ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตัดสินเพิ่มโทษจำคุก หนุ่มวัย 30 ปี ชิงทรัพย์ข่มขืนแม่เฒ่าวัย 73 ปี จนถึงแก่ความตาย เบื้องต้นศาลจังหวัดนนทบุรี ตัดสินจำคุก 25 ปี ก่อนอัยการยื่นขอให้ลงโทษหนัก ศาลพิเคราะห์พิจารณาตามข้อเท็จจริง พิพากษาเพิ่มโทษจำคุกเป็น 30 ปี และให้ใช้ราคาทรัพย์ 14,000 บาท คืนแก่ญาติผู้เสียหาย
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายจรัญ หรือมืด ภู่ระย้า อายุ 30 ปี เป็นจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย บุกรุกในเวลากลางคืนเพื่อประทุษร้าย จำเลยให้การรับสารภาพ คดีนี้ศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาจำคุก 25 ปี อัยการยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนัก และเนื่องจากตัวจำเลยถูกขังที่เรือนจำบางขวาง กรุงเทพฯ จึงต้องนำตัวมาอ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ที่ศาลอาญา แทนศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อความปลอดภัยในการขนส่งนักโทษ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2550 เวลากลางคืน จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 38 ม.3 ต.บางกรวย อ.บางกรวย นนทบุรี แล้วข่มขืนกระทำชำเรานางลัดดา พิศิษฐ์วานิช อายุ 73 ปี ผู้เสียหาย โดยปีนหลังบ้านงัดหน้าต่าง ใช้ผ้าสีเหลืองมัดมือ อุดปาก แล้วถลกผ้าถุง นั่งคร่อมสอดอวัยวะเพศเข้าไปจนช่องคลอดฉีกขาด จนผู้เสียหายสลบไป จากนั้นเห็นผู้เสียหายสวมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท กับพระปิดตา รวมราคา 14,000 บาท จึงกระชากไป ผู้เสียหายรู้สึกตัวจึงต่อสู้ จำเลยจึงบีบคอจนถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไป โดยให้ญาตินำสร้อยไปขาย ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี จำเลยไม่ต่อสู้คดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณา โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยข่มขืนผู้เสียหายอย่างไร ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับคำฟ้อง ศาลลงโทษตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ ตาม ป.วิอาญามาตรา192 วรรค2 ฟังได้ว่าเป็นการพยายามข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น แต่จำเลยเกิดเจตนาทุจริตคิดจะเอาสร้อยคอทองคำกับพระปิดตาในภายหลัง จึงบีบคอผู้ตาย และขณะที่บุกรุกเข้าไปในบ้านก็ไม่ได้ปรากฏว่าจะเข้าไปเพื่อการอื่นนอกจากจะเข้าไปข่มขืน
จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดพยายามข่มขืน ตาม ป.อาญามาตรา 276, 80 และชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 339 วรรคท้าย และบุกรุกเวลากลางคืน ตามมาตรา 364, 365 (1), (3) ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 25 ปี ศาลอุทธรณ์สมควรให้เพิ่มโทษจำคุกเป็น 30 ปี กับให้ใช้ราคาทรัพย์ 14,000 บาท คืนแก่ญาติผู้เสียหาย และถูกควบคุมตัวเข้ารับโทษในเรือนจำต่อไป