“กุเทพ” ออกลาย ไม่ยอมรับมติ อนุฯ กกต.ยกคำร้องคดี “วิฑูรย์ นามบุตร” อ้างมีพยานหลักฐานมัดแน่น เหน็บคน ปชป.มั่นใจว่า ตัวเองไม่ผิด เหมือนรู้ข้อมูลภายใน กกต. หลับหูหลับตา ด่ายับ กกต.2 มาตรฐาน ถ้า ปชป.ต้องราบรื่น ถ้า พปช.ต้องตั้งธงว่าผิด
วานนี้ (23 ส.ค.) ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.จะยกสำนวนร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถือเป็นเรื่องน่าแปลกที่มีการสรุปออกมาอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ทางพรรคก็มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่สมาชิกพรรคได้ยื่นร้องต่อ กกต.มีความชัดเจน มีทั้งวิดีโอ และหลักฐานอื่นประกอบ ในท้ายที่สุด อนุกรรมการของ กกต.กลับบอกว่าเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2518 ถือเป็นเรื่องน่าแปลกมาก เพราะหากเป็นข้อมูลเก่า ทำไมสมาชิกพรรคจะต้องมาแจ้งต่อ กกต.เพราะอาจมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จได้ แต่เมื่อตัดสินออกมาอย่างนี้ก็อาจมองได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์คงมีความมั่นใจอย่างมาก จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าที่ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงท่าทีมั่นใจ โดยเฉพาะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ก็ออกมาพูดทำนองเหมือนรู้ข้อมูลภายใน กกต.ล่วงหน้ามาตั้งแต่ต้น
“ถ้าจะพูดว่าเราทำใจ ก็ไม่ผิดนัก แต่ยังรู้สึกแปลกใจกับการตัดสินของ กกต.ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เป็นดับเบิลสแตนดาร์ด เพราะหลักฐานที่สมาชิกพรรคยื่นก็มีความชัดเจนจากที่มีการแจกตั๋วหนังในการหาเสียง ซึ่งมีการถ่ายวิดีโอไว้ แต่ไปๆ มาๆ กกต.กลับบอกว่าเป็นหลักฐานเก่า จึงขอเตือนให้ระวังมาตรฐานการทำงานของ กกต.ที่อาจทำให้ประชาชนจะเกิดความสงสัยว่ามีการดำเนินเหมือนการจ้างพรรคเล็กกล่าวหาพรรคไทยรักไทยจนสุดท้ายพรรคไทยรักไทยก็ถูกยุบซึ่งตรงนี้เหมือนกับว่าถ้าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ทุกอย่างจะราบรื่นไร้ข้อสงสัย แต่ถ้าเป็นพรรคพลังประชาชน จะมีธงว่าผิดหมด” โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าว
อนึ่ง สำหรับคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ที่ จ.อุบลราชธานี กรณีกล่าวหาว่ามีการแจกตั๋วภาพยนตร์เพื่อหาเสียงนั้น กกต.กลางเคยยกคำร้องไปแล้วในช่วงหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นใหม่ๆ เนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจน แต่ พรรคพลังประชาชนได้ยื่นร้องอีกครั้ง กกต.กลางจึงตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากนั้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสินให้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ใบแดงกรณีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย ซึ่งจะนำไปสู่การยุบพรรค ทางพรรคพลังประชาชนจึงนำกรณีที่ จ.อุบลราชธานี มาสร้างกระแสว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะถูกยุบพรรคด้วย เพราะมีการทุจริตและนายวิทูรย์เป็นรองหัวหน้าพรรค โดยนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้พูดผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” หลายครั้ง ขณะที่ลูกพรรคพลังประชาชนได้แถลงข่าวและปล่อยข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า กกต.ตัดสินให้ใบแดง นายวิฑูรย์ นามบุตร แล้ว ทั้งที่การสอบสวนของอนุกรรมการยังไม่เสร็จสิ้น และเพิ่งแล้วเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กรณีข้อกล่าวหาการแจกตั๋วภาพยนตร์นั้น นายวิฑูรย์ ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากทีมงานของผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์เนวาด้า ซึ่งมีโปรโมชันแจกตั๋วภาพยนตร์มาตั้งแต่ปี 2518 อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งก็ได้งดโปรโมชันดังกล่าวแล้ว ภาพในวีซีดีที่มีการแจกตั๋วนั้น จึงไม่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนการปราศรัยในโรงภาพยนตร์ก็เป็นเพียงการแนะนำตัวผู้สมัครเท่านั้น ไมได้มีการแจกคูปองเพื่อนำไปแลกตั๋วชมภาพยนตร์ หรือนำไปขึ้นเงินตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด