กองปราบฯ ส่งสายลับปลอมตัวร่วมงานศพ ก่อนจับ 2 สามี-ภรรยา ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โกงเหยื่อข้ามประเทศ ทั้งสองยังปากแข็ง ควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป พฤติกรรมแก๊งนี้ทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันชัด จะอ้างว่าเหยื่อถูกลอตเตอรี่-เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะอ้างเป็นจนท.จากบริษัทบัตรเครดิต หรือ จนท.แบงก์ เพื่อลวงให้ไปทำธุรกรรม หรือแก้ไขข้อผิดพลาดที่ตู้เอทีเอ็ม แต่หลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มไปเข้าบัญชีของแก๊งคนร้าย
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ต.สมบัติ มีมงคล พ.ต.ต.วันชัย ชัยชูโชติ สว.กก.5 บก.ป.และ ร.ต.อ.ชนวัฒน์ พัดวิจิตร รอง สว.กก.5 บก.ป.นำกำลังจับกุมนางรวิภา แก้วรอด อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/2 หมู่ 9 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.นครปฐม และ นายชัชวาล เผ่าพงศ์ อายุ 29 ปี อยู่เลขที่ 49 หมู่ 3 ต.ปากแรด อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3522 และ 3538/2550 วันที่ 2 ธ.ค.2550 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 ได้ที่บริเวณหน้าร้านขายของชำ เลขที่ 71 หมู่ 8 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.นครปฐม
ทั้งนี้ เมื่อปี 2551 ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ได้ร้องทุกข์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีแก๊งคนร้ายข้ามชาติก่อเหตุฉ้อโกงประชาชน ผ่านระบบโทรศัพท์ข้ามประเทศ (VOIP GATEWAY : Voice Over Internet Protocol) เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยที่มีบัตรเครดิตให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มโดยมีการกระทำผิดเป็น ขบวนการใหญ่ ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งชาวไทย จีน ไต้หวัน เกาหลี และ มาเลเซีย ตกเป็นเหยื่อกว่า 5,000 ราย เฉพาะผู้เสียหายชาวไทยประมาณ 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท
ต่อมา พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศจีน บุกทลายแก๊งดังกล่าว ซึ่งตั้งคอลเซ็นเตอร์อยู่ภายในห้องพักอาคารโย่วหยีต้าซ่า อพาร์ตเมนต์ใหญ่ใจกลางเมืองซัวเถา สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 40 คน มาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
โดยพฤติกรรมของแก๊งคนร้ายแก๊งนี้จะทำงานเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนวิธีการหลอกลวงเหยื่อนั้น จะอ้างว่า เหยื่อถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิต หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหลอกเหยื่อให้ไปทำธุรกรรมหรือแก้ไขข้อผิดพลาดที่ตู้เอทีเอ็ม แต่จริงๆ แล้วเป็นการหลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มไปเข้าบัญชีที่แก๊งคนร้ายเปิดไว้
จากนั้นชุดจับกุมสืบทราบว่า นางรวิภา และ นายชัชวาล สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลบหนีไปได้ก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปร่วมงานศพยายที่วัดหนองกระโดน ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.นครปฐม จึงให้สายลับปลอมตัวไปร่วมงานศพ ก่อนจับกุมตัวมาสอบสวน ที่ บก.ป.จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การปฏิเสธข้อกล่าหา โดยอ้างว่า เคยเดินทางไปประเทศจีนจริง แต่ไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งและไม่มีส่วนร่วมกระทำความผิดแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.ดำเนินคดีต่อไป
