เสียงลือเล่าถึงความเฮี้ยนของผีห้องขังกองปราบปรามเป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างมากในหมู่ผู้ต้องขังและตำรวจกองปราบ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ต้องหาที่ถูกขังในลูกกรงเหล็กหลายรายต่างขนหัวลุกเป็นทิวแถว บางคนเห็นวิญญาณโผล่มาเยี่ยมโดยไม่ได้รับเชิญตอนดึกๆ ดื่นๆ บางรายก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดอยู่บ่อยๆ ในยามวิกาล
อย่างเช่นกรณีของ นายพิพัฒน์ แนบเนียน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงบัตรเครดิต อยู่ดีๆ ก็ เกิดอาการชักดิ้น ชักงอ ร้องครวญครางโหยหวน นัยย์ตาขวาง ตัวสั่นเทิ้ม พร้อมกับพ่นประโยคแปร่งปร่าว่า “กูอยากกลับบ้าน อยากออกไป แต่กูออกไปไม่ได้ เพราะโดนอาญาแผ่นดินอยู่” เพื่อนผู้ต้องขัง 4-5 ราย จึงช่วยกันปฐมพยาบาลและเรียกสิบเวรห้องขังมาช่วยอีกแรง คืนนั้นทั้งคืนไม่มีใครนอนหลับลงแม้แต่รายเดียว
ร้อนถึง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้การกองปราบ ต้องนิมนต์ พระครูโชติธรรมสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม ย่านบางพลัด มาปัดรังควาน และอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าของวิญญานเร่ร่อน
คาดว่า น่าจะเป็นวิญญานของ นายฉลาด เสนารัตน์ วัย 40 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องหาข่มขืนหลานสาวในไส้ วัย 11 ขวบ จนตั้งท้องและคลอดลูก ก่อนตัดสินใจลาโลกในดึกสงัดคืนวันที่ 12 กรกฎาคม 2550 โดยใช้เสื้อผูกคอตายกับลูกกรงหน้าต่างห้องขัง นอกจากนี้ เขายังใช้ตะปูเขียนข้อความลาตายไว้ที่พื้นห้องขังว่า “วาวลูกรักพ่อลาก่อน คดีความจะจบลงแค่นี้ พ่อขอโทษ” และฝากฝังภรรยา ให้ดูแลลูกและหลานด้วย
ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่กองปราบปรามย้ายมาจากกองปราบสามยอด ย่านวรจักร มาอยู่ที่ถนนพหลโยธิน เหตุการณ์ผู้ต้องหาพยายามผูกคอตายหนีคดี รายแรกเป็นเด็กหนุ่มรายหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา เขาถูกพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน จนต้องพาแฟนสาวแหกม่านประเพณีหนีตามไปร่วมชีวิตคู่ด้วยกัน แต่ฝ่ายพ่อแม่สาวเจ้าไม่ยอมรับโร่แจ้งความดำเนินคดี จึงคิดสั้นลาตายโชคดี ด.ต.สัมพันธ์ ปานอร่าม และคู่หู ด.ต.พิชรัตน์ บุญมา เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังกองปราบปราม ช่วยไว้ได้ทัน
ส่วนครั้งที่สองเป็นกรณีของ นายฉลาด ซึ่งก็ผูกคอตายสำเร็จเป็นรายแรกและรายเดียว ส่วนรายล่าสุด นายศักดิ์ชัย อุตตะละ วัย 50 ปี อาจารย์ประจำชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้ต้องหากระทำชำเราลูกศิษย์วัย 13 ปี ของตัวเอง ได้ใช้กางเกงขายาวผูกคอของตนเองเข้ากับลูกกรงเหล็กแต่ ด.ต.สัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังช่วยเอาไว้ได้ทันก่อนจะถึงเงื้อมมือมัจจุราช
อย่างไรก็ตาม หากย้อนหลังไปเมื่อสมัยที่กองปราบปรามสามยอด ย่านวรจักร พบว่า มีผู้ต้องหาพยายามฆ่าตัวตายหลายราย และที่สำเร็จก็มี 3 คนคือ “ไอ้เสือยิ้มง่าย” ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น หลังหลบหนีคดีมาหลายปีกระทั่งถูกตำรวจกองปราบจับกุมตัวได้ย่านห้วยขวางเจ้าตัวคิดสั้นผูกคอตาย รายที่สองเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลบหนีคดีการเมืองจากบ้านเกิด กระทั่งถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ซึ่งเจ้าตัวกลัวว่า หากถูกส่งตัวกลับเมืองจีนจะไม่ปลอดภัยในชีวิต จึงชิงผูกคอตาย ส่วนอีกรายคือ “ส้มผล พระเอกลิเก” โจรใจบาปที่ฉากหน้าตั้งคณะลิเกรับเล่นตามงานวัดต่างๆ เพื่อดูลาดเลา จากนั้นจะย้อนกลับมาขโมยพระพุทธล้ำค่า และหายาก สุดท้ายเจ้าตัวบ่นกับเพื่อนร่วมห้องขังว่าตัวเองบาปมหันต์ ก่อนใช้เสื้อตัดสินใจผูกคอตายอนาถ
“ที่เขาคิดสั้นน่าจะมาจากความเครียดมากกว่า อย่างเช่น ลุงข่มขืนหลาน หรืออาจารย์ข่มขืนลูกศิษย์ คนที่ถูกกระทำเป็นคนใกล้ตัว ผู้ต้องหาไม่สามารถตอบคำถามและสู้หน้ากับสังคมได้ เขาอับอายจึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย” ด.ต.พิชรัตน์ บุญมา เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังกองปราบปราม ที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องขังมา 30 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่กองปราบสามยอดเก่าให้ความกระจ่าง
“ที่กองปราบสามยอด ผมเจอกรณีชาวจีนที่หนีคดีการเมืองผูกคอตาย ส่วนที่ กองปราบปรามปัจจุบัน ก็มีสามราย ซึ่งเสียชีวิตไป 1 ราย คือ นายฉลาด บริเวณหน้าห้องขัง มีผมกับ ด.ต.สัมพันธ์ ปานอร่าม ทำหน้าที่คู่กันมานาน โดยผลัดกันคนละกะ และเนื่องจากกล้องวงจรปิดอยู่ระหว่างการซ่อมแซม ผมจึงเดินเท้าเข้าไปตรวจตราความเป็นระเบียบเรียบร้อยในห้องขัง ซึ่งมีทั้งหมด 4 ห้อง แยกเป็นคดีสำคัญและชายกับหญิง เป็นระยะๆ” ด.ต.พิชรัตน์ กล่าว
ด้าน ด.ต.สัมพันธ์ กล่าวถึงขั้นตอนการฝากขัง ว่า เมื่อชุดจับกุมส่งตัวผู้ต้องหามาฝากขัง เราจะพิจารณาข้อหาเขาก่อนถ้าเป็นคดีอะไร ถ้าลักวิ่งชิงปล้น หรือฆ่าผู้อื่นจะไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่เพราะพวกนี้เป็นคนใจแข็ง ใจเหี้ยม แต่ถ้าคดีเกี่ยวกับเพศ โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิดจะดูแลเป็นพิเศษ ต้องสังเกตลักษณะท่าทาง คนพวกนี้จะเครียดและคิดมาก กลัวอับอายเพื่อนฝูงและญาติพี่น้อง และคนพวกนี้มีโอกาสคิดสั้นมากที่สุด ช่วงชีวิตที่ทำงานสิบเวรห้องขังเจอคนผูกคอตาย 3 ครั้ง ช่วยได้ 2 ราย ส่วนรายของลุงที่ข่มขืนหลานไม่สามารถช่วยได้ทัน
“โอ๊ย ผมไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้อะไรหรอกเข้าเวรกลางดึกมากว่า 30 ปี ไม่เคยเจอวิญญานหรือเสียงแปลกๆเหมือนที่เล่าลือกันเลย ผีไม่มีในโลกหรอกน้อง อย่าไปงมงายกับมันมาก” ด.ต.พิชรัตน์ นายดาบวัยใกล้เกษียณ พูดพรางกลั้วหัวเราะเมื่อเจอคำถามเรื่องวิญญานเฮี้ยนในห้องขังกองปราบปราม
“ผีเผอไม่มีหรอกคิดกันไปเอง ผมอยู่ที่นี่มานานไม่เคยเจอผีเลยสักครั้ง ส่วนกรณีที่ นายพิพัฒน์ ถูกผีเข้านั้นน่าจะมาจากเพื่อนผู้ต้องขังเล่าเรื่องคนผูกคอตายให้ฟัง เขาเลยคิดมากประกอบกับเครียดเรื่องที่ถูกจับกุมอยู่แล้ว จึงแสดงอาการทุรนทุรายคล้ายคนถูกผีเข้า” ด.ต.สัมพันธ์ ย้ำคำพูดของคู่หูให้หนักแน่นขึ้นไปอีก
อาจารย์หื่นรอดโคม่า ลุ้นขนหัวลุกต่อห้องขัง ป.
ห้องขัง ป.เฮี้ยนไม่เลิก! อาจารย์ขืนใจศิษย์ผูกคอฆ่าตัวเป็นรายที่ 3!
อย่างเช่นกรณีของ นายพิพัฒน์ แนบเนียน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงบัตรเครดิต อยู่ดีๆ ก็ เกิดอาการชักดิ้น ชักงอ ร้องครวญครางโหยหวน นัยย์ตาขวาง ตัวสั่นเทิ้ม พร้อมกับพ่นประโยคแปร่งปร่าว่า “กูอยากกลับบ้าน อยากออกไป แต่กูออกไปไม่ได้ เพราะโดนอาญาแผ่นดินอยู่” เพื่อนผู้ต้องขัง 4-5 ราย จึงช่วยกันปฐมพยาบาลและเรียกสิบเวรห้องขังมาช่วยอีกแรง คืนนั้นทั้งคืนไม่มีใครนอนหลับลงแม้แต่รายเดียว
ร้อนถึง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้การกองปราบ ต้องนิมนต์ พระครูโชติธรรมสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม ย่านบางพลัด มาปัดรังควาน และอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าของวิญญานเร่ร่อน
คาดว่า น่าจะเป็นวิญญานของ นายฉลาด เสนารัตน์ วัย 40 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องหาข่มขืนหลานสาวในไส้ วัย 11 ขวบ จนตั้งท้องและคลอดลูก ก่อนตัดสินใจลาโลกในดึกสงัดคืนวันที่ 12 กรกฎาคม 2550 โดยใช้เสื้อผูกคอตายกับลูกกรงหน้าต่างห้องขัง นอกจากนี้ เขายังใช้ตะปูเขียนข้อความลาตายไว้ที่พื้นห้องขังว่า “วาวลูกรักพ่อลาก่อน คดีความจะจบลงแค่นี้ พ่อขอโทษ” และฝากฝังภรรยา ให้ดูแลลูกและหลานด้วย
ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่กองปราบปรามย้ายมาจากกองปราบสามยอด ย่านวรจักร มาอยู่ที่ถนนพหลโยธิน เหตุการณ์ผู้ต้องหาพยายามผูกคอตายหนีคดี รายแรกเป็นเด็กหนุ่มรายหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา เขาถูกพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน จนต้องพาแฟนสาวแหกม่านประเพณีหนีตามไปร่วมชีวิตคู่ด้วยกัน แต่ฝ่ายพ่อแม่สาวเจ้าไม่ยอมรับโร่แจ้งความดำเนินคดี จึงคิดสั้นลาตายโชคดี ด.ต.สัมพันธ์ ปานอร่าม และคู่หู ด.ต.พิชรัตน์ บุญมา เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังกองปราบปราม ช่วยไว้ได้ทัน
ส่วนครั้งที่สองเป็นกรณีของ นายฉลาด ซึ่งก็ผูกคอตายสำเร็จเป็นรายแรกและรายเดียว ส่วนรายล่าสุด นายศักดิ์ชัย อุตตะละ วัย 50 ปี อาจารย์ประจำชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้ต้องหากระทำชำเราลูกศิษย์วัย 13 ปี ของตัวเอง ได้ใช้กางเกงขายาวผูกคอของตนเองเข้ากับลูกกรงเหล็กแต่ ด.ต.สัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังช่วยเอาไว้ได้ทันก่อนจะถึงเงื้อมมือมัจจุราช
อย่างไรก็ตาม หากย้อนหลังไปเมื่อสมัยที่กองปราบปรามสามยอด ย่านวรจักร พบว่า มีผู้ต้องหาพยายามฆ่าตัวตายหลายราย และที่สำเร็จก็มี 3 คนคือ “ไอ้เสือยิ้มง่าย” ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น หลังหลบหนีคดีมาหลายปีกระทั่งถูกตำรวจกองปราบจับกุมตัวได้ย่านห้วยขวางเจ้าตัวคิดสั้นผูกคอตาย รายที่สองเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลบหนีคดีการเมืองจากบ้านเกิด กระทั่งถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ซึ่งเจ้าตัวกลัวว่า หากถูกส่งตัวกลับเมืองจีนจะไม่ปลอดภัยในชีวิต จึงชิงผูกคอตาย ส่วนอีกรายคือ “ส้มผล พระเอกลิเก” โจรใจบาปที่ฉากหน้าตั้งคณะลิเกรับเล่นตามงานวัดต่างๆ เพื่อดูลาดเลา จากนั้นจะย้อนกลับมาขโมยพระพุทธล้ำค่า และหายาก สุดท้ายเจ้าตัวบ่นกับเพื่อนร่วมห้องขังว่าตัวเองบาปมหันต์ ก่อนใช้เสื้อตัดสินใจผูกคอตายอนาถ
“ที่เขาคิดสั้นน่าจะมาจากความเครียดมากกว่า อย่างเช่น ลุงข่มขืนหลาน หรืออาจารย์ข่มขืนลูกศิษย์ คนที่ถูกกระทำเป็นคนใกล้ตัว ผู้ต้องหาไม่สามารถตอบคำถามและสู้หน้ากับสังคมได้ เขาอับอายจึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย” ด.ต.พิชรัตน์ บุญมา เจ้าหน้าที่สิบเวรห้องขังกองปราบปราม ที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องขังมา 30 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่กองปราบสามยอดเก่าให้ความกระจ่าง
“ที่กองปราบสามยอด ผมเจอกรณีชาวจีนที่หนีคดีการเมืองผูกคอตาย ส่วนที่ กองปราบปรามปัจจุบัน ก็มีสามราย ซึ่งเสียชีวิตไป 1 ราย คือ นายฉลาด บริเวณหน้าห้องขัง มีผมกับ ด.ต.สัมพันธ์ ปานอร่าม ทำหน้าที่คู่กันมานาน โดยผลัดกันคนละกะ และเนื่องจากกล้องวงจรปิดอยู่ระหว่างการซ่อมแซม ผมจึงเดินเท้าเข้าไปตรวจตราความเป็นระเบียบเรียบร้อยในห้องขัง ซึ่งมีทั้งหมด 4 ห้อง แยกเป็นคดีสำคัญและชายกับหญิง เป็นระยะๆ” ด.ต.พิชรัตน์ กล่าว
ด้าน ด.ต.สัมพันธ์ กล่าวถึงขั้นตอนการฝากขัง ว่า เมื่อชุดจับกุมส่งตัวผู้ต้องหามาฝากขัง เราจะพิจารณาข้อหาเขาก่อนถ้าเป็นคดีอะไร ถ้าลักวิ่งชิงปล้น หรือฆ่าผู้อื่นจะไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่เพราะพวกนี้เป็นคนใจแข็ง ใจเหี้ยม แต่ถ้าคดีเกี่ยวกับเพศ โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิดจะดูแลเป็นพิเศษ ต้องสังเกตลักษณะท่าทาง คนพวกนี้จะเครียดและคิดมาก กลัวอับอายเพื่อนฝูงและญาติพี่น้อง และคนพวกนี้มีโอกาสคิดสั้นมากที่สุด ช่วงชีวิตที่ทำงานสิบเวรห้องขังเจอคนผูกคอตาย 3 ครั้ง ช่วยได้ 2 ราย ส่วนรายของลุงที่ข่มขืนหลานไม่สามารถช่วยได้ทัน
“โอ๊ย ผมไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้อะไรหรอกเข้าเวรกลางดึกมากว่า 30 ปี ไม่เคยเจอวิญญานหรือเสียงแปลกๆเหมือนที่เล่าลือกันเลย ผีไม่มีในโลกหรอกน้อง อย่าไปงมงายกับมันมาก” ด.ต.พิชรัตน์ นายดาบวัยใกล้เกษียณ พูดพรางกลั้วหัวเราะเมื่อเจอคำถามเรื่องวิญญานเฮี้ยนในห้องขังกองปราบปราม
“ผีเผอไม่มีหรอกคิดกันไปเอง ผมอยู่ที่นี่มานานไม่เคยเจอผีเลยสักครั้ง ส่วนกรณีที่ นายพิพัฒน์ ถูกผีเข้านั้นน่าจะมาจากเพื่อนผู้ต้องขังเล่าเรื่องคนผูกคอตายให้ฟัง เขาเลยคิดมากประกอบกับเครียดเรื่องที่ถูกจับกุมอยู่แล้ว จึงแสดงอาการทุรนทุรายคล้ายคนถูกผีเข้า” ด.ต.สัมพันธ์ ย้ำคำพูดของคู่หูให้หนักแน่นขึ้นไปอีก
อาจารย์หื่นรอดโคม่า ลุ้นขนหัวลุกต่อห้องขัง ป.
ห้องขัง ป.เฮี้ยนไม่เลิก! อาจารย์ขืนใจศิษย์ผูกคอฆ่าตัวเป็นรายที่ 3!