ทนายเลขาฯ สำนักนายกรัฐมนตรีกินแห้ว หมดสิทธิขอจับกุม และกักขัง 6 แกนนำพันธมิตรฯ ศาลสั่งยกคำร้อง ศาลชี้การที่ศาลงดการบังคับคดีเนื่องจากศาลมีคำสั่งให้ส่งอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษา พร้อมคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี หากยังคงให้มีการบังคับคดีต่อไปอาจเกิดความเสียหาย กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายนิคม บัวแก้ว เสมียนทนายความ รับมอบอำนาจจากนายเมธี ใจสมุทร ทนายความสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ และขอเพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีที่ศาลแพ่ง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ในคดีดำหมายเลขที่ 5213 / 2551 ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 5 แกนนำพันธมิตร และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร ฯ เป็นจำเลย เรื่องละเมิด และขับไล่พันธมิตร ฯ ออกจากทำเนียบ
โจทก์เห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งหกลงวันที่ 28 ส.ค. และมีคำสั่งรับคำร้องทุเลาบังคับโดยฉุกเฉินอย่างยิ่งของจำเลยทั้งหก ลงวันที่ 29 ส.ค. และส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งหรือพิพากษา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ จึงขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว โดยให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ศาลรับคำร้องทุเลาการบังคับ และคำร้องทุเลาบังคับโดยฉุกเฉินอย่างยิ่ง และมีคำสั่งไม่รับคำร้องทั้งสองฉบับของจำเลยทั้งหก ซึ่งเมื่อไม่มีการรับคำร้องไว้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอีกต่อไป ส่วนการบังคับคดีจึงควรดำเนินบังคับคดีต่อไป เพราะการที่จำเลยทั้งหกกับพวก ได้บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบ และไม่ใช่การชุมนุมสาธารณะ และโจทก์ขอยืนยันว่าในการบังคับคดี ได้ปฏิบัติตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา แล้ว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จับกุม และกักขังจำเลยทั้งหกด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. ศาลจึงมีคำสั่ง โดยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จำเลยทั้งหกยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี และคำร้องขอทุเลาบังคับคดีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง ศาลชั้นต้นมีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งที่จำเลยทั้งหกยื่นมา ว่ามีเหตุต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นหรือไม่ หากไม่มีศาลชั้นต้นก็ต้องพิจารณารับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งหก และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ซึ่งศาลชั้นต้นได้ใช้ดุลยพินิจรับอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี รวมทั้งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง พร้อมสำนวนส่งไปให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาแล้ว
ในส่วนที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้จับกุมและกักขังจำเลยทั้งหก โดยอ้างว่าศาลมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เหตุที่ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดี เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้ส่งอุทธรณ์ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา พร้อมคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง และหากยังคงให้มีการบังคับคดีต่อไปจะเกิดความเสียหาย กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง
