อนุ ก.ตร.ชุดตรวจสอบซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจ เรียก “วรพงษ์-ฉลอง-ถวิล-บรรจง” แจงโผแต่งตั้งโยกย้ายของแต่ละกองบัญชาการ เตรียมเรียก “พัชรวาท-คนใกล้ชิด” สอบหาข้อเท็จจริง หลังมีข้อมูลพาดพิงระบุพฤติกรรมเรียกรับผลตอบแทน ขณะที่ภาค 1 ระบุทำโผโปร่งใสไม่มีซื้อขายข้อมูลชี้แจงได้ ด้าน “วรพงษ์” ยอมรับมีจดหมายฝากเด็กจำนวนมากแต่ไม่ใช่ได้ทุกคน แถไม่มีแลกผลประโยชน์
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมา โดยมีคณะอนุ ก.ตร.ประชุมครบชุด ซึ่งที่ประชุมได้เชิญ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จเรตำรวจ (สบ 8) อดีตผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.ก.ตร.) มาให้ข้อมูลโดยมีการนำแฟ้มบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายของแต่จะกองบัญชาการ (บช.) มาเป็นหลักฐานให้คณะอนุ ก.ตร.พิจารณาด้วย
นายสมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้เรียก ผบช.น.มาชี้แจง เช่นเดียวกับ ผบช.หน่วยอื่นๆ เพื่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายหลักเกณฑ์ในการเสนอบัญชี ว่าได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อย่างไร และหลักจากพิจารณาแล้ว พิจารณาโดยหลักเกณฑ์ใด ร่วมประชุมกับใครบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคำสั่งพิเศษอย่างไรบ้าง หรือไม่ ซึ่งในประหลักหลักที่เราตรวจสอบข้อเท็จจริงคือมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งหรือไม่
“ผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังเปิดเผยไม่ได้ในตอนนี้ ที่ผ่านมาสอบปากคำนายตำรวจในระดับ ตร.ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3-4 ปาก ทั้งนี้หลักฐานของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้พาดพิงถึง บช.น. หรือ ผบช.น.แต่อย่างใด” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพาดพิง ผบ.ตร.และคนใกล้ชิดหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า น่าจะคนใกล้ชิด ซึ่งต้องเชิญมาสอบปากคำทั้งหมด ทั้งคนใกล้ชิดและ ผบ.ตร. ซึ่งข้อมูลไม่ระบุชื่อตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้นระบุแต่พฤติกรรมว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน เพื่อถามข้อเท็จจริงว่าการแต่งตั้งเป็นธรรมหรือไม่ และมีการให้ผลตอบแทนหรือไม่
นายสมศักดิ์กล่าวว่า หลักฐานของนายศิริโชคจะมีน้ำหนักหรือไม่ต้องสอบให้ลึกกว่านี้ ขณะนี้สอบเพียงไม่กี่ปากเท่านั้น ซึ่งที่ประชุมมอบให้คณะ อนุก.ตร.ที่เป็นข้าราชการตำรวจและอดีตข้าราชการตำรวจไปร่วมกันสืบสวนในทางลึก ทางลับด้วย ขณะที่เรากำลังตรวจไล่เรียงบัญชีแต่งตั้งที่แต่ละ บช.ส่งมาว่าอันไหนน่าสงสัยเพื่อสอบเชิงลึกอีกครั้ง ซึ่งจะสอบใครอีกบ้าง จะเรียกตำรวจที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งมาให้ปากคำหรือไม่คณะอนุฯต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ฐานะ 1 ในคณะอนุฯ กล่าวว่า ขอความร่วมมือข้าราชการตำรวจ หรือผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรม หรือเรียกรับผลประโยชน์ สามารถให้ข้อมูลโดยตรงกับคณะอนุ ก.ตร.ทุกคน หรือจะสะดวกให้ข้อมูลผ่านทางเลขานุการ ก.ตร.ก็ได้โดยยืนยันว่าข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับ
เมื่อถามว่าข้อมูลของนายศิริโชคส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่า นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเก่าขนาดไหน ซึ่งใช้เวลาในการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยจะพยายามทำให้เสร็จภายใน 15 วัน ถ้าไม่แล้วเสร็จก็จะขอขยายเวลากับประธาน ก.ตร. นอกจากนี้ คณะอนุฯ ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นโฆษกชี้แจงผลการประชุม เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในแนวเดียวทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า วันนี้ตนมาให้ข้อมูลเรื่องการแต่งตั้งวาระปรับเกลี่ยโครงสร้างครั้งนี้ ในส่วนของ บช.ภ.1 ยืนยันว่าได้ทำบัญชีแต่งตั้งโปร่งใสในรูปคณะกรรมการไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่มีการรับเงินหรือซื้อขายตำแหน่ง เนื่องจากข้อมูลการแต่งตั้งให้รอง ผบช. และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้เสนอพิจารณาในรูปคณะกรรมการ ซึ่งในส่วนของ บช.ภ.1 ไม่มีกรณีการแต่งตั้งที่ยกเว้นหลักเกณฑ์ ทั้งหมดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ตร.กำหนด
“ข้อมูลทั้งหมดสามารถชี้แจงได้ ไม่หวั่นใจ วันนี้ถูกเรียกมาเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นโดยวันนี้เอาบัญชีแต่งตั้งมาให้คณะอนุกรรมการรวม 13,000 คน มีทั้งเลื่อนขึ้นและสลับตำแหน่ง เนื่องจากโครงสร้างใหม่ยุบโครงสร้างเก่าจึงต้องแต่งตั้งใหม่ทั้งหมด” ผบช.ภ.1
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ค่อยมีเด็กฝาก เพราะแต่ละกองบัญชาการไม่มีอำนาจแต่งตั้ง เป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลกับตร.เท่านั้น ในส่วนของตนเองครั้งนี้ไม่มีเด็กฝากนักการเมือง เพราะตนไม่มีอำนาจแต่งตั้งแค่เสนอบัญชีขึ้นมา
“ผมมองว่ามันผิดปกติที่ไม่มีเด็กฝากนักการเมือง ผิดปกติที่ไม่มีใครมาขอให้เราช่วยเลย ปกติธรรมดาการแต่งตั้งก็มีอยู่แต่เราจะให้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของ บช.ภ.พิจารณา ซึ่งเด็กฝากก็ต้องดูตามหลักเกณฑ์ด้วย ไม่จำเป็นต้องให้ตามที่ฝาก คนที่ฝากก็มีกลุ่มผู้บังคับบัญชาในอดีต ฝากแนะนำลูกน้องเก่ามา เห็นว่าไม่สมควรก็ไม่ใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้” ผบช.ภ.1 กล่าว
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวภายหลังเข้าให้ข้อมูลว่า ได้ใช้ข้อมูลอธิบายถึงวิธีการปฏิบัติในการแต่งตั้งในนครบาลว่าทำอย่างไรบ้าง ทำตามระเบียบกฎหมายใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะอนุฯ ได้ตั้งประเด็นถึงคำสั่งพิเศษ ที่หมายถึงเด็กเส้นเด็กฝาก ผบช.น.กล่าวว่า ได้ชี้แจงไปแล้ว โดยในนครบาลก็มีจดหมายฝากเข้ามาเป็นลักษณะการให้คำแนะนำตัวบุคคล จากบุคลต่างๆ ทั้งจากองค์กรต่างๆ การเมือง หรือจากประชาชนที่แนะนำตำรวจที่เขาเห็นว่าสมควรได้รับการแต่งตั้ง ก็รับไว้พิจารณาประกอบซึ่งเป็นเรื่องมีทั่วๆไป จดหมายฝากเข้ามาเป็นธรรมดา ธรรมชาติ แต่ยันว่าไม่มีการซื้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และไม่มีค่าใช้จ่ายในการพิจารณาแต่งตั้งที่มีก็เป็นเพียงการแนะนำคน
“จดหมายฝากเข้ามามีทุกระดับแต่ก็ไม่มาก ซึ่งตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ทุกองค์กร แม้แต่ภาคเอกชน หนีไม่พ้นเรื่องเด็กเส้นเด็กฝาก ซึ่งคนที่แนะนำมาในนครบาลครั้งนี้ก็มีทั้งที่ได้และไม่ได้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ได้สนใจติดตามตรงนี้ ใครที่มีการแนะนำมาก็เสนอขึ้นไปผ่านการพิจารณาในรูปคณะกรรมการในนครบาล ยืนยันได้ผมไม่มีเรื่องเรียกรับเงินทุกคนรู้จักผมดีทั้งแต่อยู่ บช.ภ.7 แล้ว” ผบช.น.กล่าว
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมา โดยมีคณะอนุ ก.ตร.ประชุมครบชุด ซึ่งที่ประชุมได้เชิญ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จเรตำรวจ (สบ 8) อดีตผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.ก.ตร.) มาให้ข้อมูลโดยมีการนำแฟ้มบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายของแต่จะกองบัญชาการ (บช.) มาเป็นหลักฐานให้คณะอนุ ก.ตร.พิจารณาด้วย
นายสมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้เรียก ผบช.น.มาชี้แจง เช่นเดียวกับ ผบช.หน่วยอื่นๆ เพื่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายหลักเกณฑ์ในการเสนอบัญชี ว่าได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อย่างไร และหลักจากพิจารณาแล้ว พิจารณาโดยหลักเกณฑ์ใด ร่วมประชุมกับใครบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคำสั่งพิเศษอย่างไรบ้าง หรือไม่ ซึ่งในประหลักหลักที่เราตรวจสอบข้อเท็จจริงคือมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งหรือไม่
“ผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังเปิดเผยไม่ได้ในตอนนี้ ที่ผ่านมาสอบปากคำนายตำรวจในระดับ ตร.ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3-4 ปาก ทั้งนี้หลักฐานของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้พาดพิงถึง บช.น. หรือ ผบช.น.แต่อย่างใด” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพาดพิง ผบ.ตร.และคนใกล้ชิดหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า น่าจะคนใกล้ชิด ซึ่งต้องเชิญมาสอบปากคำทั้งหมด ทั้งคนใกล้ชิดและ ผบ.ตร. ซึ่งข้อมูลไม่ระบุชื่อตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้นระบุแต่พฤติกรรมว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน เพื่อถามข้อเท็จจริงว่าการแต่งตั้งเป็นธรรมหรือไม่ และมีการให้ผลตอบแทนหรือไม่
นายสมศักดิ์กล่าวว่า หลักฐานของนายศิริโชคจะมีน้ำหนักหรือไม่ต้องสอบให้ลึกกว่านี้ ขณะนี้สอบเพียงไม่กี่ปากเท่านั้น ซึ่งที่ประชุมมอบให้คณะ อนุก.ตร.ที่เป็นข้าราชการตำรวจและอดีตข้าราชการตำรวจไปร่วมกันสืบสวนในทางลึก ทางลับด้วย ขณะที่เรากำลังตรวจไล่เรียงบัญชีแต่งตั้งที่แต่ละ บช.ส่งมาว่าอันไหนน่าสงสัยเพื่อสอบเชิงลึกอีกครั้ง ซึ่งจะสอบใครอีกบ้าง จะเรียกตำรวจที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งมาให้ปากคำหรือไม่คณะอนุฯต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ฐานะ 1 ในคณะอนุฯ กล่าวว่า ขอความร่วมมือข้าราชการตำรวจ หรือผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรม หรือเรียกรับผลประโยชน์ สามารถให้ข้อมูลโดยตรงกับคณะอนุ ก.ตร.ทุกคน หรือจะสะดวกให้ข้อมูลผ่านทางเลขานุการ ก.ตร.ก็ได้โดยยืนยันว่าข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับ
เมื่อถามว่าข้อมูลของนายศิริโชคส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่า นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเก่าขนาดไหน ซึ่งใช้เวลาในการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยจะพยายามทำให้เสร็จภายใน 15 วัน ถ้าไม่แล้วเสร็จก็จะขอขยายเวลากับประธาน ก.ตร. นอกจากนี้ คณะอนุฯ ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นโฆษกชี้แจงผลการประชุม เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในแนวเดียวทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า วันนี้ตนมาให้ข้อมูลเรื่องการแต่งตั้งวาระปรับเกลี่ยโครงสร้างครั้งนี้ ในส่วนของ บช.ภ.1 ยืนยันว่าได้ทำบัญชีแต่งตั้งโปร่งใสในรูปคณะกรรมการไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่มีการรับเงินหรือซื้อขายตำแหน่ง เนื่องจากข้อมูลการแต่งตั้งให้รอง ผบช. และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้เสนอพิจารณาในรูปคณะกรรมการ ซึ่งในส่วนของ บช.ภ.1 ไม่มีกรณีการแต่งตั้งที่ยกเว้นหลักเกณฑ์ ทั้งหมดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ตร.กำหนด
“ข้อมูลทั้งหมดสามารถชี้แจงได้ ไม่หวั่นใจ วันนี้ถูกเรียกมาเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นโดยวันนี้เอาบัญชีแต่งตั้งมาให้คณะอนุกรรมการรวม 13,000 คน มีทั้งเลื่อนขึ้นและสลับตำแหน่ง เนื่องจากโครงสร้างใหม่ยุบโครงสร้างเก่าจึงต้องแต่งตั้งใหม่ทั้งหมด” ผบช.ภ.1
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ค่อยมีเด็กฝาก เพราะแต่ละกองบัญชาการไม่มีอำนาจแต่งตั้ง เป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลกับตร.เท่านั้น ในส่วนของตนเองครั้งนี้ไม่มีเด็กฝากนักการเมือง เพราะตนไม่มีอำนาจแต่งตั้งแค่เสนอบัญชีขึ้นมา
“ผมมองว่ามันผิดปกติที่ไม่มีเด็กฝากนักการเมือง ผิดปกติที่ไม่มีใครมาขอให้เราช่วยเลย ปกติธรรมดาการแต่งตั้งก็มีอยู่แต่เราจะให้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของ บช.ภ.พิจารณา ซึ่งเด็กฝากก็ต้องดูตามหลักเกณฑ์ด้วย ไม่จำเป็นต้องให้ตามที่ฝาก คนที่ฝากก็มีกลุ่มผู้บังคับบัญชาในอดีต ฝากแนะนำลูกน้องเก่ามา เห็นว่าไม่สมควรก็ไม่ใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้” ผบช.ภ.1 กล่าว
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวภายหลังเข้าให้ข้อมูลว่า ได้ใช้ข้อมูลอธิบายถึงวิธีการปฏิบัติในการแต่งตั้งในนครบาลว่าทำอย่างไรบ้าง ทำตามระเบียบกฎหมายใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะอนุฯ ได้ตั้งประเด็นถึงคำสั่งพิเศษ ที่หมายถึงเด็กเส้นเด็กฝาก ผบช.น.กล่าวว่า ได้ชี้แจงไปแล้ว โดยในนครบาลก็มีจดหมายฝากเข้ามาเป็นลักษณะการให้คำแนะนำตัวบุคคล จากบุคลต่างๆ ทั้งจากองค์กรต่างๆ การเมือง หรือจากประชาชนที่แนะนำตำรวจที่เขาเห็นว่าสมควรได้รับการแต่งตั้ง ก็รับไว้พิจารณาประกอบซึ่งเป็นเรื่องมีทั่วๆไป จดหมายฝากเข้ามาเป็นธรรมดา ธรรมชาติ แต่ยันว่าไม่มีการซื้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และไม่มีค่าใช้จ่ายในการพิจารณาแต่งตั้งที่มีก็เป็นเพียงการแนะนำคน
“จดหมายฝากเข้ามามีทุกระดับแต่ก็ไม่มาก ซึ่งตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ทุกองค์กร แม้แต่ภาคเอกชน หนีไม่พ้นเรื่องเด็กเส้นเด็กฝาก ซึ่งคนที่แนะนำมาในนครบาลครั้งนี้ก็มีทั้งที่ได้และไม่ได้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ได้สนใจติดตามตรงนี้ ใครที่มีการแนะนำมาก็เสนอขึ้นไปผ่านการพิจารณาในรูปคณะกรรมการในนครบาล ยืนยันได้ผมไม่มีเรื่องเรียกรับเงินทุกคนรู้จักผมดีทั้งแต่อยู่ บช.ภ.7 แล้ว” ผบช.น.กล่าว