“เมีย-พี่ชายหมอเผ่า” ไม่มาศาล นัดสอบคำให้การคดีหมิ่น “เปมิกา” กล่าวหาใช้จิตวิทยาหมู่หลอกเงินหมอเผ่า 40 ล้าน ส่งเสมียนทนายขอเลื่อนอ้างติดราชการ-ป่วย ส่วนทนายติดว่าความศาลอื่น นัดสอบคำให้การอีกครั้ง 8 ธ.ค.นี้ ส่วน “เปมิกา” ให้การปฏิเสธ คดีหมิ่น “แม่-พี่ชายหมอเผ่า” เผยเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นอุทธรณ์ คดีศาลเยาวชนฯ สั่งจ่าย 2 ล้าน ฐานเล่นชู้
วันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจสอบหลักฐานคดีดำที่ อ.2026/2550 ที่ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาชั้นปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.ประกิตพันธุ์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ พี่ชายและภรรยาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง แอพพลายด์ฟิสิกส์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.50 จำเลยทั้งสอง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า โจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารอีเฟรดรีน ที่พบในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า ใช้จิตวิทยาหมู่หลอกเอาเงินจำนวน 40 ล้านบาท ไปจาก นพ.ประกิตเผ่า
โดยจำเลยทั้งสอง และทนายความจำเลยไม่มาศาล แต่มอบอำนาจให้เสมียนทนายความ ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 ติดราชการซึ่งนัดกับผู้ป่วยไว้ก่อน และจำเลยที่ 2 มีอาการปวดท้องประจำเดือนไม่อาจเดินทางมาศาลได้ ขณะที่ทนายความติดว่าความที่ศาลแขวงสมุทรปราการที่นัดไว้ก่อนแล้ว
ศาลสอบถาม น.ส.เปมิกา โจทก์ และทนายความโจทก์แล้วไม่คัดค้าน แต่ทนายโจทก์แถลงต่อศาลเพิ่มเติมว่าจำเลยทั้งสองถูกดำเนินคดีอื่นในศาลนี้เช่นกัน และเคยอ้างเหตุไม่มาศาลด้วยเหตุผลเดียวกันมาแล้ว
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายความจำเลยขอเลื่อนคดีมีเหตุอันสมควรจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสอง และตรวจพยานหลักฐานพร้อมกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. โดยศาลให้เสมียนทนายแจ้งกับจำเลยทั้งสองด้วยว่า ให้จำเลยที่ 1 ส่งหลักฐานเอกสารที่อ้างว่าติดราชการ และเอกสารที่ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 มีอาการปวดท้องประจำเดือนในการพิจารณาคดีนัดหน้าด้วย
วันเดียวกันนี้ ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจสอบหลักฐาน คดีหมายเลยดำที่ 1973/2550 ที่นางเพลินจิต และ นพ.ประกิตพันธ์ ทมชิตชงค์ มารดและพี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท,แจ้งความเท็จเพื่อให้บุคคลอื่นต้องรับโทษทางอาญาและเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 174, 177 และ 326 กรณีวันที่ 20 ก.พ.-9 มี.ค. 50 จำเลยใส่ความโจทก์ทั้งสองด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น สารวัตรสอบสวน สน.บางซื่อ ว่า นพ.ประกิตเผ่ามีปัญหา กับครอบครัว ทั้งมารดา พี่ชาย และภรรยา เกี่ยวกับการบริหารสถาบันกวดวิชา และทำให้มารดาและ พี่ชายวางแผนหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่โรงพยาบาลศรีธัญญาเพื่อให้เป็นคนมีอาการโรคจิต และต่อมาวันที่ 9 มี.ค.จำเลยได้เบิกความเท็จดังกล่าวต่อศาลอาญา
โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้ น.ส.เปมิกาฟังแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธพร้อมยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่เสมียนทนายโจทก์ ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายความโจทก์ ติดว่าความที่ศาลแขวงสมุทรปราการซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ภายหลัง น.ส.เปมิกา กล่าวถึงคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้ น.ส.เปมิกา ชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับนางอลิสา ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า ในคดีแพ่งที่ยื่นฟ้องกล่าวว่า น.ส.เปมิกา มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามีว่าขณะนี้ได้ขอคัดคำพิพากษาจากศาลเยาวชนฯ แล้ว และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเตรียมยื่นอุทธรณ์ประมาณปลายเดือน พ.ย.นี้
วันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจสอบหลักฐานคดีดำที่ อ.2026/2550 ที่ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาชั้นปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.ประกิตพันธุ์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ พี่ชายและภรรยาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง แอพพลายด์ฟิสิกส์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.50 จำเลยทั้งสอง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า โจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารอีเฟรดรีน ที่พบในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า ใช้จิตวิทยาหมู่หลอกเอาเงินจำนวน 40 ล้านบาท ไปจาก นพ.ประกิตเผ่า
โดยจำเลยทั้งสอง และทนายความจำเลยไม่มาศาล แต่มอบอำนาจให้เสมียนทนายความ ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 ติดราชการซึ่งนัดกับผู้ป่วยไว้ก่อน และจำเลยที่ 2 มีอาการปวดท้องประจำเดือนไม่อาจเดินทางมาศาลได้ ขณะที่ทนายความติดว่าความที่ศาลแขวงสมุทรปราการที่นัดไว้ก่อนแล้ว
ศาลสอบถาม น.ส.เปมิกา โจทก์ และทนายความโจทก์แล้วไม่คัดค้าน แต่ทนายโจทก์แถลงต่อศาลเพิ่มเติมว่าจำเลยทั้งสองถูกดำเนินคดีอื่นในศาลนี้เช่นกัน และเคยอ้างเหตุไม่มาศาลด้วยเหตุผลเดียวกันมาแล้ว
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายความจำเลยขอเลื่อนคดีมีเหตุอันสมควรจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสอง และตรวจพยานหลักฐานพร้อมกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. โดยศาลให้เสมียนทนายแจ้งกับจำเลยทั้งสองด้วยว่า ให้จำเลยที่ 1 ส่งหลักฐานเอกสารที่อ้างว่าติดราชการ และเอกสารที่ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 มีอาการปวดท้องประจำเดือนในการพิจารณาคดีนัดหน้าด้วย
วันเดียวกันนี้ ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจสอบหลักฐาน คดีหมายเลยดำที่ 1973/2550 ที่นางเพลินจิต และ นพ.ประกิตพันธ์ ทมชิตชงค์ มารดและพี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท,แจ้งความเท็จเพื่อให้บุคคลอื่นต้องรับโทษทางอาญาและเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 174, 177 และ 326 กรณีวันที่ 20 ก.พ.-9 มี.ค. 50 จำเลยใส่ความโจทก์ทั้งสองด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น สารวัตรสอบสวน สน.บางซื่อ ว่า นพ.ประกิตเผ่ามีปัญหา กับครอบครัว ทั้งมารดา พี่ชาย และภรรยา เกี่ยวกับการบริหารสถาบันกวดวิชา และทำให้มารดาและ พี่ชายวางแผนหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่โรงพยาบาลศรีธัญญาเพื่อให้เป็นคนมีอาการโรคจิต และต่อมาวันที่ 9 มี.ค.จำเลยได้เบิกความเท็จดังกล่าวต่อศาลอาญา
โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้ น.ส.เปมิกาฟังแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธพร้อมยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่เสมียนทนายโจทก์ ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายความโจทก์ ติดว่าความที่ศาลแขวงสมุทรปราการซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ภายหลัง น.ส.เปมิกา กล่าวถึงคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้ น.ส.เปมิกา ชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับนางอลิสา ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า ในคดีแพ่งที่ยื่นฟ้องกล่าวว่า น.ส.เปมิกา มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามีว่าขณะนี้ได้ขอคัดคำพิพากษาจากศาลเยาวชนฯ แล้ว และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเตรียมยื่นอุทธรณ์ประมาณปลายเดือน พ.ย.นี้