xs
xsm
sm
md
lg

คุก 13 ปี เมียน้อยฆ่าน้องชายอดีตรอง ผบช.ภ.1

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(ภาพประกอบ)
ศาลพิพากษาคุก 20 ปี ภรรยารองใช้ขวาน-มีดปังตอฟันแทงยับ น้องชายอดีตรอง ผบช.ภ.1 เสียชีวิต ศาลปรานีคำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษคง จำคุก 13 ปี 4 เดือน

วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ศาลอาญาธนบุรี ถนนเอกชัย ศาลมีคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ และนางหรรษา เลาหบุตร ภรรยา นายสำนวน เลาหบุตร ผู้จำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผู้ตาย ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางศิริพร อนันตกลยุทธ อายุ 52 ปี อาชีพนักธุรกิจค้าขายอะไหล่รถยนต์และประดับยนต์ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และชิงทรัพย์ โดย นางหรรษา โจทก์ร่วม ภรรยา นายสำนวน ผู้ตาย ได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนด้วย จำนวน 14 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า ผู้ตายและจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาก่อน แต่ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.51 ทั้งสองมีปากเสียงตกลงกันไม่ได้ จำเลยจึงใช้อาวุธขวาน มีดบังตอ และมีดปอกผลไม้ แทง ฟัน นายสำนวน อายุ 51 ปี ที่ร่างกายรวม 56 แผลจนถึงแก่ความตาย แล้วชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นแหวนเพชร 2 กะรัต สร้อยคอทองคำหนัก 6 บาท พระเลี่ยมทอง และเงินสด 200,000 บาทไป เหตุเกิดที่บ้านพักของจำเลยเลขที่ 192/67 ซ.เอกชัย 131 แขวงและเขตบางบอน กทม.

โดยจำเลยให้การปฏิเสธว่าผู้ตายได้มาขออาศัยพักค้างคืนด้วย แล้วเมื่อสบโอกาสจะทำการข่มขืนและจะทำร้ายร่างกาย จึงใช้อาวุธฟันป้องกันตัว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นพนักงานสอบสวนและพยานปากอื่นๆ เบิกความสอดคล้องกันว่า ที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยต่อสู้มาก่อน และพบว่า ผู้ตายกับจำเลยเดินทางมาด้วยกัน พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบจึงมีน้ำหนักเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องไม่ได้เป็นการป้องกันตัว

พิพากษาให้จำคุกจำเลย เป็นเวลา 20 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่คำให้การมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกจำเลย 13 ปี 4 เดือน และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะ รวม 2 ล้านบาทแก่นางหรรษา โจทก์ร่วมด้วย ส่วนความผิดฐานชิงทรัพย์นั้นโจทก์ไม่มีพยานยืนยัน พิพากษาให้ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว นางศิริพร จำเลยถูกพนักงานสอบสวน สน.บางกอกใหญ่ เดินทางมาขออายัดตัวเพื่อสอบสวนคดีอื่นต่อไป

ขณะที่วันนี้ นางหรรษา และนายวีรพล ภรรยาและบุตรชายนายสำนวนเดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยนายวีรพลกล่าวว่า บิดาเป็นน้องชาย พล.ต.ต.สำเนา อดีต รอง ผบช.ภ.1 ซึ่งคดีนี้ นางศิริพร พยายามต่อสู้ว่า บิดาไปขอนอนค้างที่บ้านแล้วข่มขืน จึงป้องกันตัว แต่ตำรวจยังมีความสงสัยสภาพที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมต่างๆ เพราะ นางศิริพร ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 28 ก.ย.51 หลังเกิดเหตุถึง 36 ชั่วโมง ขณะที่พยานซึ่งเป็น รปภ.ของหมู่บ้าน ก็เห็นว่า บิดาของตนเดินทางมากับนางศิริพร ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาลงโทษนางศิริพร ฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จึงทำให้ความจริงปรากฏแล้วว่า บิดาของตนไม่ได้ข่มขืนจำเลย ซึ่งตนและมารดาจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไปขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนัก และอุทธรณ์ความผิดฐานชิงทรัพย์ที่ศาลยกฟ้องด้วย เนื่องจากวันเกิดเหตุบิดาของตนไปเก็บเงินลูกค้า ซึ่งปกติบิดาพกเงินจำนวนมากเป็นประจำ แต่เมื่อศาลเห็นว่าจุดนี้ไม่มีความชัดเจน เราจะต่อสู้ต่อไป เพื่อชื่อเสียงของครอบครัวที่เสื่อมเสียไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เป็นข่าวครึกโครม เมื่อปี 51 โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย.51 เวลา 11.00 น. ร.ต.ท.เวชกร ชวลิต ร้อยเวร สน.แสมดำ รับแจ้งจาก นางศิริพร ว่า มีคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านข่มขืนกระทำชำเราแล้วเกิดการต่อสู้กันจนตัวเองได้รับบาดเจ็บนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครธน หลังรับแจ้ง ผกก.สน.แสมดำ และคณะสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรุดไปตรวจสอบยังบ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกในเนื้อที่ 100 ตารางวา ภายในห้องน้ำของห้องนอนชั้น 2 พบศพนายสำนวนนอนคว่ำหน้านุ่งกางเกงในสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมแขนกุดสีขาว มีผ้าขนหนูผืนเล็กปิดที่ศีรษะ ตรวจสอบมีบาดแผลถูกของมีคมฟันที่ลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ ตามลำตัวมีรอยฟัน และแทงหลายแห่ง และพบมีดปังตอ ขวาน มีดทำครัวยาว 1 ฟุต เปื้อนเลือดตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
กำลังโหลดความคิดเห็น