xs
xsm
sm
md
lg

ประชุม ก.ตร.สะดุดอีก! คาดรื้อโผใหม่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
“สุเทพ” ยังไม่นัดประชุม ก.ตร.อย่างเป็นทางการจันทร์นี้ คาด ตั้งบอร์ดกลั่นกรองใหม่รื้อโผ ตร.อีกรอบ ด้าน ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทำหนังสือถึงสื่อมวลชน ชี้แจงเหตุ “ปุระชัย-พิชิต” ป่วนประชุม ก.ตร.นำรายชื่อ ก.ตร.บางท่านฝากตำรวจปกป้องพวกพ้อง หลังอนุ ก.ตร.สอบซื้อขายตำแหน่งพบการแต่งตั้งปี 51 มีมูลการซื้อขายตำแหน่งจริง โต้การแนะนำผู้มีคุณสมบัติได้รับการแต่งตั้ง ก.ตร.สามารถทำได้ตามกฎหมาย

วันนี้ (13 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไป ว่า เมื่อช่วงเช้าได้คุยกับ ผบช.ก.ตร.ตอนนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการนัดประชุมในขณะนี้ที่เราดำเนินการอยู่ เมื่อ นายสุเทพ ให้ความเห็นชอบที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมาใหม่ ฝ่ายเลขานุการก็ได้แจ้งให้ ก.ตร.ทุกท่านทราบและขอความเห็นว่าเห็นชอบหรือไม่ ประมาณเย็นวันนี้ก็จะได้รับทราบว่า ก.ตร.ทุกท่านนั้นเห็นชอบที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมาใหม่หรือไม่อย่างไร ซึ่งเท่าที่ทราบล่าสุดก็เห็นด้วยกับคณะกรรมการคัดเลือกที่ประธาน ก.ตร.เห็นชอบและให้ความเห็นไว้ที่ให้ นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขานุการ ก.พ.เป็นประธาน ซึ่งถ้าขั้นตอนนี้ไม่มีปัญหาก็จะนำเรื่องเรียนให้ประธาน ก.ตร.รับทราบ ซึ่งท่านจะตัดสินใจว่าจะเชิญประชุม ก.ตร.เมื่อไหร่

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า เรื่องปัญหาการที่ยังไม่ได้ตัว ผบ.ตร.ตัวจริงทำให้แต่งตั้งระดับล่างไม่ได้นั้นต้องย้อนกลับไปดูการประชุม ก.ตร.ก่อนหน้านี้ ก.ตร.ส่วนใหญ่เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.- ผบช.เพื่อให้ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรตำรวจ นายสุเทพก็คงเดินหน้าในการประชุมเพื่อแต่งตั้งตำรวจต่อไป และเมื่อมีการนัดประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไปก็คงคุยเรื่องนี้ประกอบด้วย ส่วนการประชุมจะล่มหรือไม่ล่มก็ต้องดูที่ผลการประชุมจะไปคาดการล่วงหน้าไม่ได้ แต่ตนเองมองโลกในแง่ดีที่ผ่านมาประธาน ก.ตร.ก็พยายามอย่างเต็มที่สุดความสามารถให้วาระนี้ขับเคลื่อนไปได้เพราะมีผลกระทบต่อการทำงานของตำรวจในระดับล่างจริงๆ

โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับรายชื่อของข้าราชการตำรวจที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองครั้งที่ผ่านมานั้น ที่ผ่านมา มีบอร์ดกลั่นกรองมาแล้วถึงสองครั้งและบอร์ดกลั่นกรองครั้งที่ผ่านมาก็นำผลการประชุมของบอร์ดกลั่นกรองครั้งแรกมาพิจารณาด้วย ตนเองเชื่อว่า ในการประชุมบอร์ดกลั่นกรองที่จะมีขึ้นในครั้งต่อไปก็จะต้องนำผลของการประชุมของบอร์ดเก่าทั้งสองครั้งมาพิจารณาด้วย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะตำแหน่งที่ทำการแต่งตั้งก็มีไม่มาก เชื่อว่า จะมีการนำมาพิจารณากันใหม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประธานบอร์ดกลั่นกรองคนใหม่จะพิจารณา รายชื่อตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งสามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องสามารถอธิบายเหตุผลให้สังคมได้ เพราะเมื่อผ่านบอร์อดกลั่นกรองแล้วก็ต้องเข้า ก.ตร.อีกที ที่ผ่านมา ในการประชุม ก.ตร.ซึ่งก็เป็นผู้มีความรู้ความสามารถบรรยากาศการประชุมก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน เป็นการแสดงข้อคิดเห็นต่างๆ และนำข้อคิดเห็นมาดำเนินการต่อ ซึ่งจะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 20 พ.ย.หรือไม่ หรือจะมีผลกระทบต่อสิทธิของตำรวจอย่างไรบ้างถึงวันนั้นก็ต้องมาคุยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เอารายชื่อ ก.ตร.ที่ฝากตำรวจมาให้ประธานเห็นควรจะต้องยกก.ตร.ชุดนี้ออกไปทั้งชุด พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรองที่ตั้งมาใหม่ส่วนหนึ่งก็เพราะเหตุผลนี้ และเหตุผลที่มีคนท้วงติงว่าคณะกรรมการคัดเลือกเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้ประธานต้องตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อมีการทักท้วงขึ้นเพื่อความโปร่งใส ส่วนเหตุผลเรื่องการฝากตำรวจจะกระทบเรื่องอื่นด้วยหรือไม่นั้นก็ต้องมีการพูดคุยกันในการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไป

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องของการประชุม ก.ตร.ที่ผ่านมาถึงสื่อมวลชนและข้าราชการตำรวจทุกท่านส่งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีใจความว่า ตามที่สื่อมวลชนลงข่าวว่าที่ประชุม ก.ตร.เพื่อแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.-ผบช.ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากความแตกแยกของก.ตร.ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ นั้น เป็นความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น สาเหตุที่แท้จริงคือ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2552 ก.ตร.มีมติแต่งตั้ง อนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณี นายศิริโชค โสภา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า มีข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไปในกองบัญชาการต่างๆ โดยเฉพาะ บช.ภ.7 อนุก.ตร.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ บุญทอง พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.ท.เหมราช ธารีไทย พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย และ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ โดยมี พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ เป็นเลขานุการ

หนังสือระบุอีกว่า อนุกรรมการได้เชิญ นายศิริโชค โสภา นายตำรวจที่ นายศิริโชค ให้การว่าทราบข้อมูลผู้บัญชาการหน่วยในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกหน่วย และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีโยกย้าย รวม 37 ปาก มาให้ปากคำ อนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สรุปการตรวจสอบว่าปี 2552 ไม่พบการกระทำที่มีมูลน่าเชื่อว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง เนื่องจากยังไม่มีการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ปี พ.ศ.2551 คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ว่ามีมูลการซื้อขายตำแหน่งจริง เสนอประธาน ก.ตร.เห็นควรตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 มาตรา 84 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป และมีอนุกรรมการ 1 ท่าน เห็นควรสอบสวนวินัยร้ายแรง แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้น เนื่องจากเป็นผู้สั่งการ และหากสอบสวนพบการกระทำผิดทางอาญา ก็ให้ดำเนินคดีอาญาต่อไป

หนังสือระบุอีกว่า ประธานได้เสนอผลการตรวจสอบให้ ก.ตร.ทราบ และแจ้งว่าประธาน ก.ตร.ได้สั่งยุติเรื่องผลการตรวจสอบของปี 2552 ส่วนผลการตรวจสอบของปี 2551 ให้นำเข้าที่ประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2552 เพื่อพิจารณา แต่ประธานได้ถอนเรื่องออกไปก่อน แล้วนำเข้าสู่การพิจารณา ก.ตร.เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2552 และได้เลื่อนมาพิจารณาในวันที่ 6 พ.ย.2552 ในการประชุมเพื่อพิจารณาวาระที่ 3 เรื่องที่ 4 เรื่องรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายศิริโชค โสภา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้อภิปรายไม่เห็นด้วยกับมติของอนุกรรมการ ก.ตร.โดยอ้างว่าสรุปไม่เป็นธรรม อีกทั้งอนุ ก.ตร. 6 ท่าน ขาดความชอบธรรม เนื่องจากมีหลักฐานว่า ก.ตร.ทั้ง 6 ฝากคนของตนเองให้ พล.ต.อ.พัชรวาท พิจารณาแต่งตั้ง แล้วส่งเอกสารให้ประธาน ส่วนก.ตร.อีกท่าน คือ พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุป อภิปราย ว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง แต่งตั้งผบช.ขึ้นไปนั้นไม่ชอบ เนื่องจากมีจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งของ ก.ตร.ทั้งหมด ประธาน ก.ตร.เห็นว่า การประชุมเคร่งเครียดจึงได้สั่งเลิกการประชุม ทั้งๆ ที่ ก.ตร.ที่ถูกพาดพิงมิได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในที่ประชุมแต่อย่างใด

หลักเลิกประชุม ก.ตร.ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีซื้อขายตำแหน่ง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ก.ตร.ที่ฝากตำรวจต่อ ผบ.ตร.ขาดจริยธรรม ควรลาออกจากการเป็น ก.ตร.ซึ่งความจริงแล้ว ก.ตร.2 ท่าน ไม่ต้องการให้มีการสอบสวนเรื่องการซื้อขายตำแหน่งต่อไป เนื่องจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเคยเป็นหน้าห้องและเป็นลูกน้องคนสนิท ของบุคคลทั้งสองเกือบทั้งหมด หากมีการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ความเสียหายจะเกิดขึ้น จึงได้กรำทุกวิถีทางเพื่อมิให้มีการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป

นอกจากนั้น ก.ตร.ทั้งสองท่านไม่ต้องการให้ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้งตำรวจระดับ ผบก.ถึงรองผบ.ตร.โดยอ้างว่าควรให้ตั้ง ผบ.ตร.ตัวจริงเสียก่อน และเดินออกจากที่ประชุมเมื่อวันที่ 21 ต.ค.2552 ทั้งที่ก.ตร.ท่านอื่นเห็นควรให้มีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.- ผบช.เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองตามประกาศก.ตร.เมื่อวันที่ 21 ต.ค.และในวันที่ 6 พ.ย.ก็ได้มีการประชุม ก.ตร.เพื่อแต่งตั้ง ทั้งสองคนจึงได้คัดค้านจำนวนคณะกรรมการกลั่นกรองมากกว่ากึ่งหนึ่งของก.ตร.เป็นการมิชอบและคัดค้านคุณธรรม จริยธรรมของ ก.ตร.กลั่นกรองบางท่านด้วย

ซึ่งขอชี้แจงว่าเรื่องจริยธรรมของ ก.ตร.นั้น ก.ตร.ทุกท่านมีสิทธิจะเสนอบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการแต่งตั้งหรือบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่ง ต่อ ตร.ได้ ทั้งนี้ เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ ก.ตร.ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 ส่วน ตร.จะพิจารณาหรือไม่เป็นอำนาจของ ตร. ก.ตร.ไม่มีอำนาจเข้าไปก้าวก่าย ก.ตร.ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ยอมรับว่า การฝากตำรวจเป็นเรื่องปกติและมีการฝากทุกหน่วยงานเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ก.ตร.ที่ชี้ว่า ก.ตร.ท่านอื่นขาดจริยธรรมนั้น จะให้เปิดโปงหรือไม่เรื่องการฝากลูกเป็นตำรวจและผลักดันให้ได้รับทุนไปต่างประเทศ ขบวนการดันพวกตัวเองให้ได้ตำแหน่งสูงขึ้นในสมัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขบวนการขัดขวางมิให้ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย กลับเข้ามา ตร.เพราะกลัวว่าจะเป็นคู่แข่งกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ก.ตร.ส่วนมากก็รับรู้แต่เขาไม่นำมาเปิดเผย

ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนที่มีใจเป็นธรรม พิจารณาให้ถ่องแท้ว่า ก.ตร.ที่เสนอแนะการแต่งตั้งบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมต่อ ตร.แม้จะบกพร่องด้านจริยธรรมบ้าง กับ ก.ตร.ที่ปกป้องผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าซื้อขายตำแหน่ง และ ก.ตร.ที่ขัดขวางมิให้มีการแต่งตั้งตำรวจ ทำให้เกิดความเสียหายต่อ ตร.เพื่อสนองเจตนาของกลุ่มคนบางฝ่าย ก.ตร.คนไหนที่ขาดจริยธรรม และควรลาออกจาก ก.ตร.มากกว่ากัน

ด้านพล.ต.ท.อาจิณ ได้ทำหนังสือเวียนด่วนที่สุด ที่ 0012/365 ส่งถึงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจทุกท่าน เรื่องของสอบถามว่าคิดเห็น ด้วย นายสุเทพ ได้สั่งการให้ทำหนังสือสอบถามความคิดเห็นจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ด้วยเมื่อการประชุมก.ตร.ครั้งที่ 14 มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจบางท่านมีความเห็นบางประการเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการตำรวจเมื่อครั้งการประชุมวันที่ 21 ต.ค.2552 ข้อ3 โดยมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน5 คนร่วมกับเลขาธิการ กพ. จเรตำรวจแห่งชาติ และรอง.ผบ.ตร.อีก7 ท่านรวมเป็น14 คนซึ่งมีจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ

จึงขอบสอบถามความเห็นว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเกินกว่ากึ่งหนี่งสามารถทำได้หรือไม่ โดยให้ส่งความเห็นให้ทราบภายในวันที่ 13พ.ย.2552

รายงานข่าวแจ้งว่า รอง.ผบ.ตร.ส่วนใหญ่ได้ส่งความเห็นกลับให้ ผบช.ก.ตร.ในทำนองเดียวกันว่า ไม่มีกฏหมายกำหนดไว้ว่าคณะกรรมการคัดเลือกต้องไม่เกินกึ่งหนึ่ง ถือว่าไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายหรือระเบียบแต่อย่างใด ส่วนเรื่องความเหมาะสมหรือไม่นั้นต้องแล้วแต่มุมมอง
กำลังโหลดความคิดเห็น