นครบาล ยังคงใช้ความละมุนละม่อมทะนุถนอม เน้นเจรจาขอเปิดทางกับแดงถ่อย พร้อมตั้งด่านตรวจสกัดโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ หวั่นมือที่ 3 สร้างความวุ่นวาย ใช้แผนกรกฎ 48 ควบคุมฝูงชน ขอโทษประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ขู่ แท็กซี่ปิดถนน เข้าข่ายผิดอาญา
วันนี้ (9 เม.ย.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 18.15 น.พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมประเมินสถานการณ์ดาวกระจายปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอยากฝากขอโทษพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน
เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมกระจายกันออกไปตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ หน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกองบัญชาการกองทัพบก และยังมีกลุ่มรถแท็กซี่นำรถไปปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้เกิดปัญหาการจราจรในภาพรวม การที่กระทำเช่นนี้ถือเป็นการผิด พ.ร.บ.จราจร และผิดอาญาด้วย จึงอยากให้เปิดการจราจร เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ ให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 229 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดจะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ต้องระวางโทษ 2 ใน 3
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการร้องขอต่อศาลเพื่อขอเปิดเส้นทางหรือไม่ พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจจะดำเนินการเจรจาก่อน ตามขั้นตอน จะไม่ใช้วิธีการรุนแรง แต่จะดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ซึ่งขณะนี้ผลกระทบในภาพรวมนั้นมีเพียงปัญหาการจราจร และ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ดูแลงานด้านการจราจร และ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.จร.จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ประชาชนที่ใช้เส้นทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยก่อนในเบื้องต้น ส่วนรถยกที่เตรียมไว้ยังอยู่ในแผน แต่ยังใช้ไม่ได้ ต้องดำเนินการเจรจาก่อน
โฆษก บช.น.ยังกล่าวถึงการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมที่ย้ายไปปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยฯ นั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้กำชับให้มีการตั้งด่านตรวจด่านสกัดโดยรอบเช่นเดิม เพื่อป้องกันบุคคลที่ 3 นำอาวุธเข้ามาสร้างสถานการณ์
ส่วนที่ว่ารัฐบาลกำชับการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไรนั้น พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุดและดำเนินการด้วยความละมุนละม่อมตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประสานขอกำลังจากทหาร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการบุกจับกุมแกนนำเพื่อยุติการชุมนุมนั้น ขณะนี้ยังไม่การดำเนินการ ตำรวจยังควบคุมสถานการณ์ได้ และวอนให้ผู้ชุมนุมได้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนแผนที่ใช้ยังใช้แผนกรกฎ 48 ซึ่งเป็นแผนควบคุมฝูงชนเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมยกระดับการชุมนุมเข้ายึดอนุสาวรีย์ทั้ง 2 แห่ง และจะมีการยึดจุดอื่นอีกหรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องติดตามสถานการณ์จากกลุ่มแกนนำ และอยากขอความร่วมมือให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนการเก็บหลักฐานนั้นเจ้าหน้าที่มีการเก็บรายละเอียดการกระทำผิดทุกขั้นตอน เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานสำหรับดำเนินคดีหากมีการกระทำผิด ในเวลาที่เหมาะสม หากเข้าองค์ประกอบกฎหมาย
ขณะเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีใจความว่า ตามที่กลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ได้นำรถยนต์รับจ้างสาธารณะมาจอดในลักษณะกีดขวางการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี-รังสิต และบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้ประชาชนโดยทั่วไปได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้พื้นผิวการจราจรได้
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอแจ้งเตือนมายังผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวตลอดจนเจ้าของและ/หรือผู้ครอบครอง ผู้ประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์รับจ้างสาธารณะว่าการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ ให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 229 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดจะเป็น ผู้สนับสนุนการกระทำผิด ต้องระวางโทษสองในสาม
ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปไม่ได้รับความเดือดร้อน จึงขอความร่วมมืองดเว้นการกระทำดังกล่าวและประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล
9 เมษายน 2552
วันนี้ (9 เม.ย.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 18.15 น.พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมประเมินสถานการณ์ดาวกระจายปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอยากฝากขอโทษพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน
เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมกระจายกันออกไปตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ หน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกองบัญชาการกองทัพบก และยังมีกลุ่มรถแท็กซี่นำรถไปปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้เกิดปัญหาการจราจรในภาพรวม การที่กระทำเช่นนี้ถือเป็นการผิด พ.ร.บ.จราจร และผิดอาญาด้วย จึงอยากให้เปิดการจราจร เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ ให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 229 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดจะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ต้องระวางโทษ 2 ใน 3
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการร้องขอต่อศาลเพื่อขอเปิดเส้นทางหรือไม่ พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจจะดำเนินการเจรจาก่อน ตามขั้นตอน จะไม่ใช้วิธีการรุนแรง แต่จะดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ซึ่งขณะนี้ผลกระทบในภาพรวมนั้นมีเพียงปัญหาการจราจร และ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ดูแลงานด้านการจราจร และ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.จร.จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ประชาชนที่ใช้เส้นทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยก่อนในเบื้องต้น ส่วนรถยกที่เตรียมไว้ยังอยู่ในแผน แต่ยังใช้ไม่ได้ ต้องดำเนินการเจรจาก่อน
โฆษก บช.น.ยังกล่าวถึงการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมที่ย้ายไปปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยฯ นั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้กำชับให้มีการตั้งด่านตรวจด่านสกัดโดยรอบเช่นเดิม เพื่อป้องกันบุคคลที่ 3 นำอาวุธเข้ามาสร้างสถานการณ์
ส่วนที่ว่ารัฐบาลกำชับการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไรนั้น พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุดและดำเนินการด้วยความละมุนละม่อมตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประสานขอกำลังจากทหาร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการบุกจับกุมแกนนำเพื่อยุติการชุมนุมนั้น ขณะนี้ยังไม่การดำเนินการ ตำรวจยังควบคุมสถานการณ์ได้ และวอนให้ผู้ชุมนุมได้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนแผนที่ใช้ยังใช้แผนกรกฎ 48 ซึ่งเป็นแผนควบคุมฝูงชนเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมยกระดับการชุมนุมเข้ายึดอนุสาวรีย์ทั้ง 2 แห่ง และจะมีการยึดจุดอื่นอีกหรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องติดตามสถานการณ์จากกลุ่มแกนนำ และอยากขอความร่วมมือให้การชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนการเก็บหลักฐานนั้นเจ้าหน้าที่มีการเก็บรายละเอียดการกระทำผิดทุกขั้นตอน เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานสำหรับดำเนินคดีหากมีการกระทำผิด ในเวลาที่เหมาะสม หากเข้าองค์ประกอบกฎหมาย
ขณะเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีใจความว่า ตามที่กลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ได้นำรถยนต์รับจ้างสาธารณะมาจอดในลักษณะกีดขวางการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี-รังสิต และบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้ประชาชนโดยทั่วไปได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้พื้นผิวการจราจรได้
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอแจ้งเตือนมายังผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวตลอดจนเจ้าของและ/หรือผู้ครอบครอง ผู้ประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์รับจ้างสาธารณะว่าการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ ให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 229 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดจะเป็น ผู้สนับสนุนการกระทำผิด ต้องระวางโทษสองในสาม
ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปไม่ได้รับความเดือดร้อน จึงขอความร่วมมืองดเว้นการกระทำดังกล่าวและประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล
9 เมษายน 2552