"หลักคิดของตำรวจ ไม่คิดว่าการเมืองฝ่ายใดได้เปรียบ เพราะตำรวจไม่ใช่สีเหลือง สีแดง สีขาว แต่เราเป็นสีกากี มีหลักการทำงานอย่างไรก็ต้องเดินไปอย่างนั้น เป้าหมายคือ รักษากฎหมายไม่ให้ทุกฝ่ายปะทะกัน ส่วนใครจะชนะใครจะแพ้เป็นเรื่องทางอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ หน้าที่ตำรวจคือต้องใช้ความอลุ่มอล่วยให้ทุกฝ่ายสงบสุข"
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) แทนพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่ถูกโยกย้ยไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2551 ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมที่ร้อนระอุ รอเวลาการแตกหัก แต่ทว่า ในที่สุด สถานการณ์ทางการเมือง ได้ผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น พล.ต.อ.ปทีป จึงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ โดยเปิดเผยถึงความรู้สึก ที่ได้ก้าวขึ้นมากุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางความตกต่ำของแวดวงสีกากีในายตาของประชาชน
พล.ต.อ.ปทีป จบการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ จากโรงเรียนนายตำรวจรุ่น 25 (นรต.25) รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จะเกษียณอายุราชการปี 2553 เริ่มต้นชีวิตราชการใน บช.ตชด. เป็นรองสารวัตรประจำแผนกทะเบียนพล สำนักเลขานุการตำรวจ และย้ายมาทำงานด้านกำลังพล ก่อนเป็นนายเวรผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการ บช.ภ.1 และขึ้นสารวัตรมาทำงานด้านปราบปราม เป็นสารวัตรฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.อ.เมือง ปทุมธานี จากนั้นโยกมาทำงานในกองกำลังพลจนเป็นผกก.ฝ่ายวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่ง กองกำลังพล ตามด้วย รอง ผบก.กองสวัสดิการ ก่อนติดยศ พล.ต.ต.เป็น ผบก.อก.สนง.วิทยาการตำรวจ แล้วโยกเป็น ผบก.กองงบประมาณ ดูแลดานการเงินและบริหารจัดการงบฯ
ต่อมา ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบช.ที่สำนักงานแผนงานและงบประมาณ เป็นรองผบช.สำนักงานกำลังพล เป็นรองผบช.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และขึ้นเป็น ผบช.สำนักงานแผนงานและงบประมาณ ติดยศ พล.ต.ท. ปี พ.ศ.2545 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้วขึ้นเป็นที่ปรึกษาสบ.10 ติดยศ พล.ต.อ.ในปี 2548 ก่อนเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะมาดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ และก้าวเข้ามาทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในปัจจุบัน
คำถามแรก ที่สื่อมวลชนยิงใส่ พล.ต.อ.ปทีป คล้ายจะลอบถอนหายใจ แต่ก็เหมือนเป็นการยกภูเขาอันหนักอึ้งออกจากอก และต่อจากนี้ เป็นคำต่อคำ ที่นายตำรวจร่างใหญ่ผู้นี้ เปิดใจ
ถาม... อยากทราบความรู้สึกที่มารับตำแหน่งท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมรุนแรง
ตอบ... ยอมรับว่าเหนื่อยเพราะสถานการณ์แย่มาก ปกติจะเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เหนื่อยสมอง ซึ่งของผมมาพร้อมกัน ประกอบกับเงื่อนไขของเวลาที่ต้องตัดสินใจ รอพรุ่งนี้ไม่ได้ จะต้องเซย์ เยส หรือโน ณ เวลานั้น ถ้าสถานการณ์ต้องตอบเยส แต่ผมตอบโนก็ตกเหวเลย ซึ่งผมซีเรียสกับช่วงเวลาตรงนั้นมาก 3-4 วันที่ผ่านมานอนกันไม่ถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งช็อตกันไปหมด แต่ผมยังไม่น็อค ยังต้องทำงานต่อ สถานการณ์ที่คลี่คลายไปผลพวงมาจากบุญบารมีของในหลวงทำให้สถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี สถานการณ์ ณ ขณะนั้นถ้าพลาดต้องนองเลือดเยอะ ถ้าปะทะคงเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 100 ศพ เพราะคนเยอะ โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง คนชรา จะทำอะไรต้องคิดแล้วคิดอีกตลอดเวลา
ถาม...สถานการณ์ขณะนั้นใช้อะไรเป็นหลักคิด
ตอบ...ใช้ความสุขุมรอบคอบ และข้อมูลข่าวสารที่ตรงและถูกต้อง นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของมโนธรรมในจิตใจที่ไม่อยากให้คนตาย ทำอย่างไรไม่ให้มีคนเสียชีวิตซึ่งต้องใช้ข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมามาช่วย
ถาม...อึดอัดใจกับการเมือง หรือได้รับแรงกดดันจากการเมืองหรือไม่
ตอบ...หลักคิดของตำรวจ ไม่คิดว่าการเมืองฝ่ายใดได้เปรียบ เพราะตำรวจไม่ใช่สีเหลือง สีแดง สีขาว แต่เราเป็นสีกากี มีหลักการทำงานอย่างไรก็ต้องเดินไปอย่างนั้น เป้าหมายคือรักษากฎหมายไม่ให้ทุกฝ่ายปะทะกัน ส่วนใครจะชนะใครจะแพ้เป็นเรื่องทางอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ หน้าที่ตำรวจคือต้องใช้ความอะลุ่มอล่วยให้ทุกฝ่ายสงบสุข
ถาม...มีหลักในการดูแลขวัญกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไรในสถานการณ์ที่ตำรวจต้องทำงานหนัก
ตอบ...วิธีการให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชามีมากมายหลายวิธี แต่ที่เน้นคือการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจในการทำงาน ผมได้กำชับผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ตรวจเยี่ยมลูกน้องเป็นประจำ อีกอย่างคือการให้ความเป็นธรรมในการรับราชการ การมีความเป็นธรรมจะเป็นขวัญและกำลังใจกับลูกน้อง ซึ่งการให้ความเป็นธรรมรวมถึงการดูแลทุกข์สุข ซึ่งก็ทำได้ไม่ทั่วถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะกำลังพลมากบางครั้งก็ดูไม่ไหว การสร้างขวัญและกำลังใจทำให้เกิดความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด อย่างการดูแลเรื่องความเป็นธรรมเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ หลักจากได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปะทะกับโจรใต้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการปะทะกับคนร้ายอื่นๆ ในต่างจังหวัดหรือ กทม. ก็ให้ดำเนินการเรื่องเงินช่วยเหลือ จำนวนขั้น ให้เกิดความเป็นธรรม
ถาม...จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือสานต่อนโยบายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.หรือไม่
ตอบ...ผมได้ประชุมระดับรองผบ.ตร.และผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายอะไรในตอนนี้ให้ยึดนโยบายของพล.ต.อ.พัชรวาท ส่วนจะเปลี่ยนอะไรก็จะทำในปีหน้า ณ วันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปีหน้าภายใน 12 เดือน จะปรับเปลี่ยนอะไรยังตอบลำบากเพราะตนเองได้มาจับงานตำรวจจริงๆเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ถาม...จะมีการปรับเปลี่ยนงานโรงพักหรือไม่
ตอบ...มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนโรงพักให้ซอยย่อยขึ้น ปัจจุบันตำรวจมี 1,449 โรงพักทั่วประเทศ ผมคิดว่าไม่เพียงพออยากจะเพิ่มเป็น 1,500- 1,600 โรงพัก ซอยพื้นที่ให้แคบจะได้ใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น โจรผู้ร้ายก็จะลดลง อยากให้ตำรวจรู้จักกับคนในชุมชนเหมือนเมื่อก่อนที่มีความสนิทสนมรู้จักทุกคนในชุมชน รู้จักบ้านรู้จักตั้งแต่ปู่ถึงหลาน ซึ่งก็ต้องเพิ่มตำรวจระดับล่างเข้าไป อยากให้ตำรวจเข้าไปสัมผัสกับพื้นที่จริงๆ
ถาม...คิดว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่
ตอบ...ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่าน่าจะดีขึ้น หลังจากมีการประชุมสภาฯในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.ได้นายกรัฐมนตรี มีคณะรัฐมนตรี สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ที่กลัวตอนนี้คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จากอเมริกาที่กำลังมีผลกระทบมายังประเทศไทย ปัญหาเงินฝืด คนว่างงาน ซึ่งเป็นมูลเหตุของโจรผู้ร้าย ซึ่งตรงนี้จะไปกันอย่างไร คนที่ไม่ได้เป็นขโมยอาชีพก็ต้องทำเพราะไม่มีงาน ไม่มีเงิน ซึ่งเราต้องเตรียมการเรื่องนี้ ว่าจะทำอย่างสังคมมีความสงบสุข ซึ่งได้สั่งกำชับเรื่องนี้ไปยังทุกพื้นที่แล้ว แต่การปรับโรงพักให้มากขึ้นไม่ทันที่จะรองรับตรงจุดนี้เพราะต้องผ่านกระบวนการอีกหลายอย่าง
ถาม...ตำรวจมีการเตรียมการอย่างไรเรื่องของการชุมนุมที่อาจจะมีขึ้นอีกในอนาคต ตอบ...เรื่องนี้เราได้เตรียมการฝึกอบรมหน่วยปราบปรามจลาจลให้มีทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 กองร้อย แต่ยังมี ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ตำรวจตระเวนชายแดน และคอมมานโดกองปราบปรามเป็นหน่วยหลัก ที่เหลือเป็นกำลังเสริมแต่ให้มีการฝึกอบรมให้มีความรู้เรื่องการปราบปรามจลาจลระดับหนึ่ง ซึ่งได้เริ่มทำการอบรมกันแล้ว
ถาม...จะมีการผลักดัน พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท ที่พยายามผลักดันหรือไม่
ตอบ...เรื่องนี้ขณะที่มีการเสนอกฎหมายฉบับนี้ผมเป็นหนึ่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่ง พ.ร.บ.นี้ไม่ผ่าน สนช.เพราะมีข้อดีข้อเสียหลายอย่างทำให้ตกไป ซึ่งการจะหยิบกฎหมายนี้มาเสนออีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับเวลาที่เหมาะสมซึ่งผมเห็นว่า ณ เวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้
ถาม...ที่ผ่านมาหลังจากมีการเปลี่ยน ผบ.ตร.จะมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีนโนบายในการโยกย้ายอย่างไร
ตอบ...สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกรมเดียวที่สะอาดที่สุด ล้างขาวจั๊วกันทุกยุค ผมจะหยุดเรื่องการล้างบางในยุคของผม รับรองว่าผมเลิกล้างเพราะตำรวจสะอาดมากแล้ว ให้สกปรกบ้างอย่าล้างกันเลย
ถาม...ขอให้อวยพรปีใหม่ให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนคนไทย
ตอบ...ในวาระขึ้นปีใหม่ก็ขอให้ทุกคนสุขี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนตั้งใจทำงาน สุขภาพแข็งแรง ตำรวจไทยได้ชื่อว่าแข็งกว่าเหล็ก ขอให้ประชาชนคนไทยมีความสุข โจรผู้ร้ายน้อย ให้ฝากบ้านไว้กับตำรวจให้เที่ยวปีใหม่ด้วยความสุข ปลอดภัย ผมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันอาชญากรรมช่วงปีใหม่กำหนดวิธีการทำงานไว้แล้ว
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) แทนพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่ถูกโยกย้ยไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2551 ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมที่ร้อนระอุ รอเวลาการแตกหัก แต่ทว่า ในที่สุด สถานการณ์ทางการเมือง ได้ผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น พล.ต.อ.ปทีป จึงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ โดยเปิดเผยถึงความรู้สึก ที่ได้ก้าวขึ้นมากุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางความตกต่ำของแวดวงสีกากีในายตาของประชาชน
พล.ต.อ.ปทีป จบการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ จากโรงเรียนนายตำรวจรุ่น 25 (นรต.25) รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จะเกษียณอายุราชการปี 2553 เริ่มต้นชีวิตราชการใน บช.ตชด. เป็นรองสารวัตรประจำแผนกทะเบียนพล สำนักเลขานุการตำรวจ และย้ายมาทำงานด้านกำลังพล ก่อนเป็นนายเวรผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการ บช.ภ.1 และขึ้นสารวัตรมาทำงานด้านปราบปราม เป็นสารวัตรฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.อ.เมือง ปทุมธานี จากนั้นโยกมาทำงานในกองกำลังพลจนเป็นผกก.ฝ่ายวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่ง กองกำลังพล ตามด้วย รอง ผบก.กองสวัสดิการ ก่อนติดยศ พล.ต.ต.เป็น ผบก.อก.สนง.วิทยาการตำรวจ แล้วโยกเป็น ผบก.กองงบประมาณ ดูแลดานการเงินและบริหารจัดการงบฯ
ต่อมา ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบช.ที่สำนักงานแผนงานและงบประมาณ เป็นรองผบช.สำนักงานกำลังพล เป็นรองผบช.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และขึ้นเป็น ผบช.สำนักงานแผนงานและงบประมาณ ติดยศ พล.ต.ท. ปี พ.ศ.2545 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้วขึ้นเป็นที่ปรึกษาสบ.10 ติดยศ พล.ต.อ.ในปี 2548 ก่อนเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะมาดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ และก้าวเข้ามาทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในปัจจุบัน
คำถามแรก ที่สื่อมวลชนยิงใส่ พล.ต.อ.ปทีป คล้ายจะลอบถอนหายใจ แต่ก็เหมือนเป็นการยกภูเขาอันหนักอึ้งออกจากอก และต่อจากนี้ เป็นคำต่อคำ ที่นายตำรวจร่างใหญ่ผู้นี้ เปิดใจ
ถาม... อยากทราบความรู้สึกที่มารับตำแหน่งท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมรุนแรง
ตอบ... ยอมรับว่าเหนื่อยเพราะสถานการณ์แย่มาก ปกติจะเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เหนื่อยสมอง ซึ่งของผมมาพร้อมกัน ประกอบกับเงื่อนไขของเวลาที่ต้องตัดสินใจ รอพรุ่งนี้ไม่ได้ จะต้องเซย์ เยส หรือโน ณ เวลานั้น ถ้าสถานการณ์ต้องตอบเยส แต่ผมตอบโนก็ตกเหวเลย ซึ่งผมซีเรียสกับช่วงเวลาตรงนั้นมาก 3-4 วันที่ผ่านมานอนกันไม่ถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งช็อตกันไปหมด แต่ผมยังไม่น็อค ยังต้องทำงานต่อ สถานการณ์ที่คลี่คลายไปผลพวงมาจากบุญบารมีของในหลวงทำให้สถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี สถานการณ์ ณ ขณะนั้นถ้าพลาดต้องนองเลือดเยอะ ถ้าปะทะคงเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 100 ศพ เพราะคนเยอะ โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง คนชรา จะทำอะไรต้องคิดแล้วคิดอีกตลอดเวลา
ถาม...สถานการณ์ขณะนั้นใช้อะไรเป็นหลักคิด
ตอบ...ใช้ความสุขุมรอบคอบ และข้อมูลข่าวสารที่ตรงและถูกต้อง นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของมโนธรรมในจิตใจที่ไม่อยากให้คนตาย ทำอย่างไรไม่ให้มีคนเสียชีวิตซึ่งต้องใช้ข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมามาช่วย
ถาม...อึดอัดใจกับการเมือง หรือได้รับแรงกดดันจากการเมืองหรือไม่
ตอบ...หลักคิดของตำรวจ ไม่คิดว่าการเมืองฝ่ายใดได้เปรียบ เพราะตำรวจไม่ใช่สีเหลือง สีแดง สีขาว แต่เราเป็นสีกากี มีหลักการทำงานอย่างไรก็ต้องเดินไปอย่างนั้น เป้าหมายคือรักษากฎหมายไม่ให้ทุกฝ่ายปะทะกัน ส่วนใครจะชนะใครจะแพ้เป็นเรื่องทางอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ หน้าที่ตำรวจคือต้องใช้ความอะลุ่มอล่วยให้ทุกฝ่ายสงบสุข
ถาม...มีหลักในการดูแลขวัญกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไรในสถานการณ์ที่ตำรวจต้องทำงานหนัก
ตอบ...วิธีการให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชามีมากมายหลายวิธี แต่ที่เน้นคือการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจในการทำงาน ผมได้กำชับผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ตรวจเยี่ยมลูกน้องเป็นประจำ อีกอย่างคือการให้ความเป็นธรรมในการรับราชการ การมีความเป็นธรรมจะเป็นขวัญและกำลังใจกับลูกน้อง ซึ่งการให้ความเป็นธรรมรวมถึงการดูแลทุกข์สุข ซึ่งก็ทำได้ไม่ทั่วถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะกำลังพลมากบางครั้งก็ดูไม่ไหว การสร้างขวัญและกำลังใจทำให้เกิดความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด อย่างการดูแลเรื่องความเป็นธรรมเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ หลักจากได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปะทะกับโจรใต้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการปะทะกับคนร้ายอื่นๆ ในต่างจังหวัดหรือ กทม. ก็ให้ดำเนินการเรื่องเงินช่วยเหลือ จำนวนขั้น ให้เกิดความเป็นธรรม
ถาม...จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือสานต่อนโยบายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.หรือไม่
ตอบ...ผมได้ประชุมระดับรองผบ.ตร.และผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายอะไรในตอนนี้ให้ยึดนโยบายของพล.ต.อ.พัชรวาท ส่วนจะเปลี่ยนอะไรก็จะทำในปีหน้า ณ วันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปีหน้าภายใน 12 เดือน จะปรับเปลี่ยนอะไรยังตอบลำบากเพราะตนเองได้มาจับงานตำรวจจริงๆเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ถาม...จะมีการปรับเปลี่ยนงานโรงพักหรือไม่
ตอบ...มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนโรงพักให้ซอยย่อยขึ้น ปัจจุบันตำรวจมี 1,449 โรงพักทั่วประเทศ ผมคิดว่าไม่เพียงพออยากจะเพิ่มเป็น 1,500- 1,600 โรงพัก ซอยพื้นที่ให้แคบจะได้ใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น โจรผู้ร้ายก็จะลดลง อยากให้ตำรวจรู้จักกับคนในชุมชนเหมือนเมื่อก่อนที่มีความสนิทสนมรู้จักทุกคนในชุมชน รู้จักบ้านรู้จักตั้งแต่ปู่ถึงหลาน ซึ่งก็ต้องเพิ่มตำรวจระดับล่างเข้าไป อยากให้ตำรวจเข้าไปสัมผัสกับพื้นที่จริงๆ
ถาม...คิดว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่
ตอบ...ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่าน่าจะดีขึ้น หลังจากมีการประชุมสภาฯในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.ได้นายกรัฐมนตรี มีคณะรัฐมนตรี สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ที่กลัวตอนนี้คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จากอเมริกาที่กำลังมีผลกระทบมายังประเทศไทย ปัญหาเงินฝืด คนว่างงาน ซึ่งเป็นมูลเหตุของโจรผู้ร้าย ซึ่งตรงนี้จะไปกันอย่างไร คนที่ไม่ได้เป็นขโมยอาชีพก็ต้องทำเพราะไม่มีงาน ไม่มีเงิน ซึ่งเราต้องเตรียมการเรื่องนี้ ว่าจะทำอย่างสังคมมีความสงบสุข ซึ่งได้สั่งกำชับเรื่องนี้ไปยังทุกพื้นที่แล้ว แต่การปรับโรงพักให้มากขึ้นไม่ทันที่จะรองรับตรงจุดนี้เพราะต้องผ่านกระบวนการอีกหลายอย่าง
ถาม...ตำรวจมีการเตรียมการอย่างไรเรื่องของการชุมนุมที่อาจจะมีขึ้นอีกในอนาคต ตอบ...เรื่องนี้เราได้เตรียมการฝึกอบรมหน่วยปราบปรามจลาจลให้มีทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 กองร้อย แต่ยังมี ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ตำรวจตระเวนชายแดน และคอมมานโดกองปราบปรามเป็นหน่วยหลัก ที่เหลือเป็นกำลังเสริมแต่ให้มีการฝึกอบรมให้มีความรู้เรื่องการปราบปรามจลาจลระดับหนึ่ง ซึ่งได้เริ่มทำการอบรมกันแล้ว
ถาม...จะมีการผลักดัน พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท ที่พยายามผลักดันหรือไม่
ตอบ...เรื่องนี้ขณะที่มีการเสนอกฎหมายฉบับนี้ผมเป็นหนึ่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่ง พ.ร.บ.นี้ไม่ผ่าน สนช.เพราะมีข้อดีข้อเสียหลายอย่างทำให้ตกไป ซึ่งการจะหยิบกฎหมายนี้มาเสนออีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับเวลาที่เหมาะสมซึ่งผมเห็นว่า ณ เวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้
ถาม...ที่ผ่านมาหลังจากมีการเปลี่ยน ผบ.ตร.จะมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีนโนบายในการโยกย้ายอย่างไร
ตอบ...สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกรมเดียวที่สะอาดที่สุด ล้างขาวจั๊วกันทุกยุค ผมจะหยุดเรื่องการล้างบางในยุคของผม รับรองว่าผมเลิกล้างเพราะตำรวจสะอาดมากแล้ว ให้สกปรกบ้างอย่าล้างกันเลย
ถาม...ขอให้อวยพรปีใหม่ให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนคนไทย
ตอบ...ในวาระขึ้นปีใหม่ก็ขอให้ทุกคนสุขี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนตั้งใจทำงาน สุขภาพแข็งแรง ตำรวจไทยได้ชื่อว่าแข็งกว่าเหล็ก ขอให้ประชาชนคนไทยมีความสุข โจรผู้ร้ายน้อย ให้ฝากบ้านไว้กับตำรวจให้เที่ยวปีใหม่ด้วยความสุข ปลอดภัย ผมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันอาชญากรรมช่วงปีใหม่กำหนดวิธีการทำงานไว้แล้ว