ศาลไม่ให้ “ทักษิณ” แถลงเปิดคดีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในคดียึดทรัพย์กว่า 7 หมื่นล้านบาท ชี้ ไม่มีเหตุอันควร และให้จัดทำแถลงเปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งต่อศาลภายใน 15 วัน ก่อนนัดพิจารณาครั้งแรกแทน
วันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีพร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ นัดตรวจพยานหลักฐานและฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ 14/2551 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และได้มา เนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกัน ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวม ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 76,621,603,061.05 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ หลังจากที่คู่ความหารือกันแล้ว ฝ่ายอัยการขอนำพยานขึ้นไต่สวนรวม 58 ปาก ซึ่งศาลให้เวลาในการพิจารณา 6 นัด ส่วนฝ่ายผู้คัดค้านและผู้ถูกกล่าวหา ขอนำพยานขึ้นไต่สวน 56 ปาก ศาลให้เวลสาในการพิจารณา 25 นัด โดยกำหนดวันนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการไต่สวนคดีในวันที่ 28 พ.ค.เวลา 09.30 น.และให้นัดวันไต่สวนพยานฝ่ายผู้คัดค้านและผู้ถูกกล่าวหาครั้งแรกในวันที่ 26 ก.ค.เวลา 09.30 น.
นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งถึงกรณีที่ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหา ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหา แถลงเปิดคดีโดยระบบการประชุมทางจอภาพ (VIDEO CONFERENCE) นั้น ศาลเห็นว่า กรณียังไม่มีเหตุอันควร จึงให้ยกคำร้อง โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาจัดทำแถลงเปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อศาลแทนภายใน 15 วัน ก่อนวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก