ทนายพันธมิตรฯ เดินหน้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งให้ออกจากทำเนียบฯ พร้อมยื่นทุเลาบังคับคดี ขณะเดียวกัน ยื่นอุทธรณ์หมายจับข้อหา 9 กบฏ ระบุการยื่นคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นการแจ้งความเท็จ
วันนี้ (28 ส.ค.) เวลา 15.20 น. ที่ศาลแพ่ง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อขอศาลเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานละเมิด และฟ้องขับไล่ โดยศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งรื้อถอนเวทีปราศรัย และสิ่งปลูกสร้างออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยคำสั่งให้มีผลทันที
นายสุวัตร กล่าวว่า คำอุทธรณ์ที่ได้ยื่นต่อศาลในวันนี้ ตนได้ยื่นชี้แจงต่อศาลใน 3 ประเด็น คือ 1.การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเป็นการใช้สิทธิชุมนุม โดยสงบภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 63, 2.การที่ศาลชั้นต้น (ศาลแพ่ง) สั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยไม่ฟังคำเบิกความของพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งเป็นการไต่สวนฝ่ายเดียว และ 3.การที่ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 6 จัดให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้ชุมนุมอื่น เป็นบุคคลภายนอกฟ้อง จึงถือเป็นการสั่งเกินคำร้อง ซึ่งในวันนี้หากศาลอุทธรณ์รับคำฟ้อง ตนจะขอนำพยานขึ้นเบิกความไต่สวนต่อสู้
นอกจากนั้น นายสุวัตร กล่าวว่า ยังได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อให้เลื่อนกำหนดเวลาบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นออกไปจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นายสุวัตร ยังกล่าวถึงการดำเนินการขอเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ว่า ในวันนี้ตนได้มอบหมายให้เสมียนทนายไปขอคัดคำสั่งอนุมัติหมายจับของศาล เพื่อนำกลับไปตรวจสอบ และเตรียมยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ เนื่องจากเห็นว่าการตั้งข้อหาฐานกบฏ เป็นข้อหาที่ร้ายแรง เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่จะล้มล้างการปกครอง หรือรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่พยายามปกป้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น การยื่นคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกหมายจับพันธมิตรฯ จึงอาจเป็นการแจ้งความเท็จ