“สุเทพ” นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณาเห็นชอบรับ 5 คดีสำคัญ ทุจริตฝายแม้ว-คาร์บอมบ์ นราธิวาส-ทุจริตผู้บริหาร บ.ประกันวินาศภัย-คดีหายตัวนายกมล เหล่าโสภาพันธ์-คดีกู้ยืมเงินที่ อ.ประจันตคาม เข้าเป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (24 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 5/2552 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 อาคารสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมพิจารณาและมีมติเห็นชอบเป็นคดีพิเศษ จำนวน 5 คดี
คือ 1.คดีระเบิดรถยนต์ (คาร์บอมบ์) บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2552 ที่ประชุม กคพ.ได้มีมติให้คดีความผิดทางอาญากรณีเหตุระเบิดรถยนต์หน้าโรงแรมมารีน่า อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และพื้นที่อื่น รวม 5 แห่ง เป็นคดีพิเศษ และแนวทางการสืบสวนพบว่าเหตุระเบิดรถยนต์ (คาร์บอมบ์) หน้าสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2551 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย มีผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรวมอยู่ด้วย รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากนั้น อาจเกิดจากการประสานงานและสั่งการโดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มเดียวกัน ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ
2.คดีการทุจริตของผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการร้องทุกข์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ให้ดำเนินคดีอาญากับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งในความผิดตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 278.9 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันภัยโดยรวม และกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ จึงมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ
3.คดีการหายตัวไปของนายกมล เหล่าโสภาพันธ์ ที่ญาติได้ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ตรวจสอบ เนื่องจากทราบว่านายกมลได้เข้าไปตรวจสอบการทุจริตการเช่าที่ดินของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และมีเหตุขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ จนมีการแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ต่อมานายกมลได้หายไปหลังจากที่เข้าพบข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่สถานีตำรวจ และพบรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้ คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจเป็นคดีความผิดทางอาญา และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกี่ยวข้อง จึงมีผลต่อความเชื่อมั่นในการดำเนินคดีอาญาโดยเจ้าพนักงานตำรวจ มีความซับซ้อน ประกอบกับเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน จึงมีมติรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ
4.คดีการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและการทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในการดำเนินการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อลดผลกระทบภาวะโลกร้อน กล่าวคือ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร ร้องขอต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อลดผลกระทบภาวะโลกร้อน (ฝายแม้ว) เป็นงบประมาณ 770 ล้านบาท ในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 และ 13 จ.พิษณุโลก และจ.แพร่ ที่อาจมีการดำเนินการไม่โปร่งใส ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนเบื้องต้น มีมูลน่าเชื่อว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และมีการทุจริตเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ และการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าว มีความซับซ้อน และมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง และอาจมีผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการ จึงมีมติรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ
คดีที่ 5 คดีการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เกี่ยวกับพฤติกรรมของกรรมการกลุ่มออมทรัพย์สัจจะ บ้านเนินมะไฟ ต.คำโนตด อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ว่ากลุ่มสัจจะฯมีการรับฝากเงินจากสมาชิก โดยให้อัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ ภายหลังไม่มีเงินตอบแทนสมาชิกและหยุดดำเนินการ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย โดยมีการกระทำความผิดระหว่าง พ.ศ.2542-2552 เบื้องต้นมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แล้วจำนวน 150 คน มูลค่าความเสียหายกว่า36 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคดีเข้าข่ายกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ แต่เนื่องจากการกระทำความผิดเกิดก่อน พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มีผลบังคับใช้ คณะกรรมการคดีพิเศษจึงมีมติตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษฯ ให้รับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการ
