดลอกร่วมกันใช้ในการอุปโภคบริโภคมาเป็นเวลานาน ก็ไม่สามารถเข้าไปใช้น้ำได้ตามปกติ สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

“จึงพากันออกมาร้องเรียน และวิงวอนนายกรัฐมนตรี ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านโดยด่วน” นายพรหมลิขิต กล่าว

ด้าน นางลัดดา สายกระสุน อายุ 33 ปี กล่าวว่า แม่ตนมีที่ดินอยู่จำนวน 11 ไร่ เมื่อปี 2536 แม่ได้แบ่งขายที่ดินให้กับนายทุนที่มากว้านซื้อจำนวน 5 ไร่ ในราคาไร่ละ 10,000 บาท โดยนายทุนให้ทำสัญญาซื้อขายพร้อมจ่ายเงินให้จำนวน 50,000 บาท จากนั้นแม่จึงได้มอบโฉนดที่ดินให้กับนายทุน โดยยังไม่มีการโอนแยกแปลง สุดท้ายนายทุนได้ฮุบที่ดินไปทั้งหมด 11 ไร่ ไม่แตกต่างจากชาวบ้านรายอื่นๆ ที่มาชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ ซึ่งบางคนถูกเบี้ยวไม่จ่ายเงินให้ครบตาม หรือ หลายคนถูกฮุบที่ดินไปทั้งหมดทั้งที่แบ่งขายบางส่วนเท่านั้น

“ทำให้ชาวบ้านที่เคยอาศัยที่ดินดังกล่าวทำมาหากิน ปัจจุบันต้องอพยพพากันไปทำงานรับจ้างเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพราะไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่นาของตัวเองได้” นางลัดดา กล่าว







กำลังโหลดความคิดเห็น