ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ยื่นอุทธรณ์ให้คุ้มครองชั่วคราวและบังคับคดีไล่พันธมิตรฯออกนอกทำเนียบ ภายหลังศาลสั่งทุเลางดบังคับคดีดังกล่าว โดยให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคุ้มครองชั่วคราวเสีย เนื่องจากอยู่ในระหว่างประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ กรณีที่ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ จำเลย ที่ถูกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดย นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องเรื่องละเมิดและขับไล่ออกจากทำเนียบรัฐบาล ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไว้
โดยคดีนี้ จำเลยทั้ง 6 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ยกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลแพ่ง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้จำเลยทั้ง 6 กับพวกผู้ชุมนุม ออกจากทำเนียบรัฐบาล และรื้อเวทีปราศรัย รวมทั้งสิ่งกีดขวางออกจากทำเนียบ และให้จำเลยทั้ง 6 เปิดการจราจรบน ถ.พิษณุโลก และ ถ.ราชดำเนิน รวมทั้งขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งดังกล่าว
โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งกรณีดังกล่าว มีผลต่อการคุ้มครองชั่วคราวในคดีนี้อยู่แล้วจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้บังคับแก่คดีนี้ต่อไป ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น
ทั้งนี้ ศาลแพ่งยังได้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้อง 5 แกนนำพันธมิตรและนายสุริยะใส จำเลย เรื่องละเมิดและขับไล่ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้นแล้ว ส่งผลให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลชั้นต้นเคยสั่งให้จำเลยทั้ง 6 กับพวกผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล และรื้อถอนเวทีปราศรัย รวมทั้งสิ่งกีดขวางออกจากทำเนียบรัฐบาล และให้เปิดถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนิน จึงไม่มีผลบังคับอีกต่อไป