สธ.เสนอ “เสธ.หนั่น” ใช้ไม้แข็งเตรียมเสนอกฎหมายคุมเหล้าเพิ่มเติม ควบคู่มาตรการเอาจริงลงโทษขั้นเด็ดขาด ทั้งจำและปรับ มุ่งลดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรให้ได้
วันที่ 20 เมษายน นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลสถิติตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์จากทุกหน่วยงานทั้งหมด เนื่องจากตัวเลขของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทยยังไม่ตรงกัน รวมถึงต้องรอข้อมูลการจำหน่ายสุราจากกรมสรรพสามิตด้วย โดยจะสามารถสรุปตัวเลขได้ภายในปลายเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมทั้งรับฟังความเห็นเพื่อร่วมกันหาทางแก้ปัญหาต่อไป
“ขณะนี้กำลังเร่งให้สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ยอดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา การบังคับใช้ตามกฎหมายที่มีอยู่ เป็นต้น สรุปเสนอคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อออกมาตรการเพิ่มเติมที่เหมาะสม และประชาสัมพันธ์ให้ทราบทั่วกัน เพื่อให้ทันใช้ในเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี่”นายมานิตกล่าว
นายมานิตกล่าวต่อว่า เบื้องต้นจากการวิเคราะห์สถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ 10-16 เมษายน 2552 ที่ผ่าน มา พบว่าแม้หลายหน่วยงานจะมีการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้บาดเจ็บไม่ได้ลดลงมากนัก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจาก 361 คนในปี 2551 เป็น 373 คน โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุยังคงเป็นเรื่อง การเมาสุรา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มาตรการรณรงค์เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ จำเป็นต้องมีมาตรการอื่นออกมาใช้ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การลดปัญหาอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สำหรับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮลอล์ในช่วงเทศกาลนั้น เชื่อว่า พล.ต.สนั่น ไม่ได้สกัดกั้นแนวคิดนี้ ซึ่งการประชุมที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่ประธานการประชุมที่สมบูรณ์แล้ว แต่การที่ไม่ใช้วิธีการห้ามขาย เป็นเพราะต้องฟังความเห็นหลายๆด้านเท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลสรุปทั้งหมดแล้วจะนำส่งให้ที่ประชุมหารือกันอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไร” นายมานิต กล่าว
นายมานิตกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สธ.ได้เตรียมออกกฎหมายลูกเพิ่มเติม เพื่อควบคุมการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงให้มีการให้สินบนรางวัลกับผู้ให้เบาะแสและเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ด้วย อีกทั้ง จะขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยเฉพาะกรณี การเมาสุรา เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทหรือยาเสพติดให้โทษ ขณะขับรถ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยจะทำการจับและปรับจริง ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
นายมานิตกล่าวด้วยว่า รวมถึงกรณีฝ่าฝืนกฎหมายห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานบริการสาธารณสุข ร้านขายยา สถานศึกษา ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะและสถานที่ราชการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนขายให้บุคคลอายุต่ำหว่า 20 ปี หรือบุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีฝ่าฝืนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยมีการเร่ขาย การลด-แลก-แจก-แถมต่างๆ และการขายพ่วง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับการฝ่าฝืนเรื่องการโฆษณาที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงใจให้ดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม มีการชักจูงให้ซื้อ รวมทั้งการโฆษณาที่มีการปรากฏภาพของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบรรจุภัณฑ์ หรือการโฆษณาที่ไม่มีข้อมูลข่าวสารและความรู้สร้างสรรค์สังคม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันที่ 20 เมษายน นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลสถิติตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์จากทุกหน่วยงานทั้งหมด เนื่องจากตัวเลขของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทยยังไม่ตรงกัน รวมถึงต้องรอข้อมูลการจำหน่ายสุราจากกรมสรรพสามิตด้วย โดยจะสามารถสรุปตัวเลขได้ภายในปลายเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมทั้งรับฟังความเห็นเพื่อร่วมกันหาทางแก้ปัญหาต่อไป
“ขณะนี้กำลังเร่งให้สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ยอดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา การบังคับใช้ตามกฎหมายที่มีอยู่ เป็นต้น สรุปเสนอคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อออกมาตรการเพิ่มเติมที่เหมาะสม และประชาสัมพันธ์ให้ทราบทั่วกัน เพื่อให้ทันใช้ในเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี่”นายมานิตกล่าว
นายมานิตกล่าวต่อว่า เบื้องต้นจากการวิเคราะห์สถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ 10-16 เมษายน 2552 ที่ผ่าน มา พบว่าแม้หลายหน่วยงานจะมีการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้บาดเจ็บไม่ได้ลดลงมากนัก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจาก 361 คนในปี 2551 เป็น 373 คน โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุยังคงเป็นเรื่อง การเมาสุรา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มาตรการรณรงค์เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ จำเป็นต้องมีมาตรการอื่นออกมาใช้ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การลดปัญหาอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สำหรับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮลอล์ในช่วงเทศกาลนั้น เชื่อว่า พล.ต.สนั่น ไม่ได้สกัดกั้นแนวคิดนี้ ซึ่งการประชุมที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่ประธานการประชุมที่สมบูรณ์แล้ว แต่การที่ไม่ใช้วิธีการห้ามขาย เป็นเพราะต้องฟังความเห็นหลายๆด้านเท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลสรุปทั้งหมดแล้วจะนำส่งให้ที่ประชุมหารือกันอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไร” นายมานิต กล่าว
นายมานิตกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สธ.ได้เตรียมออกกฎหมายลูกเพิ่มเติม เพื่อควบคุมการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงให้มีการให้สินบนรางวัลกับผู้ให้เบาะแสและเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ด้วย อีกทั้ง จะขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยเฉพาะกรณี การเมาสุรา เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทหรือยาเสพติดให้โทษ ขณะขับรถ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยจะทำการจับและปรับจริง ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
นายมานิตกล่าวด้วยว่า รวมถึงกรณีฝ่าฝืนกฎหมายห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานบริการสาธารณสุข ร้านขายยา สถานศึกษา ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะและสถานที่ราชการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนขายให้บุคคลอายุต่ำหว่า 20 ปี หรือบุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีฝ่าฝืนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยมีการเร่ขาย การลด-แลก-แจก-แถมต่างๆ และการขายพ่วง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับการฝ่าฝืนเรื่องการโฆษณาที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงใจให้ดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม มีการชักจูงให้ซื้อ รวมทั้งการโฆษณาที่มีการปรากฏภาพของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบรรจุภัณฑ์ หรือการโฆษณาที่ไม่มีข้อมูลข่าวสารและความรู้สร้างสรรค์สังคม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ