นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ยักยอกทรัพย์ธนาคารกว่า 400 ล้านบาทของ นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช พนักงานธุรกิจสาขาอาวุโส ธอส. ประจำสาขาเซนหลุยส์ 3 ธอส.จึงมีการเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง เกี่ยวกับการหามาตรการป้องกันการลักลอบโยกย้ายทรัพย์สินของธนาคาร พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการมาติดตามทรัพย์สินทั้งหมดที่เหลืออยู่ของผู้ต้องหาว่า มีจำนวนเท่าใด แล้วตีราคาทรัพย์สินนำไปจำหน่ายในตลาดเพื่อนำเงินมาคืนบัญชีของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ บ้าน ที่ดิน และสิ่งของภายในบ้านทั้งหมด คาดว่า จะได้เป็นเงินคืนประมาณ 200 ล้านบาท และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวว่ามีบุคคลอื่นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ รวมทั้งการออกมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลธนาคารของพนักงานป้องกันการยักยอกทรัพย์ โดยจะมีการรายงานผลสรุปตัวเลขความเสียหายทั้งหมด และมาตรการป้องกันการยักยอกเงินของธนาคารให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับทราบ และพิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่เป็นลูกค้าของ ธอส. มั่นใจได้ว่า เงินที่ถูกยักยอกไปนั้นเป็นเงินในส่วนของธนาคารไม่เกี่ยวของกับบัญชีธนาคารลูกค้า
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ ผู้ต้องหานั้น นายขรรค์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ยังมีการกระทำความผิดเพียงคนเดียว และขณะนี้ได้นำตัวไปฝากขังแล้ว และไม่ให้ประกันตัวออกมา ป้องกันการกลับไปโยกย้ายทรัพย์หรือทำธุรกรรมทางการเงิน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่เป็นลูกค้าของ ธอส. มั่นใจได้ว่า เงินที่ถูกยักยอกไปนั้นเป็นเงินในส่วนของธนาคารไม่เกี่ยวของกับบัญชีธนาคารลูกค้า
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ ผู้ต้องหานั้น นายขรรค์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ยังมีการกระทำความผิดเพียงคนเดียว และขณะนี้ได้นำตัวไปฝากขังแล้ว และไม่ให้ประกันตัวออกมา ป้องกันการกลับไปโยกย้ายทรัพย์หรือทำธุรกรรมทางการเงิน
