นัดพิพากษาพรุ่งนี้ ( 25 ก.ย.) คดีบ้านใหญ่หมอประกิตเผ่า ฟ้องเปมิกา เรียก 27 ล้าน ฐานมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) เวลา 09.00 น.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่หมายเลขดำที่ 511/2550 ที่ นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของ นายแพทย์ ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ ฟิสิกส์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อดีตเพื่อนสนิทของ นายแพทย์ประกิตเผ่า เรื่อง เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาว จำนวนทุนทรัพย์ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า นางอลิสา โจทก์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ โดยสมรสกันตามประเพณีอยู่กินฉันท์สามี ภรรยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2549 จำเลยได้เข้ามาตีสนิทกับ นพ.ประกิตเผ่า สามีโจทก์ และได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น จนกระทั้งถึงต้นปี พ.ศ.2550 จำเลยได้บังอาจแสดงตนเปิดเผยต่อสาธารณะชนและบุคคลทั่วไปว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว โดยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า การที่มารดาและพี่ชายของสามีโจทก์นำสามีโจทก์ไปรักษาพยาบาล ที่ รพ.ศรีธัญญา จ.นนทบุรี นั้น เป็นการสมคบร่วมกันนำตัวสามีโจทก์ ไปคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ความจริงแล้วสามีโจทก์ป่วยเป็นโรคจิตเวช อันนำมาซึ่งผลแห่งคดีนี้ จำเลยมุ่งหวังที่จะนำสามีโจทก์ไปอยู่กับจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ นอกจากนี้ จำเลยยังได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์อีกหลายครั้ง การกระทำของจำเลยได้แสดงตนโดยชัดเจนเปิดเผยโดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจและยินยอม ให้สามีโจทก์และจำเลยกระทำดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการกินอยู่ฉันท์สามีภรรยา จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) เวลา 09.00 น.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่หมายเลขดำที่ 511/2550 ที่ นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของ นายแพทย์ ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ ฟิสิกส์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อดีตเพื่อนสนิทของ นายแพทย์ประกิตเผ่า เรื่อง เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาว จำนวนทุนทรัพย์ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า นางอลิสา โจทก์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ โดยสมรสกันตามประเพณีอยู่กินฉันท์สามี ภรรยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2549 จำเลยได้เข้ามาตีสนิทกับ นพ.ประกิตเผ่า สามีโจทก์ และได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น จนกระทั้งถึงต้นปี พ.ศ.2550 จำเลยได้บังอาจแสดงตนเปิดเผยต่อสาธารณะชนและบุคคลทั่วไปว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว โดยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า การที่มารดาและพี่ชายของสามีโจทก์นำสามีโจทก์ไปรักษาพยาบาล ที่ รพ.ศรีธัญญา จ.นนทบุรี นั้น เป็นการสมคบร่วมกันนำตัวสามีโจทก์ ไปคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ความจริงแล้วสามีโจทก์ป่วยเป็นโรคจิตเวช อันนำมาซึ่งผลแห่งคดีนี้ จำเลยมุ่งหวังที่จะนำสามีโจทก์ไปอยู่กับจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ นอกจากนี้ จำเลยยังได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์อีกหลายครั้ง การกระทำของจำเลยได้แสดงตนโดยชัดเจนเปิดเผยโดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจและยินยอม ให้สามีโจทก์และจำเลยกระทำดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการกินอยู่ฉันท์สามีภรรยา จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าว