ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง “พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ” และอดีตสารวัตรใหญ่แม่สอด กรณีอดีตผู้ช่วยพยาบาลฟ้องกักขังหน่วงเหนี่ยว กล่าวหาฆ่าสามีตัวเองโดยมิชอบ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่นางรัตนา เหรียญโมรา หรือทรัพย์นราธร อายุ 70 ปี อดีตผู้ช่วยพยาบาล เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจและ พล.ต.ต.พจน์ พลจันทร์ อดีตสารวัตรใหญ่ สภ.อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ มาตรา 300 และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการใดโดยมิชอบเพื่อให้บุคคลอื่นได้รับโทษ มาตรา 200 คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.49 ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 9 ก.พ. - 18 ต.ค.30 ขณะนั้นจำเลยที่ 1 เป็นผู้ช่วย ผบช.ภ. 3 และจำเลยที่ 2 เป็นสารวัตรใหญ่.สภ.อ.แม่สอด ได้สมคบกันกระทำความผิด กล่าวคือ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.30 มีคนร้ายยิง นายแพทย์ สุรนาถ เหรียญโมรา สามีโจทก์ถึงแก่ความตาย คนร้ายนำศพไปทิ้งไว้ที่ ริม ถ.สายแม่สอด-ตาก บ้านห้วยระอุ ม.1 ต.แม่ละเมาะ อ.แม่สอด จ.ตาก ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจับกุมโจทก์ โดยนำตัวโจทก์ไปสอบสวนที่คุ้มพระลอ บ้านพักของ จำเลยที่ 1 ที่จังหวัดตาก บังคับให้โจทก์รับสารภาพว่าร่วมกันฆ่าสามีโจทก์ ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะนำโจทก์พร้อมด้วย นายภาคย์ มาดีสรรค์ และนางราตรี พรหมเทพ ไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนฝ่ายเดียวโดยอ้างว่าโจทก์กับพวกให้การรับสารภาพ ต่อมาศาลจังหวัดกำแพงเพชร ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์กับพวก
โจทก์อุทธรณ์ว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.30 โจทก์ได้รับโทรศัพท์จากจำเลยที่ 2 ว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้วจากนั้นมีตำรวจมารับตนจากบ้านพักที่กรุงเทพไปยังคุ้มพระลอ จังหวัดตาก โดยจำเลยที่1 บังคับให้โจทก์รับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่านายแพทย์สุรนาถ และให้ลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่า แต่ในที่สุดศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์กับพวก รวมเวลาที่ถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดกำแพงเพชร นาน 2 ปี 7 เดือน 11 วัน
เห็นว่าเมื่อเกิดเหตุฆ่านายแพทย์สุรนาถในพื้นที่จังหวัดตาก จำเลยทั้ง 2 ย่อมมีภาระหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจสั่งการเร่งรัดดำเนินคดีได้โดยชอบ เมื่อจำเลยทั้ง 2 สามารถรวบรวมพยานวัตถุ พยานเอกสาร จึงขออนุมัติออกหมายจับโจทก์กับพวก การสอบสวนของจำเลยทั้ง 2 เป็นไปตามดุลพินิจ ส่วนกรณีที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ถูกนำตัวไปที่คุ้มพระลอและให้ลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่านั้นเห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ได้ให้โอกาสโจทก์ที่จะปฏิเสธสู้คดีที่อ้างว่าถูกข่มขู่ให้ลงลายมือชื่อนั้น เป็นเรื่องที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ความว่าจำเลยทั้ง 2 บังคับโจทก์แต่อย่างใด เรื่องการแถลงข่าวของจำเลยทั้ง 2 นั้นเพื่อรายงานความคืบหน้าของคดีให้สังคมทราบเท่านั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด จำเลยไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 มี.ค.49 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ในความผิดฐานสนับสนุนอุ้มฆ่านางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ภรรยาและบุตรชายของนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เจ้าของร้านเพชร ซึ่ง พล.ต.ท.ชลอ กับพวกร่วมกันอุ้มนางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ไปกักขังที่ กวีวิลล่า อ.สระแก้ว จ.สระบุรี เพื่อสอบถามข้อมูลเพชรของเจ้าชายไฟซาล ประเทศซาอุดีอาระเบียซึ่งถูกคนงานไทยลักขโมยมา ต่อมาทั้งสองแม่ลูกถูกจัดฉากฆ่าเสียชีวิตจนเป็นข่าวครึกโครมในอดีต
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่นางรัตนา เหรียญโมรา หรือทรัพย์นราธร อายุ 70 ปี อดีตผู้ช่วยพยาบาล เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจและ พล.ต.ต.พจน์ พลจันทร์ อดีตสารวัตรใหญ่ สภ.อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ มาตรา 300 และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการใดโดยมิชอบเพื่อให้บุคคลอื่นได้รับโทษ มาตรา 200 คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.49 ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 9 ก.พ. - 18 ต.ค.30 ขณะนั้นจำเลยที่ 1 เป็นผู้ช่วย ผบช.ภ. 3 และจำเลยที่ 2 เป็นสารวัตรใหญ่.สภ.อ.แม่สอด ได้สมคบกันกระทำความผิด กล่าวคือ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.30 มีคนร้ายยิง นายแพทย์ สุรนาถ เหรียญโมรา สามีโจทก์ถึงแก่ความตาย คนร้ายนำศพไปทิ้งไว้ที่ ริม ถ.สายแม่สอด-ตาก บ้านห้วยระอุ ม.1 ต.แม่ละเมาะ อ.แม่สอด จ.ตาก ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจับกุมโจทก์ โดยนำตัวโจทก์ไปสอบสวนที่คุ้มพระลอ บ้านพักของ จำเลยที่ 1 ที่จังหวัดตาก บังคับให้โจทก์รับสารภาพว่าร่วมกันฆ่าสามีโจทก์ ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะนำโจทก์พร้อมด้วย นายภาคย์ มาดีสรรค์ และนางราตรี พรหมเทพ ไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนฝ่ายเดียวโดยอ้างว่าโจทก์กับพวกให้การรับสารภาพ ต่อมาศาลจังหวัดกำแพงเพชร ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์กับพวก
โจทก์อุทธรณ์ว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.30 โจทก์ได้รับโทรศัพท์จากจำเลยที่ 2 ว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้วจากนั้นมีตำรวจมารับตนจากบ้านพักที่กรุงเทพไปยังคุ้มพระลอ จังหวัดตาก โดยจำเลยที่1 บังคับให้โจทก์รับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่านายแพทย์สุรนาถ และให้ลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่า แต่ในที่สุดศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์กับพวก รวมเวลาที่ถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดกำแพงเพชร นาน 2 ปี 7 เดือน 11 วัน
เห็นว่าเมื่อเกิดเหตุฆ่านายแพทย์สุรนาถในพื้นที่จังหวัดตาก จำเลยทั้ง 2 ย่อมมีภาระหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจสั่งการเร่งรัดดำเนินคดีได้โดยชอบ เมื่อจำเลยทั้ง 2 สามารถรวบรวมพยานวัตถุ พยานเอกสาร จึงขออนุมัติออกหมายจับโจทก์กับพวก การสอบสวนของจำเลยทั้ง 2 เป็นไปตามดุลพินิจ ส่วนกรณีที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ถูกนำตัวไปที่คุ้มพระลอและให้ลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่านั้นเห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ได้ให้โอกาสโจทก์ที่จะปฏิเสธสู้คดีที่อ้างว่าถูกข่มขู่ให้ลงลายมือชื่อนั้น เป็นเรื่องที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ความว่าจำเลยทั้ง 2 บังคับโจทก์แต่อย่างใด เรื่องการแถลงข่าวของจำเลยทั้ง 2 นั้นเพื่อรายงานความคืบหน้าของคดีให้สังคมทราบเท่านั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด จำเลยไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 มี.ค.49 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ในความผิดฐานสนับสนุนอุ้มฆ่านางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ภรรยาและบุตรชายของนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เจ้าของร้านเพชร ซึ่ง พล.ต.ท.ชลอ กับพวกร่วมกันอุ้มนางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ไปกักขังที่ กวีวิลล่า อ.สระแก้ว จ.สระบุรี เพื่อสอบถามข้อมูลเพชรของเจ้าชายไฟซาล ประเทศซาอุดีอาระเบียซึ่งถูกคนงานไทยลักขโมยมา ต่อมาทั้งสองแม่ลูกถูกจัดฉากฆ่าเสียชีวิตจนเป็นข่าวครึกโครมในอดีต