xs
xsm
sm
md
lg

เพิ่มข้อหา “ฟอกเงิน” หนุ่ม ธอส.โกง 400 ล้าน-จับอดีตเมียด้วย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พนักงานสอบสวนกองปราบปราม แจ้งข้อหา “ฟอกเงิน” หนุ่มแบงก์ ธอส.ที่โกงเงินไป 400 ล้านบาท เพิ่มเติมอีกข้อหา พร้อมส่งตัวให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดี เนื่องจากถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในขณะที่ตำรวจเข้าจับกุมอดีตภรรยาของหนุ่ม ธอส.ดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน

วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น.พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ต.อดิเรก จินตรานันท์ สว.กก.1 บก.ป.ได้เข้าอายัดตัว นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 33 ปี อดีตพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นหลุยส์ 3 ผู้ต้องหายักยอกเงินธนาคารจำนวน 400 กว่าล้านบาท จากเรือนจำคลองเปรม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1450/2552 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน

นอกจากนี้ พ.ต.ต.ธีรพัฒน์ ธารีไทย พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน สว.กก.1 บก.ป.พร้อมกำลังเข้าจับกุม นางพุทธชาติ วงศ์จันทะ อายุ 26 ปี อดีตภรรยา นายสมเกียรติ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1451/2552 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ในข้อหาเดียวกัน จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 5 ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จ.หนองคาย ก่อนควบคุมตัวทั้งสองมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ป.

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังจากผู้แทน ธอส.ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ ฐานยักยอกทรัพย์ไปแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ธอส.ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ เพิ่มเติมในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ เนื่องจาก ธอส.เป็นธนาคารของรัฐ นายสมเกียรติ ซึ่งเป็นลูกจ้าง ธอส.จึงถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโดยกรณีนี้จะต้องส่งสำนวนคดีให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาภายใน 30 วัน และเมื่อส่งสำนวนคดีให้กับ ปปช.ทางตำรวจก็จะไม่มีอำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องหา

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายร่วมกับเจ้าหน้าที่ ธอส.แล้วพบว่าการกระทำความผิดของ นายสมเกียรติ ยังเข้าข่ายมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน อีกด้วย ตนจึงสั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.ป.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับ นายสมเกียรติ กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน โดยเบื้องต้นพบหลักฐานที่ชัดเจนว่า นางพุทธชาติ อดีตภรรยาของนายสมเกียรติ ร่วมกระทำความผิดด้วยจึงพิจารณาขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับนางพุทธชาติ ในข้อหาเดียวกัน

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสมเกียรติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ธอส.พบว่า มีการยักยอกเงินไปทั้งสิน 499 ล้านบาทนั้น สามารถติดตามเงินสดและทรัพย์สินได้แล้วประมาณ 200 ล้านบาท แต่ยังมีทรัพย์สินอีกจำนวนเกือบ 300 ล้านบาท ที่ยังไม่ทราบเส้นทางการยักย้ายถ่ายโอน อย่างไรก็ดี จากการสืบสวนทางลึกชุดสืบสวนพบว่านายสมเกียรติ ได้โอนเงินรวมทั้งนำทรัพย์สินต่างๆ ไปฝากไว้กับบุคคลใกล้ชิดอีกหลายรายจึงเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้ต่อไป

“การดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงินกับ นายสมเกียรติ นั้น ผมจะได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาโดยทาง ปปง.จะได้ตรวจสอบและดำเนินการทางแพ่งกับผู้ต้องหา และติดตามอายัดทรัพย์สินที่ถูกแปรสภาพจากเงินที่ยักยอกมา และหากพบว่านายสมเกียรติ ยังโอนเงินไปให้กับบุคคลใดอีกก็จะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้รับโอนเงินทั้งหมดในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน” พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายสมเกียรติ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน โดยอ้างว่ายังไม่ทราบรายละเอียดจากพนักงานสอบสวน

ขณะที่ นางพุทธชาติ กล่าวว่า คบหากับนายสมเกียรติ เมื่อ 2 ปีที่แล้วก่อนจะเลิกรากันไป ที่ผ่านมา ตนก็ไม่ทราบว่าเขามีเมียหลายคน ส่วนเรื่องเงินและทรัพย์สินต่างๆ แม้จะเคยสอบถามแต่ นายสมเกียรติ ก็ไม่ยอมบอกว่าได้มาจากไหน ต่อมาเมื่อตนตั้งท้องและคลอดลูก นายสมเกียรติได้ให้เงินมา 4 ล้านบาท ให้พาลูกไปเลี้ยงที่บ้านใน จ.หนองคาย แต่ตนได้นำเงินไปเล่นการพนันกับเพื่อนแถวบ้านจนหมด

อย่างไรก็ดี ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากการตรวจสอบของชุดสืบสวน บก.ป.พบว่า ทรัพย์สินของนางพุทธชาติ มีทั้งคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษก มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี และรถปิกอัพป้ายแดง มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท นำเงินไปซื้อสลาก ธอส.มูลค่า 2 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ จ.หนองคาย มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าทรัพย์สินทั้งหมดมาจากเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดของนายสมเกียรติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนผู้ต้องหาทั้งอยู่นั้น ปรากฏว่า มี นายสุรชัย หรือ คณิตศร วิวัฒนชาต หรือ “เอ็ม แรมบ้า” อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด โดยเกรงว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เข้าพบพนักงานสอบสวนและขอคัดสำนวนการสอบสวน โดย เอ็ม แรมบ้า อ้างว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ต้องหาให้เป็นทนายความดูแลคดีดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูใบแต่งตั้งทนาย ปรากฏว่า เอ็ม แรมบ้า ไม่มีแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวออกไป
นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 33 ปี อดีตพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นหลุยส์ 3 ในวันที่ถูกจับกุม



กำลังโหลดความคิดเห็น