ดีเอสไอหอบหลักฐานส่งมอบพนักงานอัยการ เร่งตามจับ 2 ผู้บริหารบริษัทแชร์ข้าวสาร หลังตรวจพบเปิดมินิมาร์บังหน้าหลอกลวงประชาชนสูญเงินลงทุนกว่า 2 ล้านบาท พร้อมแจ้งเตือนบริษัทฯ หรือบุคคลที่กำลังทำธุรกิจเข้าข่ายความผิดการกู้ยืมเงินที่ฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ให้หยุดพฤติกรรมหลอกลวงก่อนที่ ดีเอสไอ จะเข้าดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งคดีอาญา-ฟอกเงิน-ล้มละลาย
วันนี้ (18 มี.ค.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีแชร์ลูกโซ่ บริษัท ริชชี่ โกล๊บเบิล เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเปิดเป็นร้านมินิมาร์ทบังหน้าว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.กฤชณัท จันทร์เขียว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ระดับชำนาญการ นำสำนวนการสอบสวนคดีพร้อมเอกสารหลักฐาน 1 ลัง ซึ่งมี 4 แฟ้ม ส่งมอบให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อเร่งติดตามจับกุมตัว นายธนากร เทพเสนา และนายนัฐพงษ์ ไชยชวาลสิทธิ์ 2 ผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทริชชี่ฯ เริ่มจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภท บริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 6 พ.ย.50 มีนายธนากร และนายนัฐพงษ์ เป็นกรรมการบริษัท จากนั้นได้มาเช่าบ้านเลขที่ 34 ถ.ลำปาง-แม่ทะ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง เปิดประกอบกิจการเป็นรูปแบบแชร์ข้าวสารและทำร้านมินิมาร์ทบังหน้า และเปิดสมัครรับเงินสมาชิกทั่วประเทศ โดยหากลงทุนด้วยการซื้อเครื่องอุปโภค บริโภค 1 หุ้น เป็นเงินจำนวน 1,250 บาท และฝากขายสินค้ากับบริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนเพียง 800 บาท หลังจากนั้นจะมีการปันผล 20 วัน แรก เป็นเงิน 800 บาท อีก 20 วันถัดไปจะได้เงินปันผล 400 บาท และอีก 20 วันถัดไปจะได้เงินปันผล 400 บาท คำนวณรวมอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินปันผลคิดเป็น ร้อยละ 777.45 ต่อปี พฤติการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้มีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนจำนวนหลายร้อยราย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับเงินปันผล หรือเงินคืนแม้แต่คนเดียว ซึ่งขณะนี้บริษัท ริซซี่ ได้ปิดกิจการหลบหนีไปแล้ว ทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเงินลงทุนไป กว่า 2 ล้านบาท
ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวด้วยว่า การกระทำของผู้บริหารบริษัท ริชชี่ เป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อว่าธุรกิจสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับสมาชิกได้จริง ทั้งที่เป็นเพียงการนำเงินจากประชาชนผู้ร่วมลงทุนรายใหม่มาหมุนเวียนจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ร่วมลงทุนรายเก่า หากไม่มีผู้ร่วมลงทุนเพิ่มก็ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งเป็นการกระทำเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่และฉ้อโกงประชาชน
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนบริษัท หรือบุคคลที่กำลังประกอบธุรกิจเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ให้ยุติการกระทำที่เป็นการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนก่อนที่ดีเอสไอจะเข้าดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งคดีอาญา คดีฟอกเงิน และคดีล้มละลาย และจะดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำตนเป็นแม่ทีมหรือแม่ข่าย รวมทั้งวิทยากรที่บรรยายแผนการตลาดให้กับประชาชนที่ถูกหลอกลวงด้วย