“นพ.ประกิตเผ่า” ขึ้นศาลเบิกความ ถูก “เปมิกา” กับพวกโกงหลอกเอาทรัพย์สิน ขณะที่ศาลเข้มงวดห้ามเผยแพร่คำเบิกความ พร้อมนัดสืบพยานจำเลยปากต่อไป 25 ก.พ.นี้
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้สืบพยานจำเลยครั้งแรกในคดีหมายเลขดำที่ อ.4543/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา หรือศิวพร หรือสิริรัษสิริ หรืออุ๋ย วีรชัชรักษิต หรือเหลืองเรณูกุล อดีตเพื่อนสนิทต่างวัยของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ ฟิสิกส์, น.ส.ฤทัย หรือ แนน รุ่งสิริเมธากุล, นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ และนายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง
โดยทนายจำเลยนำ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้เสียหายซึ่งฝ่ายจำเลยอ้างเป็นพยานขึ้นเบิกความ อย่างไรก็ตาม ศาลห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าว จดบันทึกคำเบิกความของ นพ.ประกิตเผ่า ไปเผยแพร่ หากฝ่าฝืนจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล โดย นพ.ประกิตเผ่า ขึ้นเบิกความทั้งช่วงเช้า และบ่าย และมีคนมาคอยอารักขาใกล้ชิด จำนวน 6-7 คน ขณะที่ น.ส.เปมิกา เดินทางมาร่วมฟังการสืบพยานด้วย ศาลนัดสืบพยานจำเลยปากต่อไปในวันที่ 25 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างเดือน ต.ค.49-ก.พ.50 ต่อเนื่องกัน นพ.ประกิตเผ่า ซึ่งมีความอ่อนแอแห่งจิต มีความผิดปรกติทางด้านภาวะจิตใจ เป็นโรคจิตอารมณ์แปรปรวน มีความหลงผิดแยกไม่ได้ว่าข้อมูลใดเป็นจริงข้อมูลใดเป็นเท็จ ขาดความยับยั้งชั่งใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้อื่นชักจูง จึงหลงเชื่อตามคำหลอกลวงและการสร้างสถานการณ์ของจำเลยทั้งสี่ โดยเข้าใจว่า ตนเองสามารถนั่งสมาธิจนสำเร็จญาณขั้นสูง สามารถระลึกชาติ ถอดจิตได้ มีอำนาจจิตที่บุคคลธรรมดาไม่สามารถจะทำได้ และยังเชื่อว่า จำเลยที่ 1 มีความสามารถนั่งสมาธิจนสามารถเข้าสู่ฌานและสามารถระลึกชาติได้เช่นกัน
โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันสร้างสถานการณ์และหลอกลวง นพ.ประกิตเผ่า ให้เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 และ นพ.ประกิตเผ่า เคยเป็นสามีภรรยากันมา ก่อนร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์สินผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่งขอให้ผู้เสียหายที่ 1 ซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีดำ ให้จำเลยที่ 1 และมอบเงิน 980,000 บาท เพื่อซื้อแผ่นป้ายทะเบียน สห 9999 ทำให้พวกจำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวไปจำหน่ายจ่ายโอน และใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้สืบพยานจำเลยครั้งแรกในคดีหมายเลขดำที่ อ.4543/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา หรือศิวพร หรือสิริรัษสิริ หรืออุ๋ย วีรชัชรักษิต หรือเหลืองเรณูกุล อดีตเพื่อนสนิทต่างวัยของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ ฟิสิกส์, น.ส.ฤทัย หรือ แนน รุ่งสิริเมธากุล, นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ และนายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง
โดยทนายจำเลยนำ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้เสียหายซึ่งฝ่ายจำเลยอ้างเป็นพยานขึ้นเบิกความ อย่างไรก็ตาม ศาลห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าว จดบันทึกคำเบิกความของ นพ.ประกิตเผ่า ไปเผยแพร่ หากฝ่าฝืนจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล โดย นพ.ประกิตเผ่า ขึ้นเบิกความทั้งช่วงเช้า และบ่าย และมีคนมาคอยอารักขาใกล้ชิด จำนวน 6-7 คน ขณะที่ น.ส.เปมิกา เดินทางมาร่วมฟังการสืบพยานด้วย ศาลนัดสืบพยานจำเลยปากต่อไปในวันที่ 25 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างเดือน ต.ค.49-ก.พ.50 ต่อเนื่องกัน นพ.ประกิตเผ่า ซึ่งมีความอ่อนแอแห่งจิต มีความผิดปรกติทางด้านภาวะจิตใจ เป็นโรคจิตอารมณ์แปรปรวน มีความหลงผิดแยกไม่ได้ว่าข้อมูลใดเป็นจริงข้อมูลใดเป็นเท็จ ขาดความยับยั้งชั่งใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้อื่นชักจูง จึงหลงเชื่อตามคำหลอกลวงและการสร้างสถานการณ์ของจำเลยทั้งสี่ โดยเข้าใจว่า ตนเองสามารถนั่งสมาธิจนสำเร็จญาณขั้นสูง สามารถระลึกชาติ ถอดจิตได้ มีอำนาจจิตที่บุคคลธรรมดาไม่สามารถจะทำได้ และยังเชื่อว่า จำเลยที่ 1 มีความสามารถนั่งสมาธิจนสามารถเข้าสู่ฌานและสามารถระลึกชาติได้เช่นกัน
โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันสร้างสถานการณ์และหลอกลวง นพ.ประกิตเผ่า ให้เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 และ นพ.ประกิตเผ่า เคยเป็นสามีภรรยากันมา ก่อนร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์สินผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่งขอให้ผู้เสียหายที่ 1 ซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีดำ ให้จำเลยที่ 1 และมอบเงิน 980,000 บาท เพื่อซื้อแผ่นป้ายทะเบียน สห 9999 ทำให้พวกจำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวไปจำหน่ายจ่ายโอน และใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต