ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษามีหลักฐานเชื่อว่า “เปมิกา” มีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ “หมอเผ่า” สั่งชดใช้ค่าเสียหาย “ภรรยาตามกฎหมาย” เป็นเงิน 2 ล้านบาท
วันนี้(25 ก.ย.)เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 17 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่หมายเลขดำที่ 511/2550 ที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ อายุ 39 ปี ภรรยาของ นพ. ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง” แอพพลายด์ ฟิสิกส์” เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาระดับปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตเพื่อนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า เป็นจำเลย เรื่อง เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาว จำนวนทุนทรัพย์ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี
โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 50 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า โจทก์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ โดยสมรสกันตามประเพณีอยู่กินฉันท์สามี ภรรยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2549 จำเลยได้เข้ามาตีสนิทกับ สามีโจทก์ และได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น กระทั่งต้นปี พ.ศ.2550 จำเลยได้บังอาจแสดงตนเปิดเผยต่อสาธารณะชนและบุคคลทั่วไปว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว โดยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า การที่มารดาและพี่ชายของสามีโจทก์นำสามีโจทก์ไปรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา จ.นนทบุรี นั้น เป็นการสมคบร่วมกันนำตัวสามีโจทก์ ไปคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ความจริงแล้วสามีโจทก์ป่วยเป็นโรคจิตเวช นำมาซึ่งผลแห่งคดีนี้ ซึ่งจำเลยมุ่งหวังที่จะนำสามีโจทก์ไปอยู่กับจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ นอกจากนี้จำเลยยังได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์อีกหลายครั้ง
การกระทำของจำเลยได้แสดงตนโดยชัดเจนเปิดเผยโดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจและยินยอม ให้สามีโจทก์และจำเลยกระทำดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการกินอยู่ฉันท์สามีภรรยา จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทน พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จำนวนตามฟ้องด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ในประเด็นทำนองชู้สาว ซึ่งจำเลยจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ แม้จะยังฟังไม่ชัดเจน แต่เมื่อประชาชนฟังแล้วอาจเข้าใจเป็นเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์ได้ อย่างไรก็ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ยื่นฟ้อง นับว่าสูงเกินไป พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7. 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง
ภายหลัง นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความโจทก์ เปิดเผยว่า ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และให้จำเลยใช้ค่าทดแทน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย เพราะศาลเชื่อพยานโจทก์ 3 ปาก ฝ่ายจำเลยมาเบิกความ 1 ปาก และตนได้รายงานให้โจทก์ทราบแล้ว ซึ่งพอใจในคำพิพากษา แม้ว่าจะได้เงินมา 2 ล้านบาทก็ไม่เป็นไรเพราะเราต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันครอบครัว และชื่อเสียงทางทำมาหาได้ทางธุรกิจ
ด้านนายอภิชาต จรสาย ทนายความจำเลย เผยว่า จะยื่นอุทธรณ์ในทุกประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยได้แสดงออกในที่สาธารณะว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่า ประกอบกับไปออกรายการทีวี และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ดังกล่าว และด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาของศาล แต่จำเลยยังไม่เห็นพ้องด้วย เนื่องจาก ที่พูดผ่านสื่อไปนั้นก็เป็นเพียงถ้อยคำที่แสดงถึงความสนิทสนมในขั้นปกติ ทั้งจำเลยก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ขั้นชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่า
ทนายความจำเลย ยังกล่าวอีกว่า สังคมอย่าเพิ่งมองว่า น.ส.เปมิกา เป็นคนผิด เพราะยังมีหนทางต่อสู้คดีอีก เพราะยังมีคดีอาญาอีก 4 คดี ผลัดกันเป็นโจทก์ผลัดกันเป็นจำเลย ศาลไต่สวนแล้วประทับรับฟ้องทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นควรให้โอกาส น.ส.เปมิกา ในการต่อสู้คดีด้วย
วันนี้(25 ก.ย.)เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 17 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่หมายเลขดำที่ 511/2550 ที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ อายุ 39 ปี ภรรยาของ นพ. ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง” แอพพลายด์ ฟิสิกส์” เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาระดับปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตเพื่อนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า เป็นจำเลย เรื่อง เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาว จำนวนทุนทรัพย์ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี
โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 50 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า โจทก์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ โดยสมรสกันตามประเพณีอยู่กินฉันท์สามี ภรรยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2549 จำเลยได้เข้ามาตีสนิทกับ สามีโจทก์ และได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น กระทั่งต้นปี พ.ศ.2550 จำเลยได้บังอาจแสดงตนเปิดเผยต่อสาธารณะชนและบุคคลทั่วไปว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว โดยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า การที่มารดาและพี่ชายของสามีโจทก์นำสามีโจทก์ไปรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา จ.นนทบุรี นั้น เป็นการสมคบร่วมกันนำตัวสามีโจทก์ ไปคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ความจริงแล้วสามีโจทก์ป่วยเป็นโรคจิตเวช นำมาซึ่งผลแห่งคดีนี้ ซึ่งจำเลยมุ่งหวังที่จะนำสามีโจทก์ไปอยู่กับจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ นอกจากนี้จำเลยยังได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์อีกหลายครั้ง
การกระทำของจำเลยได้แสดงตนโดยชัดเจนเปิดเผยโดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจและยินยอม ให้สามีโจทก์และจำเลยกระทำดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการกินอยู่ฉันท์สามีภรรยา จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทน พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จำนวนตามฟ้องด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ในประเด็นทำนองชู้สาว ซึ่งจำเลยจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ แม้จะยังฟังไม่ชัดเจน แต่เมื่อประชาชนฟังแล้วอาจเข้าใจเป็นเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์ได้ อย่างไรก็ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ยื่นฟ้อง นับว่าสูงเกินไป พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7. 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง
ภายหลัง นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความโจทก์ เปิดเผยว่า ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และให้จำเลยใช้ค่าทดแทน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย เพราะศาลเชื่อพยานโจทก์ 3 ปาก ฝ่ายจำเลยมาเบิกความ 1 ปาก และตนได้รายงานให้โจทก์ทราบแล้ว ซึ่งพอใจในคำพิพากษา แม้ว่าจะได้เงินมา 2 ล้านบาทก็ไม่เป็นไรเพราะเราต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันครอบครัว และชื่อเสียงทางทำมาหาได้ทางธุรกิจ
ด้านนายอภิชาต จรสาย ทนายความจำเลย เผยว่า จะยื่นอุทธรณ์ในทุกประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยได้แสดงออกในที่สาธารณะว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่า ประกอบกับไปออกรายการทีวี และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ดังกล่าว และด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาของศาล แต่จำเลยยังไม่เห็นพ้องด้วย เนื่องจาก ที่พูดผ่านสื่อไปนั้นก็เป็นเพียงถ้อยคำที่แสดงถึงความสนิทสนมในขั้นปกติ ทั้งจำเลยก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ขั้นชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่า
ทนายความจำเลย ยังกล่าวอีกว่า สังคมอย่าเพิ่งมองว่า น.ส.เปมิกา เป็นคนผิด เพราะยังมีหนทางต่อสู้คดีอีก เพราะยังมีคดีอาญาอีก 4 คดี ผลัดกันเป็นโจทก์ผลัดกันเป็นจำเลย ศาลไต่สวนแล้วประทับรับฟ้องทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นควรให้โอกาส น.ส.เปมิกา ในการต่อสู้คดีด้วย
