xs
xsm
sm
md
lg

“จงรัก” มุ่ง 3 ปมสอบหาเหตุไหม้ “เสือป่า” คาดต้นเพลิงจากชั้น 1

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

รองผบ.ตร. ตั้ง 3 ปม "วางเพลิงเอาประกัน-ไฟฟ้าลัดวงจร-ประมาท" สอบหาเหตุเพลิงไหม้ "เสือป่าพลาซ่า" ขณะเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เชื่อว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากชั้นแรกของอาคาร ส่วนชั้น 2 พบรอยแตกร้าว คาดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อตัวอาคาร ส่วนชั้นอื่นมีเขม่าควันไฟเกาะติดตามผนังเท่านั้น เจ้าของอาคารเข้าให้ปากคำ พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย ตร. ยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเพลิงไหม้อาคารเสือป่าพลาซ่า ว่าหลังเพลิงสงบเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิงมาจอดไว้บริเวณหน้าอาคาร 3 คัน เพื่อป้องกันเหตุหากเพลิงเกิดไหม้ขึ้นอีก เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตป้อมปราบฯ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารภัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พลับพลาไชย 1 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตั้งจุดช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภค และค่าที่พักอาศัยชั่วคราวให้แก่บรรดาเจ้าของร้านขายอุปกรณ์มือถือ และผู้เช่าที่พักอาศัยในอาคารดังกล่าว

ต่อมาเวลา 09.40 น.วันนี้ (5 ม.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า ต้องตรวจสอบว่าสาเหตุเพลิงไหม้นั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร เบื้องต้นตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ วางเพลิงเผาทรัพย์ ต้องตรวจสอบเรื่องประกันภัย และถ้าเกิดเพลิงไหม้แล้วผู้ใดจะได้รับผลประโยชน์ ซึ่งอาคารดังกล่าวมีการทำประกันภัยไว้วงเงิน 200 ล้านบาท เหตุประมาท ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น มีใครเปิดเครื่องไฟฟ้าทิ้งไว้ เสียบที่ชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้หรือไม่ และไฟฟ้าช็อต ดูเกี่ยวกับสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าในอาคาร

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า จะยังมีผู้เสียชีวิตติดค้างอยู่ในอาคารหรือไม่นั้นยังตรวจสอบไม่ได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่โยธาตรวจก่อน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จึงสามารถเข้าไปตรวจภายในอาคารได้ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใคร ต้องรอผลการตรวจสอบถึงสาเหตุเพลิงไหม้ให้ชัดเจนก่อน

จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ต้นเพลิงเกิดขั้นที่บริเวณชั้นที่ 1 ของอาคาร ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ และซ่อมโทรศัพท์มือถือ ชื่อร้าน มัชฌิมา เลขที่ บี 9-12 พ.ต.ท.อนุชาติ วิภาดาพิสุทธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.พลับพลาไชย 1 จึงเชิญตัว น.ส.มัชชิมา พงศ์ภัคธนากร เจ้าของร้าน มาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวให้การว่า วันเกิดเหตุเปิดร้านตามปกติแต่ตนไม่อยู่ที่ร้านให้ลูกจ้างจำนวน 4 คน ดูแลขายของแทน และลูกจ้างก็ปิดร้านตอน 6 โมงเย็นตามปกติทุกวัน ส่วนเพลิงไหม้นั้นก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องเรียกลูกจ้างทั้งหมดมาสอบสวนอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่โยธาของกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ตรวจสอบภายในอาคารอย่างละเอียดทั้ง 7 ชั้น นานกว่า 2 ชั่วโมง ก็พบว่าบริเวณชั้นล่างของตัวอาคารได้รับความเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเชื่อได้ว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากชั้นแรก ส่วนชั้น 2 พบรอยแตกร้าวคาดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อตัวอาคาร ส่วนชั้นอื่นมีเขม่าควันไฟเกาะติดตามผนังเท่านั้น และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการ ผู้พักอาศัย และลูกค้าซาวน่า เข้าไปเอาทรัพย์สินในอาคารได้โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมใกล้ชิดเกรงว่า ทรัพย์สินมีค่าผู้อื่นสูญหาย

ด้าน นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.กล่าวว่า ได้รับรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมด 47 ราย เป็นประชาชน 44 ราย เจ้าหน้าที่ 3 ราย โดยขณะนี้ที่โรงพยาบาลกลางมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดจากชั้นที่ 3 ซึ่งขาหักพักรักษาตัวอยู่ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่บริเวณหน้าอาคารแล้ว เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งข้อมูล หรือแจ้งตรวจสอบทรัพย์สินได้ โดยขณะนี้พื้นที่อาคารดังกล่าวประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามใช้จนกว่าทางเจ้าหน้าที่โยธาเขตเข้ามาตรวจสอบ ส่วนเรื่องการดัดแปลงอาคารนั้น ทราบว่าเริ่มอนุญาตใช้ประกอบกิจการการค้าเป็นพลาซ่าตั้งแต่ปี 2548 แต่ระยะหลังมีการต่อเติมดัดแปลงชั้นที่ 4 เป็นนวดแผนโบราณ ชั้นที่ 5-6 เป็นห้องแบ่งให้เช่า และชั้น 7 ทำเป็นกิจการอบซาวน่า จึง ต้องตรวจสอบว่ามีใบถูกต้องอนุญาตหรือไม่

ต่อมานายวิทยา แก้วภราดัย รมว.กระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า สรุปผู้บาดเจ็บเบื้องต้นมีทั้งหมด 46 ราย ส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 6 แห่ง รพ.ราชวิถี เลิดสิน วชิระ และรามาธิบดี ซึ่งขณะนี้ยังคงเหลือผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เพียง 3 ราย คือ นายสมาน พงศ์ชัยศรี อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้ง 2 ข้าง ถลอกและฟกช้ำ อยู่ที่รพ.กลาง นายไล้ แซ่โค้ว อายุ 27 ปี มีอาการสะโพกและแขนหัก อาการสาหัส อยู่ที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน ย้ายจาก รพ.กลาง และนางสาวกุหลาบ ตาสำโรง อายุ 20 ปี มีอาการสำลักควัน บาดเจ็บเล็กน้อย อยู่ที่ รพ.หัวเฉียว มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายสงวน แสงแก้ว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 656 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. ตนสั่งการให้ทีมแพทย์ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหมดอย่างเต็มที่

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันตรวจสอบเพื่อรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกทม. พร้อมทั้งเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่รพ.กลาง

ด้าน พ.ต.อ.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผกก.สน.พลับพลาไชย กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้องกล่าวหาใครอยู่ระหว่างสอบปากคำพยาน รวบรวมหลักฐาน รอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พฐ.ว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเพราะอะไร พนักงานสอบสวนจะเรียกนายสุรศักดิ์ อมรชัยชาญ เจ้าของอาคารเสือป่าพลาซ่า มาสอบปากคำต่อไป

ต่อมา เมื่อเวลา 13.00 น. นายสุรศักดิ์ อมรชัยชาญ เจ้าของอาคารเสือป่าพลาซ่า ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.ยุทธนา ปุญชรัศมิ์ รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 1 โดยระบุว่าขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ตนเองอยู่ที่บ้านพัก ส่วนเรื่องค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ อย่างไรก็ดีสำหรับอาคารเสือป่าพลาซ่าตนได้ทำประกันอัคคีภัยเอาไว้กับธนาคารธรชาตในวงเงินประกัน 190 ล้านบาท ส่วนจะมีการชดเชยให้ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตอย่างไร คงต้องมอบให้ทนายความไปเจรจากับบริษัทประกันภัยอีกครั้ง

ด้าน พ.ต.ท.ยุทธนา เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจตั้งปมเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ไว้ 3 ประเด็น คือ วางเพลิง , ความประมาท และอุบัติเหตุ อย่างไรก็ดีจะต้องรอผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ( พฐ.) อีกครั้งโดยหากพบว่าเป็นความผิดของเจ้าของอาคารจะแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และบาดเจ็บ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมโยธาธิการฯเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างอาคารว่ามีการต่อเติมผิดแบบที่ขออนุญาตไว้หรือไม่

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
เยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บ
กำลังโหลดความคิดเห็น