นครบาลออกแถลงการณ์ เตือนพันธมิตรฯชุมนุมปราศจากอาวุธ ต้องไม่ปิดทางเข้า-ออก ใช้แผน “กรกฎ 48” รับมือชุมนุมใหญ่ 23 พ.ย.ตั้งด่านตรวจสกัด โยงใยเป็นแมงมุม ตรวจค้นอาวุธสงคราม คนต้องสงสัย รถยนต์และจยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อการป่วน ห้ามพกพาอาวุธใด เข้าพื้นที่ชุมนุมหน้ารัฐสภาเด็ดขาด ย้ำห้ามตำรวจใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกันได้ส่งสายสืบนอกเครื่องแบบหญิงปะปนหาข่าวพวกจะก่อความวุ่นวาย แถมเตรียมพร้อมหน่วยคอมมานโดชุดปราบจราจลสกัดผู้บุกรุกรัฐสภาเต็มที่
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง การดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม. ผบก.น.1-9 ,ผบก.จร. ,ผบก.ตปพ. ผู้บังคับหน่วยกองร้อยควบคุมฝูงชน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงสังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 23 พ.ย. พร้อมวางมาตราการคุมเข้มดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัย และซักซ้อมความเข้าใจแผนปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังมอบหมายพื้นที่รับผิดชอบดูแลบัญชาการเหตุการณ์ให้กับนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. และ ผบก.น.1-9 รวมถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมสั่งการ ดูแลการปฏิบัติของกำลังพลที่ทำหน้าที่ในครั้งนี้ โดยใช้แผนปฏิบัติรักษาความปลอดภัย “กรกฎ 48” เป็นหลัก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า ได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ทุกหน่วยทุกพื้นที่ในสังกัดตั้งด่านตรวจสกัด โยงใยเป็นเครือข่ายแมงมุม เน้นการตรวจอาวุธสงคราม บุคคลต้องสงสัย รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่เอื้ออำนวยต่อการก่อเหตุ รถยนต์กระบะ รถตู้ ที่มีการขนคนจำนวนมาก พร้อมตั้งจุดสกัดตรวจค้นอาวุธผู้ชุมนุมอย่างละเอียด ห้ามไม่ให้มีการพกพาอาวุธใดๆ เล็ดลอดเข้าไปในการเคลื่อนไหวชุมนุมมายังหน้ารัฐสภาอย่างเด็ดขาด และให้ตั้งแผงเหล็กกั้นพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่จำกัด หากพบมีการพกพาอาวุธให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด และห้ามตำรวจใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายตำรวจที่รับผิดชอบงานด้านการสืบสวนจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบหญิงและชาย ปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อสืบหาข่าวรวมถึงบุคคลที่อาจแฝงตัวเข้ามาก่อความวุ่นวายสร้างสถานการณ์ไม่สงบในกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ดูแลความสงบเรียบร้อยหน้ารัฐสภาจำนวน 9 กองร้อย 1,350 นายและดูแลด้านนอกร่วมกับหน่วยงานทหาร 2 กองร้อยดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนภายในอาคารรัฐสภาถือเป็นสถานที่สำคัญ จะมีการวางกำลังเตรียมพร้อม โดยใช้ชุดปราบจลาจลพร้อมอาวุธครบมือเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลใดบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ซึ่งเจ้าหน้าที่คงยอมไม่ได้ต้องป้องกันอย่างเต็มที่ แต่ยืนยันจะใช้ความละมุนละม่อม
นอกจากนี้ยังมีการประสานไปยังฝ่ายทหารขอกำลังสนับสนุนอีกจำนวน 21 กองร้อย เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง ส่วนกำลังตำรวจใช้จาก บก.น.1-9 บก.จร. บก.ตปพ. และขอกำลังเสริมจาก หน่วยคอมมานโด กองปราบปราม ตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 เตรียมการ ณ ที่ตั้ง พร้อมกันนี้สั่งการให้ดูแลโดยรอบถนนทุกสายที่มุ่งหน้ารัฐสภา
“นวย” วอนพันธมิตรฯ ชุมนุมปราศจากอาวุธ
ทางด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ตำรวจได้ประสานไปยังประธานรัฐสภาได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการนำวาระที่แก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุในวาระการประชุมเด็ดขาด หากใครต้องการเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ขอให้ตัดสนใจใหม่ แต่หากยังต้องการเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯก็ขอให้ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ขณะนี้ บช.น.ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญแจกจ่ายผ่านไปยังสื่อมวลชนแล้ว ซึ่งการชุมนุมนั้นสามารถทำได้แต่ต้องไม่ขัดขวางการทำงานของ สส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐสภาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าดำเนินการควบคุมผู้ชุมนุมตามลำดับขั้นตอนเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตามอำนาจหน้าที่
“เรื่องของกำลังตอนนี้เราไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้เท่าไหร่ แต่มีการประสานขอกำลังสนับสนุนจากกองทัพให้จัดกำลังมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงเรื่องกำลังพล เราไม่มีสีอื่นมีเพียงสีแดง ขาว น้ำเงิน ที่เป็นสีของธงชาติไทยเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งชาติเท่านั้น อยากเตือนประชาชนที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมว่าให้ชุมนุมอย่างสงบอย่าได้ทำการปิดกั้นทางเข้าออกหรือทำอะไรที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ มิเช่นนั้นตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนจะยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมอีกหรือไม่นั้น ตอนนี้อย่าเพิ่งมาถามเพราะผมเองก็ตอบไม่ได้เพราะยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่ อย่ามาถามอะไรในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น และขอยืนยันตำรวจจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและทำทุกอย่างตามขั้นตอน” รอง ผบช.น.กล่าวย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.อำนวย ได้มีการแจกจ่ายประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเป็นการเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมในเบื้องต้น โดยมีรายละเอียดคือ
นครบาลออกประกาศแจ้งเตือนผู้ชุมนุม
ประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องแจ้งเตือนการชุมนุมในทางการเมืองภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญ ตามแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 24/2551 เรื่องระดมมวลชนครั้งใหญ่เพื่อเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐกับรัฐบาลทรราช ฆาตกรหุ่นเชิดและหยุดสภาทาสระบอบทักษิณ โดยมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2551 ณ ทำเนียบรัฐบาล “เพื่อเผด็จศึก” เคลื่อนขบวนต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญหน้ารัฐสภา โดยการดำเนินทุกวิถีทางนั้น
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงแจ้งเตือนมายังบรรดาแกนนำและผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุม หากจะอ้างสิทธิการชุมนุมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 63 นั้น จะต้องชุมนุมกันอย่างสงบและปราศจากอาวุธ กับทั้งไม่มีพฤติการณ์ในการที่จะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ปิดกั้นทางเข้าออกบริเวณรัฐสภา กระทำการใดๆ ที่มีลักษณะทำให้ผู้อื่นกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น ตามนัยคำสั่งกำหนดมาตราการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 1605/2551 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งว่าเป็นการชุมนุมที่มิใช่การชุมนุมอย่างสงบอันจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าสลายการชุมนุมเพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำของผู้ชุมนุมได้ ดังนั้นจึงให้แกนนำและบรรดาผู้เข้าร่วมชุมนุม หากมีการเคลื่อนกำลังไปยังหน้ารัฐสภา ขอให้ดำเนินการอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย หากไม่แล้วเจ้าหน้าที่จำเข้าดำเนินการควบคุมฝูงชนตามลำดับขั้นตอนเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตามอำนาจหน้าที่
อนึ่ง ในชั้นนี้ทราบว่าไม่มีการบรรจุระเบียบวาระการแก้ไขรับธรรมนูญในการประชุมวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 แต่อย่างใด
กองบัญชาการตำรวจนครบาล
21 พฤศจิกายน 2551
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง การดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม. ผบก.น.1-9 ,ผบก.จร. ,ผบก.ตปพ. ผู้บังคับหน่วยกองร้อยควบคุมฝูงชน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงสังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 23 พ.ย. พร้อมวางมาตราการคุมเข้มดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัย และซักซ้อมความเข้าใจแผนปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังมอบหมายพื้นที่รับผิดชอบดูแลบัญชาการเหตุการณ์ให้กับนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. และ ผบก.น.1-9 รวมถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมสั่งการ ดูแลการปฏิบัติของกำลังพลที่ทำหน้าที่ในครั้งนี้ โดยใช้แผนปฏิบัติรักษาความปลอดภัย “กรกฎ 48” เป็นหลัก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า ได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ทุกหน่วยทุกพื้นที่ในสังกัดตั้งด่านตรวจสกัด โยงใยเป็นเครือข่ายแมงมุม เน้นการตรวจอาวุธสงคราม บุคคลต้องสงสัย รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่เอื้ออำนวยต่อการก่อเหตุ รถยนต์กระบะ รถตู้ ที่มีการขนคนจำนวนมาก พร้อมตั้งจุดสกัดตรวจค้นอาวุธผู้ชุมนุมอย่างละเอียด ห้ามไม่ให้มีการพกพาอาวุธใดๆ เล็ดลอดเข้าไปในการเคลื่อนไหวชุมนุมมายังหน้ารัฐสภาอย่างเด็ดขาด และให้ตั้งแผงเหล็กกั้นพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่จำกัด หากพบมีการพกพาอาวุธให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด และห้ามตำรวจใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายตำรวจที่รับผิดชอบงานด้านการสืบสวนจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบหญิงและชาย ปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อสืบหาข่าวรวมถึงบุคคลที่อาจแฝงตัวเข้ามาก่อความวุ่นวายสร้างสถานการณ์ไม่สงบในกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ดูแลความสงบเรียบร้อยหน้ารัฐสภาจำนวน 9 กองร้อย 1,350 นายและดูแลด้านนอกร่วมกับหน่วยงานทหาร 2 กองร้อยดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนภายในอาคารรัฐสภาถือเป็นสถานที่สำคัญ จะมีการวางกำลังเตรียมพร้อม โดยใช้ชุดปราบจลาจลพร้อมอาวุธครบมือเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลใดบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ซึ่งเจ้าหน้าที่คงยอมไม่ได้ต้องป้องกันอย่างเต็มที่ แต่ยืนยันจะใช้ความละมุนละม่อม
นอกจากนี้ยังมีการประสานไปยังฝ่ายทหารขอกำลังสนับสนุนอีกจำนวน 21 กองร้อย เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง ส่วนกำลังตำรวจใช้จาก บก.น.1-9 บก.จร. บก.ตปพ. และขอกำลังเสริมจาก หน่วยคอมมานโด กองปราบปราม ตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 เตรียมการ ณ ที่ตั้ง พร้อมกันนี้สั่งการให้ดูแลโดยรอบถนนทุกสายที่มุ่งหน้ารัฐสภา
“นวย” วอนพันธมิตรฯ ชุมนุมปราศจากอาวุธ
ทางด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ตำรวจได้ประสานไปยังประธานรัฐสภาได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการนำวาระที่แก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุในวาระการประชุมเด็ดขาด หากใครต้องการเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ขอให้ตัดสนใจใหม่ แต่หากยังต้องการเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯก็ขอให้ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ขณะนี้ บช.น.ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญแจกจ่ายผ่านไปยังสื่อมวลชนแล้ว ซึ่งการชุมนุมนั้นสามารถทำได้แต่ต้องไม่ขัดขวางการทำงานของ สส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐสภาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าดำเนินการควบคุมผู้ชุมนุมตามลำดับขั้นตอนเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตามอำนาจหน้าที่
“เรื่องของกำลังตอนนี้เราไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้เท่าไหร่ แต่มีการประสานขอกำลังสนับสนุนจากกองทัพให้จัดกำลังมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงเรื่องกำลังพล เราไม่มีสีอื่นมีเพียงสีแดง ขาว น้ำเงิน ที่เป็นสีของธงชาติไทยเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งชาติเท่านั้น อยากเตือนประชาชนที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมว่าให้ชุมนุมอย่างสงบอย่าได้ทำการปิดกั้นทางเข้าออกหรือทำอะไรที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ มิเช่นนั้นตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนจะยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมอีกหรือไม่นั้น ตอนนี้อย่าเพิ่งมาถามเพราะผมเองก็ตอบไม่ได้เพราะยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่ อย่ามาถามอะไรในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น และขอยืนยันตำรวจจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและทำทุกอย่างตามขั้นตอน” รอง ผบช.น.กล่าวย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.อำนวย ได้มีการแจกจ่ายประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเป็นการเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมในเบื้องต้น โดยมีรายละเอียดคือ
นครบาลออกประกาศแจ้งเตือนผู้ชุมนุม
ประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องแจ้งเตือนการชุมนุมในทางการเมืองภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญ ตามแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 24/2551 เรื่องระดมมวลชนครั้งใหญ่เพื่อเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐกับรัฐบาลทรราช ฆาตกรหุ่นเชิดและหยุดสภาทาสระบอบทักษิณ โดยมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2551 ณ ทำเนียบรัฐบาล “เพื่อเผด็จศึก” เคลื่อนขบวนต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญหน้ารัฐสภา โดยการดำเนินทุกวิถีทางนั้น
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงแจ้งเตือนมายังบรรดาแกนนำและผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุม หากจะอ้างสิทธิการชุมนุมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 63 นั้น จะต้องชุมนุมกันอย่างสงบและปราศจากอาวุธ กับทั้งไม่มีพฤติการณ์ในการที่จะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ปิดกั้นทางเข้าออกบริเวณรัฐสภา กระทำการใดๆ ที่มีลักษณะทำให้ผู้อื่นกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น ตามนัยคำสั่งกำหนดมาตราการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 1605/2551 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งว่าเป็นการชุมนุมที่มิใช่การชุมนุมอย่างสงบอันจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าสลายการชุมนุมเพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำของผู้ชุมนุมได้ ดังนั้นจึงให้แกนนำและบรรดาผู้เข้าร่วมชุมนุม หากมีการเคลื่อนกำลังไปยังหน้ารัฐสภา ขอให้ดำเนินการอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย หากไม่แล้วเจ้าหน้าที่จำเข้าดำเนินการควบคุมฝูงชนตามลำดับขั้นตอนเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตามอำนาจหน้าที่
อนึ่ง ในชั้นนี้ทราบว่าไม่มีการบรรจุระเบียบวาระการแก้ไขรับธรรมนูญในการประชุมวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 แต่อย่างใด
กองบัญชาการตำรวจนครบาล
21 พฤศจิกายน 2551