ตร.ยานนาวา จับ เสธ.กำมะลอ โชว์เพาเวอร์ แต่งทหารขึ้นโรงพัก อ้างจบ จปร.รุ่น 40 รับสั่งให้มาดูโครงการรื้อถอนสะพานปลา ตร.ไม่ปักใจเชื่อสอบประวัติ พบ เคยถูกจับแต่งกายเลียบแบบทหาร วางแผนรวบตัวได้คาเครื่องแบบ สารภาพ เป็นหัวหน้าช่างแอร์ เคยสอบติด นร.เรียนนายร้อยแต่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน ใจรักตัดเครื่องแบบใส่หาโอกาสใส่ไปที่ต่างๆ พบพฤติกรรมตีสนิท ตร.ทุกระดับเรียกรับผลประโยชน์ เผย พ.ต.อ. หลงเชื่อจนตายใจมาแล้ว
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 01.00 น.พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ สว.สส.สน.ยานนาวา ร.ต.อ.พิรัชย์ สัจจา รอง สว.สส.สน.ยานนาวา นำกำลังเข้าจับกุม นายทันสิษฐ์ อินนาจิตร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173/32 หมู่ 2 แขวงคลองถนน เขตสายไหม พร้อมของกลาง รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ ไทป์ซี สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วค-2822 กทม. มีสติกเกอร์ของกองปราบปราม และหน่วยงานทหารต่างๆ ติดอยู่บริเวณกระจกด้านหน้า เครื่องแบบทหารบกติดเครื่องหมายพันตรี ประดับเครื่องหมาย ภปร.จำนวน 1 ชุด เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 11 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 3 นัด และบัตรประจำตัวนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 1 ใบ
การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วานนี้ (2 ก.พ.) นายทันสิษฐ์ ผู้ต้องหาได้เดินทางมาแสดงตัวกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ว่า ตัวเองเป็นนายทหารยศพันตรี สังกัดหน่วยทหารองครักษ์ กองพันทหารรักษาพระองค์ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 40 เคยผ่านการอบรมจากโรงเรียนเสนาธิการ กองทัพบก และอยู่ระหว่างได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้มาดูแลความเรียบร้อยในโครงการรื้อถอนอาคารและสิ่งก่อสร้างในสะพานปลา แขวงและเขตยานนาวา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงทำการตรวจเช็คและตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบปรากฏว่าประวัติของ นายทันสิษฐ์ ไปตรงกับผู้ต้องหาที่ก่อคดีแต่งกายเลียนแบบทหารและแอบอ้างว่าจะช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจรายหนึ่งในท้องที่ สภ.เมืองภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จนนักธุรกิจรายดังกล่าวต้องสูญเงินไปนับแสนบาท เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่ผู้ต้องหารับปากว่าจะให้ โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนายทันสิษฐ์ ถูกจับดำเนินคดีศาลตัดสินให้ปรับเป็นเงิน 1,000 บาท และรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี เมื่อทราบข้อมูลที่แท้จริง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา จึงได้วางแผนทำทีชักชวนให้ นายทันสิษฐ์ มาที่โรงพัก โดยอ้างว่าอยากให้มาพบกับหลานชายที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ร.ร.เตรียมทหาร จน นายทันสิษฐ์ ตายใจเดินทางมาพบจึงถูกจับกุมไว้ได้คาเครื่องแบบ
จากการสอบสวน นายทันสิษฐ์ ให้การรับสารภาพว่า ปัจจุบันทำงานเป็นหัวหน้าช่างแอร์ อยู่ที่ร้านใส่ใจแอร์ ย่านแจ้งวัฒนะ เมื่อประมาณปี 45 เคยสอบติด โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แต่ไม่ผ่านตรวจร่างกายเพราะสายตาสั้น จึงไปสมัครลงเรียนที่คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง แต่เรียนไม่ไหวจึงเปลี่ยนไปเรียนคณะวิศวกรรม สาขาเครื่องกลสถาบันเดียวกัน ขณะนี้เหลืออีกวิชาเดียวก็จะจบการศึกษา
แต่ด้วยใจรักอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก ประกอบกับพ่อเป็นนายตำรวจ ยศ พ.ต.ต.ตำแหน่ง สวป. อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ ยิ่งทำให้ฝังใจอยากรับราชการ จึงตัดสินใจ ไปตัดเครื่องแบบทหารบกในราคาชุดละ 2,000 บาทและหาซื้อเครื่องหมายสังกัดและสัญลักษณ์ตามร้านขายย่านหลังกระทรวงมาติด และใส่ไว้ในรถ หากสบโอกาสก็จะนำมาแต่งไปตามที่ต่างๆ ด้วยความภูมิใจ แต่ไม่ได้มีเจตนาจะไปหลอกลวงผู้ใด ส่วนบัตรประจำตัวนักเรียนนายร้อย จปร.ตนเป็นคนทำขึ้นเอง เพื่อใช้ยืนยันให้คนทั่วไปเชื่อว่าเป็นทหารจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ นอกจากจะแต่งกายเรียนแบบทหารแล้วยังแอบอ้างตนเป็นทหารรักษาพระองค์เข้าไปตีสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้น และนักธุรกิจทั้งรายใหญ่และเล็ก เท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวยเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ไม่เว้นแม้กระทั่งนายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ซึ่งเคยเป็น “ผกก.สน.ห้วยขวาง” ก็เคยเข้าไปตีสนิทจนตายใจ นอกจากนั้น ผู้ต้องหายังเคยเข้าไปตีสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตรอีกหลายนาย โดยผู้ต้องหาจะมีข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในแวดวงทหาร ตำรวจ และวงราชการเป็นอย่างดี จึงทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม มีเจ้าหน้าที่ ยศ “ร.ต.อ.” ซึ่งอดีตเคยเป็น รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่าถูกผู้ต้องหาแอบอ้างเข้ามาตีสนิท จนกระทั่งหลงเชื่อและคบหากันด้วยความนับถือศรัทธาและพากันไปดื่มกินสังสรรค์กันบ่อยครั้ง บางครั้งเคยต่อสายไปคุยกับเพื่อนที่จบจาก ร.ร.นายร้อย จปร.และอ้างชื่อผู้ต้องหา ปรากฏว่า แม้แต่ นายร้อย จปร.บางรายยังยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและร่วมสถาบันจริงซึ่งก็น่าแปลกว่าผู้ต้องหารายนี้มีวิธีการแอบอ้างอย่างไร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,แต่งเครื่องแบบทหารซึ่งไม่มีสิทธิแต่งโดยชอบด้วยกฎหมาย,ไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานหรือไม่มีสิทธิใช้ยศตำแหน่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์เพื่อให้บุคคลเชื่อว่าตนมีสิทธิและ ปลอมและใช้เอกสารปลอม ก่อนนำตัวส่ง พ.ต.ต.อดิเรก พันธุ์ใย พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.ยานนาวา ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 01.00 น.พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ สว.สส.สน.ยานนาวา ร.ต.อ.พิรัชย์ สัจจา รอง สว.สส.สน.ยานนาวา นำกำลังเข้าจับกุม นายทันสิษฐ์ อินนาจิตร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173/32 หมู่ 2 แขวงคลองถนน เขตสายไหม พร้อมของกลาง รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ ไทป์ซี สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วค-2822 กทม. มีสติกเกอร์ของกองปราบปราม และหน่วยงานทหารต่างๆ ติดอยู่บริเวณกระจกด้านหน้า เครื่องแบบทหารบกติดเครื่องหมายพันตรี ประดับเครื่องหมาย ภปร.จำนวน 1 ชุด เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 11 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 3 นัด และบัตรประจำตัวนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 1 ใบ
การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วานนี้ (2 ก.พ.) นายทันสิษฐ์ ผู้ต้องหาได้เดินทางมาแสดงตัวกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ว่า ตัวเองเป็นนายทหารยศพันตรี สังกัดหน่วยทหารองครักษ์ กองพันทหารรักษาพระองค์ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 40 เคยผ่านการอบรมจากโรงเรียนเสนาธิการ กองทัพบก และอยู่ระหว่างได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้มาดูแลความเรียบร้อยในโครงการรื้อถอนอาคารและสิ่งก่อสร้างในสะพานปลา แขวงและเขตยานนาวา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงทำการตรวจเช็คและตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบปรากฏว่าประวัติของ นายทันสิษฐ์ ไปตรงกับผู้ต้องหาที่ก่อคดีแต่งกายเลียนแบบทหารและแอบอ้างว่าจะช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจรายหนึ่งในท้องที่ สภ.เมืองภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จนนักธุรกิจรายดังกล่าวต้องสูญเงินไปนับแสนบาท เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่ผู้ต้องหารับปากว่าจะให้ โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนายทันสิษฐ์ ถูกจับดำเนินคดีศาลตัดสินให้ปรับเป็นเงิน 1,000 บาท และรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี เมื่อทราบข้อมูลที่แท้จริง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา จึงได้วางแผนทำทีชักชวนให้ นายทันสิษฐ์ มาที่โรงพัก โดยอ้างว่าอยากให้มาพบกับหลานชายที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ร.ร.เตรียมทหาร จน นายทันสิษฐ์ ตายใจเดินทางมาพบจึงถูกจับกุมไว้ได้คาเครื่องแบบ
จากการสอบสวน นายทันสิษฐ์ ให้การรับสารภาพว่า ปัจจุบันทำงานเป็นหัวหน้าช่างแอร์ อยู่ที่ร้านใส่ใจแอร์ ย่านแจ้งวัฒนะ เมื่อประมาณปี 45 เคยสอบติด โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แต่ไม่ผ่านตรวจร่างกายเพราะสายตาสั้น จึงไปสมัครลงเรียนที่คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง แต่เรียนไม่ไหวจึงเปลี่ยนไปเรียนคณะวิศวกรรม สาขาเครื่องกลสถาบันเดียวกัน ขณะนี้เหลืออีกวิชาเดียวก็จะจบการศึกษา
แต่ด้วยใจรักอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก ประกอบกับพ่อเป็นนายตำรวจ ยศ พ.ต.ต.ตำแหน่ง สวป. อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ ยิ่งทำให้ฝังใจอยากรับราชการ จึงตัดสินใจ ไปตัดเครื่องแบบทหารบกในราคาชุดละ 2,000 บาทและหาซื้อเครื่องหมายสังกัดและสัญลักษณ์ตามร้านขายย่านหลังกระทรวงมาติด และใส่ไว้ในรถ หากสบโอกาสก็จะนำมาแต่งไปตามที่ต่างๆ ด้วยความภูมิใจ แต่ไม่ได้มีเจตนาจะไปหลอกลวงผู้ใด ส่วนบัตรประจำตัวนักเรียนนายร้อย จปร.ตนเป็นคนทำขึ้นเอง เพื่อใช้ยืนยันให้คนทั่วไปเชื่อว่าเป็นทหารจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ นอกจากจะแต่งกายเรียนแบบทหารแล้วยังแอบอ้างตนเป็นทหารรักษาพระองค์เข้าไปตีสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้น และนักธุรกิจทั้งรายใหญ่และเล็ก เท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวยเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ไม่เว้นแม้กระทั่งนายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ซึ่งเคยเป็น “ผกก.สน.ห้วยขวาง” ก็เคยเข้าไปตีสนิทจนตายใจ นอกจากนั้น ผู้ต้องหายังเคยเข้าไปตีสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตรอีกหลายนาย โดยผู้ต้องหาจะมีข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในแวดวงทหาร ตำรวจ และวงราชการเป็นอย่างดี จึงทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม มีเจ้าหน้าที่ ยศ “ร.ต.อ.” ซึ่งอดีตเคยเป็น รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่าถูกผู้ต้องหาแอบอ้างเข้ามาตีสนิท จนกระทั่งหลงเชื่อและคบหากันด้วยความนับถือศรัทธาและพากันไปดื่มกินสังสรรค์กันบ่อยครั้ง บางครั้งเคยต่อสายไปคุยกับเพื่อนที่จบจาก ร.ร.นายร้อย จปร.และอ้างชื่อผู้ต้องหา ปรากฏว่า แม้แต่ นายร้อย จปร.บางรายยังยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและร่วมสถาบันจริงซึ่งก็น่าแปลกว่าผู้ต้องหารายนี้มีวิธีการแอบอ้างอย่างไร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,แต่งเครื่องแบบทหารซึ่งไม่มีสิทธิแต่งโดยชอบด้วยกฎหมาย,ไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานหรือไม่มีสิทธิใช้ยศตำแหน่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์เพื่อให้บุคคลเชื่อว่าตนมีสิทธิและ ปลอมและใช้เอกสารปลอม ก่อนนำตัวส่ง พ.ต.ต.อดิเรก พันธุ์ใย พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.ยานนาวา ดำเนินคดีต่อไป