ตำรวจนครบาล 3,750 นาย ผนึกกำลังร่วมทหาร 2,150 นาย เตรียมพร้อมรักษาความปลอดภัยความเคลื่อนไหวม็อบเสื้อแดง ใช้โล่กับกระบองเป็นอาวุธ ป้องกันมือที่ 3 ป่วน เน้นเจรจาเป็นหลัก หากสถานการณ์วุ่นวายจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาด้วยวิธีขว้าง ไม่ใช่ยิงเพื่อเข้าสลายการชุมนุม ถ้าม็อบยังดื้อดึงบุกรุกเข้าทำเนียบรัฐบาล จับกุมดำเนินคดีทันที
วันนี้ (23 ก.พ.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยการชุมนุมซักซ้อมทำความเข้าใจแผนปฏิบัติประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) นัดรวมพลใหญ่หน้าทำเนียบรัฐบาลวันที่ 24 ก.พ. โดยในที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์การชุมนุมครั้งนี้ไม่รุนแรง เพราะแกนนำ นปช.ได้แสดงจุดยืนว่าจะไม่ทำลายทรัพย์สิน และบุกรุกเข้าไปในทำเนียบฯ คาดว่าน่าจะมีคนมาร่วมประมาณ 2 หมื่นคน ในทางปฎิบัติตำรวจจะไม่ปิดกั้นขัดขวางการชุมนุมแต่อย่างใด
พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมกำลังไว้ 25 กองร้อย จำนวน 3,750 นาย โดยมี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เป็น ผบ.เหตุการณ์ แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแล้ว ใช้กำลังหลักคือ บช.น. ชุดปราบจลาจลชุดที่ 1 ของแต่ละ บก.ประจำการหลัก และจะมีทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน 21 กองร้อย จำนวน 2,150 นาย พร้อมจัดหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไปตรวจพื้นที่รอบๆ ทำเนียบฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันมือที่ 3 ก่อความวุ่นวาย โดยตำรวจจะเน้นการเจรจาเป็นหลักด้วยความละมุนละม่อมปราศจากอาวุธใช้เพียงโล่ กับกระบองเท่านั้น
พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ด้านในทำเนียบรัฐบาลใช้กำลัง 4-5 กองร้อย และจากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ใช้ความรุนแรง คิดว่าจะชุมนุมยืดเยื้อประมาณ 2-3 วัน แต่หากมีการบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลก็จะจับกุมดำเนินคดีทันที เพราะเตรียมชุดปฏิบัติไว้แล้วหากบุกรุกก็จับกุม คงไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างแน่นอน ส่วนแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมนั้น ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็อาจจะต้องใช้ตามยุทธวิธี แต่จะไม่ใช้วิธียิง จะใช้แบบขว้าง นี่คือขั้นสูงสุดหรือสุดท้ายแล้ว เบื้องต้นตำรวจจะมีแค่โล่ หรือกระบองเอาไว้ขู่เท่านั้น
“คนที่มาชุมนุมเขารู้อยู่แก่ใจว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรที่ผิดกฎหมายอะไรที่ไม่ควรทำ เพราะแกนนำออกมายืนยันแล้วว่าจะไม่บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล คิดว่าคงจะทำตามในสิ่งที่เขาพูดไว้ ที่ผ่านมาตำรวจได้ประสานกับแกนนำหาข่าวความเคลื่อนไหวตลอดเวลาว่า จะทำอะไรบ้าง มีกิจกรรมแสดงพลังอย่างไร เชื่อว่าคงไม่รุนแรง ตำรวจสามารถคุมสถานการณ์ได้แน่นอน” พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการจราจร กล่าวว่าจะทำการปิดถนนโดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดวิ่งในถนนลูกหลวงช่วงถนนราชดำเนินนอก ถึงถนนนครสวรรค์ ถนนพระราม 5 ตั้งแต่แยกพาณิชยการถึงถนนลูกหลวง และถนนนครปฐมตั้งแต่ถนนศรีอยุธยา ถึงถนนลูกหลวง ระหว่างเวลา 00.01 น.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 24.00 น. โดยอาศัยข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการปิดการจราจร (ชั่วคราว) เนื่องด้วยมีความจำเป็นต้องจัดระเบียบการรักษาความปลอดภัยและการจราจรบริเวณทำเนียบรัฐบาล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 139 (1) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 387/2541 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2541
