ศาลฎีกาเลือกตั้ง ยกคำร้อง 2 สำนวน หลัง กกต.ให้ “ใบเหลือง-แดง” 3 ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขต 1 อุบลราชธานี “ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ-ศุภชัย ศรีหล้า-วุฒิพงษ์ นามบุตร” และอุบลราชธานี เขต 1 เนื่องจากพยาน กกต.มีข้อพิรุธและไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง เวลา 10.00 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลมีคำสั่งจัดการเลือกตั้งใหม่ แทน น.ส.ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ ส.ส.เขต 1 จ.ยโสธร พรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต.ให้ใบเหลือง เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 กรณีให้ทรัพย์สิน (เงิน) โดยให้ตัวแทน หรือหัวคะแนน แจกเงินเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน
โดยศาลไต่สวนพยานหลักฐาน กกต.ผู้ร้อง และ น.ส.ณิรัฐกานต์ ผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่าพยาน กกต.ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ให้การขัดแย้งกันเองในรายละเอียดจึงไม่น่าเชื่อถือ คำร้อง กกต. ไม่มีมูล จึงให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งยกคำร้องที่ กกต.ขอให้เลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของ นายศุภชัย ศรีหล้า, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ น้องชายนายวิทฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์
โดยคดีนี้ กกต.ระบุว่า นายศุภชัย, นายวุฒิพงษ์ และนายวิทวัส ผู้คัดค้านทั้งสาม ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 และ กกต.ประกาศผลให้นายศุภชัย และวุฒิพงษ์ ได้รับเลือกเป็น ส.ส. ส่วนวิทวัสไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมา กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับคำร้องคัดค้านจากนายมานะ ธนสารกุล ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนายสมบัติ รัตโน ผู้สมัคร ส.ส. อุบลราชธานี เขตเดียวกัน กล่าวหาว่าการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่ง กกต.ดำเนินการสอบสวนแล้วพบว่า เมื่อต้นเดือน ธ.ค.50 น.ส.สุกัลญารัตน์ วรรณคำ ได้ให้บัตรชมภาพยนตร์ 1 ใบให้กับ น.ส.นิภาพร ชาเครือ บอกว่าเป็นของนายวิฑูรย์ นามบุตร ผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนที่ 4 พรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ยังมีพยานให้การว่า ได้รับบัตรชมภาพยนตร์โรงภาพยนตร์เนวาด้า จำนวนหลายใบ หลายครั้ง เพื่อให้นำไปแจกคนรู้จัก เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้ผู้คัดค้านทั้งสาม และพรรคประชาธิปัตย์ การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ขณะที่ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคัดค้านว่า คำร้องของนายมานะเป็นความเท็จ โดยนายมานะและนายสมบัติสร้างหลักฐานเท็จด้วยการนำพยานบุคคลมาให้การปรักปรำใส่ร้ายผู้คัดค้านทั้งสาม ซึ่งนายมานะเป็นหัวคะแนนของนายสมบัติที่ลงสมัครเลือกตั้งเขตเดียวกันกับผู้คัดค้านทั้งสาม โดยที่ กกต.ผู้ร้องอ้างว่า น.ส.สุกัลญารัตน์ ให้บัตรภาพยนตร์แล้วบอกว่าเป็นของนายวิฑูรย์นั้นไม่เป็นความจริง เพราะนายวิฑูรย์ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ส่วนที่อ้างว่ายังมีแจกบัตรอีกหลายครั้งก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งการแจกบัตรเป็นเรื่องการตลาดของโรงภาพยนตร์
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานผู้ร้อง และผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่าพยานปาก น.ส.สุกัลญารัตน์ ที่ให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนนั้น แตกต่างจากที่ให้การไว้ต่ออนุกรรมการวินิจฉัย และที่เบิกความในชั้นศาลในสาระสำคัญเกี่ยวกับจำนวนบัตรโรงภาพยนตร์ ซึ่งในคำให้การครั้งแรกไม่ได้ระบุชื่อ น.ส.นิภาพร ว่าเป็นผู้ได้รับบัตร แต่เพิ่งมาให้การเพิ่มเติมในภายหลังนานถึง 6 เดือนแล้วซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติจึงเป็นพิรุธ
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของ น.ส.สุกัลญารัตน์ ว่านายมานะเป็นผู้ติดต่อให้ตนกับ น.ส.นิภาพร ไปให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนโดยให้ทนายความมารับเพื่อความสะดวกกับทั้งสองในการให้การ และยังได้ความจากคำให้การของผู้คัดค้านทั้งสามว่า นายมานะ เป็นหัวคะแนนของนายสมบัติ ซึ่งเป็นปฎิปักษ์ในทางการเมือง และนายมานะเป็นผู้ติดต่อนำพยานบุคคลไปให้การก็เพื่อประโยชน์ของนายสมบัติ
เมื่อพิจารณาถึงการได้มาซึ่งพยานดังกล่าว ประกอบข้อพิรุธตามที่วินิจฉัยแล้ว พยานกกต.ยังมีเหตุอันควรสงสัยและไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ดังนั้นศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของผู้ร้องไม่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานี เขต 1 ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านทั้งสาม จะไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และไม่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านทั้งสามกระทำการใดๆ โดยไม่สุจริตเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง ตามคำร้องของ กกต.จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน เวลา 15.00 น. ศาลเตรียมอ่านคำสั่งที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้มีสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง และเลือกตั้งใหม่ ส.ส.สกลนคร เขต 3 ใหม่ แทนนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคพลังประชาชน เนื่องจากถูกร้องคัดค้านว่า ปราศรัยหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จจริง ทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.อุดรธานี เขต 3 แทนนายไชยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี เขต 3 เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ กกต.ให้ใบเหลือง เนื่องจากกรณีให้ทรัพย์สิน (เงิน) โดยให้ตัวแทนหรือหัวคะแนน แจกเงินเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง เวลา 10.00 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลมีคำสั่งจัดการเลือกตั้งใหม่ แทน น.ส.ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ ส.ส.เขต 1 จ.ยโสธร พรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต.ให้ใบเหลือง เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 กรณีให้ทรัพย์สิน (เงิน) โดยให้ตัวแทน หรือหัวคะแนน แจกเงินเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน
โดยศาลไต่สวนพยานหลักฐาน กกต.ผู้ร้อง และ น.ส.ณิรัฐกานต์ ผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่าพยาน กกต.ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ให้การขัดแย้งกันเองในรายละเอียดจึงไม่น่าเชื่อถือ คำร้อง กกต. ไม่มีมูล จึงให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งยกคำร้องที่ กกต.ขอให้เลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของ นายศุภชัย ศรีหล้า, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ น้องชายนายวิทฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์
โดยคดีนี้ กกต.ระบุว่า นายศุภชัย, นายวุฒิพงษ์ และนายวิทวัส ผู้คัดค้านทั้งสาม ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 และ กกต.ประกาศผลให้นายศุภชัย และวุฒิพงษ์ ได้รับเลือกเป็น ส.ส. ส่วนวิทวัสไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมา กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับคำร้องคัดค้านจากนายมานะ ธนสารกุล ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนายสมบัติ รัตโน ผู้สมัคร ส.ส. อุบลราชธานี เขตเดียวกัน กล่าวหาว่าการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่ง กกต.ดำเนินการสอบสวนแล้วพบว่า เมื่อต้นเดือน ธ.ค.50 น.ส.สุกัลญารัตน์ วรรณคำ ได้ให้บัตรชมภาพยนตร์ 1 ใบให้กับ น.ส.นิภาพร ชาเครือ บอกว่าเป็นของนายวิฑูรย์ นามบุตร ผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนที่ 4 พรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ยังมีพยานให้การว่า ได้รับบัตรชมภาพยนตร์โรงภาพยนตร์เนวาด้า จำนวนหลายใบ หลายครั้ง เพื่อให้นำไปแจกคนรู้จัก เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้ผู้คัดค้านทั้งสาม และพรรคประชาธิปัตย์ การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ขณะที่ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคัดค้านว่า คำร้องของนายมานะเป็นความเท็จ โดยนายมานะและนายสมบัติสร้างหลักฐานเท็จด้วยการนำพยานบุคคลมาให้การปรักปรำใส่ร้ายผู้คัดค้านทั้งสาม ซึ่งนายมานะเป็นหัวคะแนนของนายสมบัติที่ลงสมัครเลือกตั้งเขตเดียวกันกับผู้คัดค้านทั้งสาม โดยที่ กกต.ผู้ร้องอ้างว่า น.ส.สุกัลญารัตน์ ให้บัตรภาพยนตร์แล้วบอกว่าเป็นของนายวิฑูรย์นั้นไม่เป็นความจริง เพราะนายวิฑูรย์ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ส่วนที่อ้างว่ายังมีแจกบัตรอีกหลายครั้งก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งการแจกบัตรเป็นเรื่องการตลาดของโรงภาพยนตร์
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานผู้ร้อง และผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่าพยานปาก น.ส.สุกัลญารัตน์ ที่ให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนนั้น แตกต่างจากที่ให้การไว้ต่ออนุกรรมการวินิจฉัย และที่เบิกความในชั้นศาลในสาระสำคัญเกี่ยวกับจำนวนบัตรโรงภาพยนตร์ ซึ่งในคำให้การครั้งแรกไม่ได้ระบุชื่อ น.ส.นิภาพร ว่าเป็นผู้ได้รับบัตร แต่เพิ่งมาให้การเพิ่มเติมในภายหลังนานถึง 6 เดือนแล้วซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติจึงเป็นพิรุธ
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของ น.ส.สุกัลญารัตน์ ว่านายมานะเป็นผู้ติดต่อให้ตนกับ น.ส.นิภาพร ไปให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนโดยให้ทนายความมารับเพื่อความสะดวกกับทั้งสองในการให้การ และยังได้ความจากคำให้การของผู้คัดค้านทั้งสามว่า นายมานะ เป็นหัวคะแนนของนายสมบัติ ซึ่งเป็นปฎิปักษ์ในทางการเมือง และนายมานะเป็นผู้ติดต่อนำพยานบุคคลไปให้การก็เพื่อประโยชน์ของนายสมบัติ
เมื่อพิจารณาถึงการได้มาซึ่งพยานดังกล่าว ประกอบข้อพิรุธตามที่วินิจฉัยแล้ว พยานกกต.ยังมีเหตุอันควรสงสัยและไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ดังนั้นศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของผู้ร้องไม่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานี เขต 1 ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านทั้งสาม จะไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และไม่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านทั้งสามกระทำการใดๆ โดยไม่สุจริตเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง ตามคำร้องของ กกต.จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน เวลา 15.00 น. ศาลเตรียมอ่านคำสั่งที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้มีสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง และเลือกตั้งใหม่ ส.ส.สกลนคร เขต 3 ใหม่ แทนนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคพลังประชาชน เนื่องจากถูกร้องคัดค้านว่า ปราศรัยหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จจริง ทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.อุดรธานี เขต 3 แทนนายไชยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี เขต 3 เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ กกต.ให้ใบเหลือง เนื่องจากกรณีให้ทรัพย์สิน (เงิน) โดยให้ตัวแทนหรือหัวคะแนน แจกเงินเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน
