วานนี้ (29 ต.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่าที่ประชุมกกต.ได้มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต11 กทม. ให้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนสูงสุด ชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากทางกกต. กทม. ได้ส่งหนังสือมายัง กกต.กลาง โดยยืนยันว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่มีเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้ง กกต. จึงประกาศรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าว
หลังจากนี้หาก กกต.เซ็นเอกสารรับรองสมบูรณ์ เชื่อว่าในวันที่ 30 ต.ค.นี้ นายวัชระ ก็สามารถเดินทางมารับหนังสือรับรองจากกกต. เพื่อไปรายงานตัวที่รัฐสภาได้
**แจงยกคำร้องใบแดงวิฑูรย์
นายสุทธิพล ยังกล่าวชี้แจงถึงกรณีการลงมติคำร้องคัดค้านใน จ.อุบลราชธานี เขต 1 ว่า ในคำร้องดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 คำร้อง คือ คำร้องเรื่องการจัดมหรสพนั้น กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกคำร้อง ส่วนกรณีการแจกบัตรเลือกตั้งนั้น กกต.มีความเห็นเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ให้ใบแดง นายวิทวัส พันนิกุล ผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีส่วนรู้เห็น ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปไม่สุจริตเที่ยงธรรม ส่วนนายศุภชัย ศรีหล้า และนายวุฒิพงศ์ นามบุตร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับผลประโยชน์จากาการกระทำดังกล่าว แต่ไม่มีส่วนรู้เห็น กกต.จึงสั่งให้เลือกตั้งใหม่
ส่วนนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นั้นกกต.มีมติ 4 ต่อ 1 มีส่วนได้รับผลจากการกระทำดังกล่าว แต่ไม่มีข้อมูล พยานหลักฐาน เชื่อมโยงว่านายวิฑูรย์มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว ประกอบกับกฏหมายไม่เอื้ออำนวยให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ในส่วนของ ส.ส.สัดส่วน กกต.จึงต้องยกคำร้องคัดค้านดังกล่าว
นายสุทธิพล กล่าวว่า ตนเชื่อว่าในอนาคตจะมีการแก้ไขกฎหมายให้ดีขึ้น สามารถทำให้ผู้ปฏิบัติ ซึ่งก็คือกกต.ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ การจะแก้อะไรก็ต้องมีการศึกษาก่อน ซึ่งขณะนี้ กกต.ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาถึงปัญหา และการแก้ไขกฎหมายก็จะต้องทำเป็นระบบและได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามารวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขในจุดที่บกพร่อง ซึ่งคงไม่ใช่มาตราเดียว และก็ต้องดูภาพรวมด้วย
เมื่อถามว่า ถ้าส.ส.สัดส่วนโดนใบเหลือง ก็ต้องยกคำร้องตลอดไปใช่หรือไม่ ทำไม กกต.ไม่เลือกส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาแทนการวินิจฉัยเอง นายสุทธิพล กล่าวว่า ตรงนี้คงตอบไม่ได้ เพราะทุกอย่างคงเป็นไปตามระบบ เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งกฎหมายไม่เปิดช่อง เชื่อในอนาคตคงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และมาวิเคราะห์สภาพปัญหาต่างๆ และถึงจะมีการเสนอวิธีการแก้ไขต่อไป ซึงขณะนี้ยังไวเกินไปที่จะสรุป
นายวิทูรย์ ยืนยันว่าไม่มีมติของ กกต.หลุดออกไปก่อนที่จะมีการลงมติ ที่มีข่าวออกไปคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เพราะ กกต.แต่ละท่านมีความคิดเป็นของตนเอง และการลงมติก็ไม่ได้ลงมติก่อนล่วงหน้า ประกอบกับมติของกกต. ก็ไม่สอดคล้องกับ กกต.จังหวัดที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า กกต.จังหวัดให้ใบแดง ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคน รวมถึงอนุคณะกรรมการของ กกต. ก็มีความเห็นให้ยกคำร้อง แต่เมื่อความเห็นของ กกต.ออกมา ก็ไม่ได้สอดคล้องกับมติของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ไม่ตรงกับความเป็นจริง
**ย้ำกกต.ต้องหนักแน่น
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวในการเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเรื่อง"การพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง" แก่ กกต.จังหวัด จำนวน 152 คน ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ว่า หน้าที่ของกกต.ไม่ได้มีแค่เฉพาะการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น แต่จะต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งด้วย ดังนั้น กกต.จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องการเมืองการปกครอง และกฎหมายหลายฉบับ นอกเหนือไปจากกฎหมายเลือกตั้ง รวมทั้งหลักการพิจารณาคดีของกกต. ซึ่งหลักการที่แท้จริงในการพิจารณาสำนวนต่างๆ ของกกต. ต้องอย่าลืมคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามา หากเรื่องร้องเรียนไม่ร้ายแรงจนทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตจนต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ก็น่าจะสามารถยกคำร้องได้
นายสมชัย กล่าวอีกว่า แต่ขณะนี้กกต.ส่วนใหญ่มุ่งคิดว่า ส.ส.ต้องบริสุทธิ์ จะเป็นสีเทาไม่ได้เลย เช่น กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่กกต.มีมติยกคำร้องไปนั้น เรื่องนี้มีการสร้างกระแสไปก่อนที่ กกต.จะมีมติแล้ว และเมื่อกกต.มีมติออกมาไม่ตรงกับความคิดใคร ก็จะบอกว่า กกต.ตั้งธงไว้แล้ว ดังนั้น การวินิจฉัยของกกต.ต้องหนักแน่น จะวินิจฉัยตามกระแสไม่ได้ ทั้งนี้ เห็นว่าความเห็นที่แตกต่างในการพิจารณาของกกต. เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งตนเห็นว่า เมื่อมีความเห็นที่แตกต่างกันแล้วให้กกต. ทำบันทึกส่วนตัวในส่วนที่เห็นต่าง และพิจารณาโดยยึดมติของเสียงส่วนใหญ่ก็จะช่วยลดปัญหาความโต้แย้งกันได้ ซึ่งกกต. กลางก็ใช้วิธีการนี้
หลังจากนี้หาก กกต.เซ็นเอกสารรับรองสมบูรณ์ เชื่อว่าในวันที่ 30 ต.ค.นี้ นายวัชระ ก็สามารถเดินทางมารับหนังสือรับรองจากกกต. เพื่อไปรายงานตัวที่รัฐสภาได้
**แจงยกคำร้องใบแดงวิฑูรย์
นายสุทธิพล ยังกล่าวชี้แจงถึงกรณีการลงมติคำร้องคัดค้านใน จ.อุบลราชธานี เขต 1 ว่า ในคำร้องดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 คำร้อง คือ คำร้องเรื่องการจัดมหรสพนั้น กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกคำร้อง ส่วนกรณีการแจกบัตรเลือกตั้งนั้น กกต.มีความเห็นเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ให้ใบแดง นายวิทวัส พันนิกุล ผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีส่วนรู้เห็น ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปไม่สุจริตเที่ยงธรรม ส่วนนายศุภชัย ศรีหล้า และนายวุฒิพงศ์ นามบุตร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับผลประโยชน์จากาการกระทำดังกล่าว แต่ไม่มีส่วนรู้เห็น กกต.จึงสั่งให้เลือกตั้งใหม่
ส่วนนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นั้นกกต.มีมติ 4 ต่อ 1 มีส่วนได้รับผลจากการกระทำดังกล่าว แต่ไม่มีข้อมูล พยานหลักฐาน เชื่อมโยงว่านายวิฑูรย์มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว ประกอบกับกฏหมายไม่เอื้ออำนวยให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ในส่วนของ ส.ส.สัดส่วน กกต.จึงต้องยกคำร้องคัดค้านดังกล่าว
นายสุทธิพล กล่าวว่า ตนเชื่อว่าในอนาคตจะมีการแก้ไขกฎหมายให้ดีขึ้น สามารถทำให้ผู้ปฏิบัติ ซึ่งก็คือกกต.ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ การจะแก้อะไรก็ต้องมีการศึกษาก่อน ซึ่งขณะนี้ กกต.ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาถึงปัญหา และการแก้ไขกฎหมายก็จะต้องทำเป็นระบบและได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามารวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขในจุดที่บกพร่อง ซึ่งคงไม่ใช่มาตราเดียว และก็ต้องดูภาพรวมด้วย
เมื่อถามว่า ถ้าส.ส.สัดส่วนโดนใบเหลือง ก็ต้องยกคำร้องตลอดไปใช่หรือไม่ ทำไม กกต.ไม่เลือกส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาแทนการวินิจฉัยเอง นายสุทธิพล กล่าวว่า ตรงนี้คงตอบไม่ได้ เพราะทุกอย่างคงเป็นไปตามระบบ เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งกฎหมายไม่เปิดช่อง เชื่อในอนาคตคงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และมาวิเคราะห์สภาพปัญหาต่างๆ และถึงจะมีการเสนอวิธีการแก้ไขต่อไป ซึงขณะนี้ยังไวเกินไปที่จะสรุป
นายวิทูรย์ ยืนยันว่าไม่มีมติของ กกต.หลุดออกไปก่อนที่จะมีการลงมติ ที่มีข่าวออกไปคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เพราะ กกต.แต่ละท่านมีความคิดเป็นของตนเอง และการลงมติก็ไม่ได้ลงมติก่อนล่วงหน้า ประกอบกับมติของกกต. ก็ไม่สอดคล้องกับ กกต.จังหวัดที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า กกต.จังหวัดให้ใบแดง ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคน รวมถึงอนุคณะกรรมการของ กกต. ก็มีความเห็นให้ยกคำร้อง แต่เมื่อความเห็นของ กกต.ออกมา ก็ไม่ได้สอดคล้องกับมติของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ไม่ตรงกับความเป็นจริง
**ย้ำกกต.ต้องหนักแน่น
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวในการเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเรื่อง"การพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง" แก่ กกต.จังหวัด จำนวน 152 คน ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ว่า หน้าที่ของกกต.ไม่ได้มีแค่เฉพาะการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น แต่จะต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งด้วย ดังนั้น กกต.จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องการเมืองการปกครอง และกฎหมายหลายฉบับ นอกเหนือไปจากกฎหมายเลือกตั้ง รวมทั้งหลักการพิจารณาคดีของกกต. ซึ่งหลักการที่แท้จริงในการพิจารณาสำนวนต่างๆ ของกกต. ต้องอย่าลืมคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามา หากเรื่องร้องเรียนไม่ร้ายแรงจนทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตจนต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ก็น่าจะสามารถยกคำร้องได้
นายสมชัย กล่าวอีกว่า แต่ขณะนี้กกต.ส่วนใหญ่มุ่งคิดว่า ส.ส.ต้องบริสุทธิ์ จะเป็นสีเทาไม่ได้เลย เช่น กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่กกต.มีมติยกคำร้องไปนั้น เรื่องนี้มีการสร้างกระแสไปก่อนที่ กกต.จะมีมติแล้ว และเมื่อกกต.มีมติออกมาไม่ตรงกับความคิดใคร ก็จะบอกว่า กกต.ตั้งธงไว้แล้ว ดังนั้น การวินิจฉัยของกกต.ต้องหนักแน่น จะวินิจฉัยตามกระแสไม่ได้ ทั้งนี้ เห็นว่าความเห็นที่แตกต่างในการพิจารณาของกกต. เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งตนเห็นว่า เมื่อมีความเห็นที่แตกต่างกันแล้วให้กกต. ทำบันทึกส่วนตัวในส่วนที่เห็นต่าง และพิจารณาโดยยึดมติของเสียงส่วนใหญ่ก็จะช่วยลดปัญหาความโต้แย้งกันได้ ซึ่งกกต. กลางก็ใช้วิธีการนี้