xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก” นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.ถกปัญหาโยกย้าย 26 คำสั่งพรุ่งนี้!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
“สมัคร” เตรียมหารือประชุม ก.ตร.วันพรุ่งนี้ ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ 26 คำสั่ง หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งเรื่องกลับมา คาด เปิดตำแหน่งประจำให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งเลื่อนขึ้นทั้งหมด 364 ตำแหน่ง ส่วนที่เหลือก็ให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม

วันนี้ (8 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือตอบกลับมาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องหารือปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย 26 คำสั่งอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้เป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0901/0812 ลงวันที่ 7 ก.ค.ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยเนื้อหาก็เป็นไปตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จ

พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า แนวทางการแก้ปัญหาก็ยึดตามแนวทางที่ทางกฤษฎีกาชี้มา ซึ่งคงเป็นแนวทางที่ทางอนุ ก.ตร.เกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบได้เสนอไปก่อนหน้านื้ คือ เปิดตำแหน่งประจำให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งเลื่อนขึ้นทั้งหมด 364 ตำแหน่ง ส่วนที่เหลือก็ให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับมติ ก.ตร.ว่า จะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไรให้แล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้

สำหรับบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องการแก้ปัญหาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้ ก.ตร.และ ก.ตร.ได้มีมติให้อนุกรรมการ ก.ตร.เกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบพิจารณาแล้วสนอ ก.ตร.พิจารณา ซึ่งอนุ ก.ตร.ว่าด้วยกฎหมายและระเบียบ พิจารณาแล้วมีมติ

1.ตำแหน่งที่กำหนดขึ้นเป็นฝ่ายปฏิบัติในกองบังคับการ เป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถแต่งตั้งได้ตามกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มีการแกไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการกำหนดตำแหน่งให้เป็นที่เรียบร้อยถูกต้องครบถ้วนเสียก่อน ประกอบกับตำแหน่งนั้นต้องใช้อำนาจตามกฎหมาย โดยเฉพาะในฝ่ายปฏิบัติการที่จะต้องอาศัยอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ และอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ดังนั้นการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ไปดำรวตำแหน่งดังกล่าว จึงเป็นำคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลบังคับใช้

2.สำหรับแนวทางแก้ปัญหา อนุ ก.ตร.มีความเห็นดังนี้ 1.การกำหนดตำแหน่ง เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง ก.ตร.จึงสามารถกำหนดตำแหน่งเพิ่มเติม จากตำแหน่งในแต่ละหน่วยงาน หรือส่วนราชการทีกำหนดไว้เดิม ในลักษณะเป็นกลุ่มตำแหน่งประจำ หน่วยงานหรือส่วนราชการได้ ตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ส่วนการกำหนดตำแหน่งให้มีผลย้อนหลังนั้นสามารถทำได้ เนื่องจากเป็นการดำเนินการเพื่อให้งานของราชการตำรวจสามารถดำเนินการต่อไปได้ และเป็นการเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้ง ก.พ.ก็เคยมีมติอนุมัติ กำหนดตำแหน่งในลักษณะนี้มาก่อนเช่นกัน 2. การแต่งตั้ง ก.ตร.สามารถอนุมัติให้ ผบ.ตร.มีอำนาจพิจารณา การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกองบังคับการต่างๆ ได้ เป็นกรณีพิเศษตามนัยมาตรา 56 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เห็นควรให้ความเห็นชอบ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ ครม. ขออนุมัติยกเว้นให้การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มีผลย้อนหลังไปในวันที่ 1 ก.พ. 2551 เพื่อให้งานของตำรวจที่ดำเนินการไปในระหว่างนั้นไม่ให้เกิดความเสียหาย และสามารถดำเนินการต่อไปได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาใน 5 ข้อ คือ

1.การแก้ปัญหาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามมติของอนุกรรมการ ก.ตร.เกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบ จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หากไม่สามารถดำเนินการได้จะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ

2.งบประมาณที่ได้จ่ายให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าว เช่น ค่าเดินทาง เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง จะถือว่าเป็นเงินที่ได้จ่ายให้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีแนวทางแก้ไขอย่างไร

3.หากไม่สามารถกำหนดตำแหน่งให้มีผลย้อนหลังไป ณ วันที่ 1 ก.พ.2551 ได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะวิเคราะห์กำหนดตำแหน่งขึ้นใหม่เพื่อรองรับข้าราชการตำรวจที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้หรือไม่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีแนวทางในการออกคำสั่งแต่งตั้งอย่างไร เพื่อให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

4.หากแนวทางแก้ปัญหาตามที่หารือมาไม่สามารถดำเนินการได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติสมควรแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร

5.สิทธิประโยชน์เดิมที่ข้าราชการตำรวจได้รับไว้แล้ว เช่น การเลื่อนยศ การนับระยะเวลาการครองยศและตำแหน่งการเลื่อนเงินเดือน จะมีผลกระทบอย่างไร และหากมีปัญหาจะดำเนินการแก้อย่างไร

คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 1 โดย นางพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีหนังสือตอบกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในข้อพิจารณาหารือว่า ตามาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ได้บัญญัติให้ ก.ตร.มีอำนาจกำหนดจำนวน ข้าราชการตำรวจในส่วนราชการต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้คำนึงถึงลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบปริมาณและคุณภาพของงาน รวมทั้งความมีประสิทธิภาพ และการประหยัด ดังนั้น หากก.ตร.เห็นว่า การกำหนดตำแหน่งเพิ่มเติม จากตำแหน่งในแต่ละหน่วยงาน หรือส่วนราชการที่ได้กำหนดไว้เดิม ในลักษณะเป็นกลุ่มตำแหน่งประจำ หน่วยงานหรือส่วนราชการ ก.ตร.ก็สามารถกำหนดตำแหน่งเพิ่มเติมในหน่วยงานหรือส่วนราชการได้ แต่อย่างไรก็ดี โดยที่การแบ่งส่วนราชการตามที่ปรากฏในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการ หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2548 ที่ได้ออกโดยอาศัยตามความในมาตรา 10 วรรค 2 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้ ได้มีการกำหนดรายละเอียด ของส่วนราชการภายในกองบังคับการ รวมทั้งได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายในกองบังคับการนั้นไว้ด้วย ดังนั้น การที่ ก.ตร. จะดำเนินการกำหนดให้มีกลุ่มตำแหน่งประจำหน่วยงาน หรือส่วนราชการเพิ่มเติม จากหน่วยงานหรือส่วนราชการเดิม จึงมีเป็นการแบ่งส่วนราชการภายในขึ้นใหม่ ซึ่งต้องมีการดำเนินการแก้ไข เพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ เป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2548 เพื่อกำหนดให้มีกลุ่มตำแหน่งประจำหน่วยงานหรือส่วนราชการเสียก่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงจะมีส่วนราชการที่จะสามารถแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ในกลุ่มตำแหน่งประจำหน่วยงานหรือส่วนราชการได้ และในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้น เมื่อในกรณีนี้ ก.ตร.ได้มีมติอนุมัติ ให้กำหนดตำแหน่ง ของข้าราชการตำรวจไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้การแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ จึงต้องกำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง ไปก่อนวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้มีคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่เป็นปัญหาดังกล่าว

ส่วนการที่ ก.ตร.จะอนุมัติให้ ผบ.ตร.มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่เป็นปัญหา เพื่อไปดำรงตำแหน่ง ในกลุ่มตำแหน่งประจำหน่วยงานหรือส่วนราชการ โดยถือว่าเป็นเหตุพิเศษตามนัยมาตรา56 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นั้นเห็นว่า ในกรณีนี้หาก ก.ตร.เห็นว่า การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแต่งตั้ง ข้าราชการตำรวจที่เกิดขึ้น ในกองบังคับการต่างๆ เป็นเหตุพิเศษสมควรที่จะกำหนด ให้ ผบ.ตร. มีอำนาจในการแต่งตั้งตามมาตรา 44(5) ลงมาย่อมอยู่ในอำนาจของ ก.ตร.ที่จะอนุมัติ และให้มีผลย้อนหลังไปในวันที่ 1 ก.พ.2551 ย่อมสามารถทำได้ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นว่ามีความจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางราชการ และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติให้เป็นกรณีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สามารถดำเนินการขออนุมัติต่อ ครม.ต่อไปได้

สำหรับปัญหาที่เกี่ยวกับงบประมาณที่ได้จ่ายให้แก่ข้าราชการตำรวจ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่ข้าราชการตำรวจดังกล่าว ได้รับไว้แล้วนั้นหากได้แก้ไขปัญหาโดยมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจโดยมีผลย้อนหลังแล้ว ปัญหาที่เกี่ยวกับงบประมาณ และสิทธิประโยชน์ต่างๆย่อมหมดไป

สำหรับการประชุม ก.ตร.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานการประชุม ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวาระสำคัญพิจารณาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ 26 คำสั่งหลังคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบข้อหารือมา
กำลังโหลดความคิดเห็น